ช่องวอยซ์เดือด คำ ผกา ด่าใบตองแห้งยับ ด่าพรรคเพื่อไทยว่าตระบัดสัตย์ ย้อนกลับกินเงินเดือนวอยซ์แต่ไปทำงานให้พรรคก้าวไกล แนะไปส่องกระจกดูหน้าตัวเอง แจงให้โอกาสตั้งรัฐบาลมาแล้ว 2 ครั้งแต่ขาดความรับผิดชอบ เอาคะแนนไปทิ้งน้ำ สร้างภาพนายกฯ รถแห่ อย่ามาโทษ ส.ว.เพราะรู้กติกาดีอยู่แล้ว อีกด้านรำคาญพรรคก้าวไกล กองเชียร์ และสื่ออวยพรรค ปั่นกระแสทุกวัน ถามพิธาจากไปอย่างผู้ชนะ ชนะอะไร
วันนี้ (18 เม.ย.) รายงานข่าวแจ้งว่า น.ส.ลักขณา ปันวิชัย หรือ คำ ผกา พิธีกร นักเขียนชื่อดัง กล่าวในรายการ Talking Thailand ทางสถานีโทรทัศน์วอยซ์ทีวี เมื่อวันที่ 17 เม.ย. ระบุว่า การที่นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ประธานที่ปรึกษาพรรคก้าวไกล กล่าวว่า ขอจากไปอย่างผู้ชนะ ดีกว่าทำสัญญากับซาตาน ถามว่าจะไปไหน เป็น ส.ส.อยู่สภาฯ อยู่ตรงนั้น พรรคอยู่ตรงนี้ ยังไม่ต้องจากไปไหน ยังไม่มีใครให้นายพิธาไปไหน เว้นแต่หาตำแหน่งไม่เจอ เพราะนายชัยธวัช ตุลาธน เป็นหัวหน้าพรรคอยู่ ตอนนี้นายพิธาเป็นประธานที่ปรึกษาพรรค ก็เป็นตำแหน่งลอย
แล้วจากไปอย่างผู้ชนะคืออะไร พิธาชนะอะไร พรรคก้าวไกลได้ 14 ล้านเสียง แปลว่าเป็นพรรคการเมืองที่มี ส.ส.มากที่สุด ซึ่งไม่ได้แปลว่าชนะ จาก 500 คน และจาก 750 คน ของรัฐธรรมนูญปี 2560 เขาได้ 151 ใน 500 ไม่เรียกว่าชนะ และจาก 151 ใน 750 ยิ่งไม่เรียกว่าชนะ ตนมีปัญหาคำว่า ขอจากไปอย่างผู้ชนะ ข้อที่ 1 คุณยังไม่ได้จากไปไหน แล้วสื่อทั้งหลายที่เอาพวกทำนายทางการเมืองผิดไปแล้วร้อยครั้ง ก็ยังดันทุรังเอาไปออกรายการ จะเป็นนายกฯ ก็ว่าว หวังว่าจะใช้เรื่องยุบพรรคสร้างคะแนนนิยมของตัวเอง แล้วจากไปอย่างผู้ชนะคืออะไร แปลว่าอยากโดนยุบพรรคเหรอ นี่แปลกนะ ถ้าคุณทำพรรคการเมืองแล้วมี Visual Thinking (กระบวนการคิดเป็นภาพ) ว่าอยากโดนยุบพรรคนี่แปลกมากนะ ฟังไปฟังมา ตนรู้สึกว่าพรรคก้าวไกลคิดว่าเมื่อไหร่จะโดนยุบ จะได้เอามาหาเสียงต่อว่าพรรคถูกกระทำ
เรื่องยุบพรรคหลักการง่ายมาก ไม่ควรมีพรรคการเมืองไหนโดนยุบ แล้วถ้าพรรคการเมืองจะสูญพันธุ์ก็เพราะว่าประชาชนไม่เลือก เป็นเบสิกไม่ต้องสอนกันอีกแล้ว ทุกคนรู้ แต่สิ่งที่พวกเราตั้งคำถามก็คือ คนที่พูดว่าจะยุบพรรคทุกวันก็คือพรรคก้าวไกลเอง ในขณะที่พรรคการเมืองอื่นบอกว่าอย่ายุบ พรรคการเมืองไม่ควรถูกยุบ แต่พรรคก้าวไกล กองเชียร์พรรคก้าวไกล และสื่อมวลชนที่เชียร์พรรคก้าวไกล ปั่นกระแสทุกวัน เช่น เราจะโดนยุบแล้ว เราถูกกระทำ ตายสิบเกิดแสน ยิ่งยุบยิ่งเบิกบาน ยิ่งยุบยิ่งเติบโต ยิ่งยุบเราจะยิ่งโตเร็ว กลัวไหมคะ กลัวไหมคะ เหมือนกับว่า ยิ่งยุบจะได้มูฟออน ตั้งพรรคใหม่ มาคาราคาซังแบบนี้ทะเลาะกันทุกวัน ทำอะไรไม่ได้ นายพิธาไม่ได้เป็นหัวหน้าพรรค แต่เป็นอะไรทุกวันนี้ เป็นผู้ชนะ จากไปอย่างผู้ชนะ
ผู้ร่วมดำเนินรายการถามต่อว่า ชนะแล้วไปไหนต่อดี ส่วนอีกคนกล่าวว่า ก็ดูนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีจะไปไหน นายพิธาก็จะไปก่อนหน้านั้น 1 วัน น.ส.ลักขณากล่าวว่า เพราะว่านายทักษิณอยู่ที่ไหน นักข่าวอยู่ตรงนั้นเยอะ แล้วพอนายพิธาไปอยู่ที่เดียวกัน นักข่าวจะได้แวะทำข่าวตัวเองด้วย ถ้านายพิธาไปจังหวัดที่ไม่มีนายทักษิณและไม่มีนักข่าวที่ตามไปทำข่าวนายทักษิณ ใครจะไปทำข่าวนายพิธาก่อน อันนี้แบบคนอยู่ในวงการสื่อ ตนไม่มีอะไรจะปิดบังแล้ว วันนี้เอาความจริงทุกอย่างมาเปิดเผย ทุกคนรู้ว่านายทักษิณอยู่เชียงใหม่ กองทัพนักข่าว 200-300 คนไปรอทำข่าว เพราะฉะนั้นถ้าอยากได้อานิสงส์จากการทำข่าวนายทักษิณ ก็เอาตัวไปไว้ใกล้ๆ นายทักษิณแค่นั้น
ในตอนหนึ่ง กรณีที่นายอธึกกิต แสวงสุข หรือใบตองแห้ง ผู้ดำเนินรายการและคอลัมนิสต์เครือมติชน ซึ่งมีแนวคิดสนับสนุนพรรคก้าวไกล โพสต์เฟซบุ๊กกล่าวถึงกรณีที่นายวิสุทธิ์ ไชยณรุณ ประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมรัฐบาล (วิปรัฐบาล) กล่าวว่าพรรคเพื่อไทยจะมีนักวิชาการมาช่วยงาน วิจารณ์ว่าเปิดหน้ามาเลยว่าใครจะมาทำ Think Tank (คลังสมอง) ทำอะคาเดมีเทรน ส.ส.บ้านใหญ่ที่มีความรู้ทางวิชาการ มีหลายคนไปช่วยงานอยู่แล้ว คนทั่วไปก็เพียบ ดีกรีดีๆ เงินเดือน 6 หลัก (แสนบาท) ไม่ผิดที่เห็นด้วยกับพรรคเพื่อไทย เห็นต่างกันได้ แต่เห็นว่าข้ามขั้วตระบัดสัตย์เป็นขั้นต้นของการเปลี่ยนแปลง ไหนๆ ก็เป็นรัฐบาลแล้วเข้าไปช่วยเผื่อทำอะไรดีขึ้น เพียงแต่ที่ผ่านมานักวิชาการที่เข้าไปช่วยพรรคเพื่อไทยมักจะซุ่มๆ แอบๆ เว้นแต่มีภาพหลุดหรือโดนแอบถ่าย รู้ว่าแต่ละคนไม่อยากช่วยอธิบาย อธิแบก ข้ามขั้วตระบัดสัตย์พูดลำบาก อายปาก ทำแบบนี้นางแบกยังตรงไปตรงมามากกว่า
น.ส.ลักขณากล่าวถึงนายอธึกกิตว่า เราคนใกล้ชิดกัน นายอธึกกิตทำงานอยู่ที่นี่มานานมาก รู้จักพรรคเพื่อไทย สมาชิกพรรค คนทำงานพรรคเพื่อไทยดีมาก และเราไม่เคยมุ่งร้ายต่อกัน ตนบล็อกเฟซบุ๊กนายอธึกกิตเพราะไม่ต้องการเกลียดนายอธึกกิตจากการเห็นเฟซบุ๊กนายอธึกกิตทุกวัน ตนต้องการเก็บความรู้สึกดีๆ ต่อกันเอาไว้ เพราะตนเข้าใจและมั่นใจว่านายอธึกกิตเป็นคนที่จิตใจบริสุทธิ์ แม้จะหลงผิดไปจากความไร้เดียงสาเนื่องจากตกตะกอนดีเอ็นเอฝ่ายซ้ายอกหักตลอดชีวิต ทำให้เกิดอาการตาบอดข้างหนึ่ง แล้วก็ไปหลงผิด หลงเด็ก ตนไม่เคยไปก้าวก่าย และไม่เคยเอาเรื่องนี้มาพูดว่าหลายการวิเคราะห์ของนายอธึกกิตมัน Blind (มืดบอด) จากความหลง จากความโรแมนติกของการต่อสู้ชนชั้นกรรมาชีพ วันหนึ่งจะเป็นท้องฟ้าสีทองผ่องอำไพ ตนขอละไว้ด้วยความเคารพ และจะไม่ก้าวก่ายรสนิยมของนายอธึกกิต
แต่สิ่งที่นายอธึกกิตเขียนมันมีระหว่างบรรทัดที่ไม่จำเป็นต้องพูด เช่น พรรคเพื่อไทยจะเอานักวิชาการมาเทรน ส.ส.บ้านใหญ่ คำว่าบ้านใหญ่ นายอธึกกิตใส่มาโดยเจตนาร้าย พรรคเพื่อไทยส่องกระจกตัวเอง รู้ว่างานสภาฯ เขายังไม่เก่ง รู้สึกว่าการ Present (นำเสนอ) การให้ข้อมูล การพูดอย่างเป็นระบบ การหาข้อมูลในเชิงวิชาการ เรื่องความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ เรื่องทางวิชาการใหม่ๆ เรื่องเพศสภาพ หลายอย่าง ส.ส.เก่งเรื่องงานพื้นที่ แต่การ Conceptualize (สร้างแนวความคิด) ซึ่งสมัยนี้มันต้องการและสู้กันเรื่องการเอาคอนเซ็ปต์และการเล่าเรื่อง (Narrative) พรรคเพื่อไทยรู้สึกว่ามีจุดอ่อนตรงนี้ จึงตั้งแผนกหนึ่งขึ้นมาและจะเอาคนที่เรียนเรื่องการรีแบรนดิ้งภาพลักษณ์ การศึกษาเรื่องประวัติศาสตร์พรรคการเมือง การต่อสู้ของพรรคการเมืองในประเทศต่างๆ ไม่ใช่นักวิชาการคนเดียว แต่มีทีมที่ตั้งขึ้นมาใหม่ และไม่ได้เทรนเฉพาะนักการเมืองบ้านใหญ่ แต่เทรน ส.ส.ทุกคนที่สมัครใจอยากเข้ามาเทรน และไม่ได้บังคับ ผิดตรงไหนที่พรรคเพื่อไทยอยากจะมี Think Tank ที่เป็นเรื่องราวของตัวเอง และไม่เคยหลบซ่อน ไม่มีตนอยู่ในนั้นเพราะตนไม่ใช่นักวิชาการ
"คุณพูดเรื่องเงินเดือน 6 หลักเพื่ออะไร เพราะเงินเดือนเขา 10 หลัก ไม่ใช่ 6 หลัก คือจู่ๆ มา Mention (กล่าวถึง) เรื่องเงินเดือน 5-6 หลัก อันนี้คือริษยา เพราะพรรคที่พี่ถึก (นายอธึกกิต) เชียร์กดค่าแรงมนุษย์ เผลอๆ ก็ไม่รู้ว่า โอ้โห มาฝึกงานกับเราได้ความรู้ ดังนั้นเงินก็ไม่ต้องอย่างนั้นเหรอ พี่ถึกจะให้พรรคเพื่อไทยทำตัวแบบมาฝึกงานกับพรรคได้ประสบการณ์ ได้คอนเนกชัน เงินไม่ต้องรับนะ พรรคเพื่อไทยเขาจ้างคนอย่างยุติธรรม ตามดีกรี ตามปริญญา ตามประสบการณ์ ตามน้ำหนักงานที่ทำ การที่เขาจ้างคนด้วยอัตราค่าจ้างที่เป็นธรรม มันต้องเอามาแซะกันด้วยเหรอ คือเรื่องแค่นี้คนใกล้ตัวกันมาพูด 5 บาท 10 บาทแบบนี้ มันน่าผิดหวังหรือเปล่า"
"และคำว่าตระบัดสัตย์ แขก (น.ส.ลักขณา) จะบอกให้ว่านักวิชาการทุกคนที่เขาตัดสินใจมาอยู่ข้างเพื่อไทย เขาไม่มีปัญหากับคำว่าตระบัดสัตย์ คำว่าตระบัดสัตย์ เป็นคำที่พรรคก้าวไกลสร้างขึ้นมาในฐานะวาทกรรมเพื่อลดทอนคุณค่าของพรรคเพื่อไทย พรรคเพื่อไทยไม่ได้ตระบัดสัตย์ พรรคเพื่อไทยเซ็นเอ็มโอยูกับพรรคก้าวไกล โหวตให้พรรคก้าวไกลครบ 141 เสียงครบถ้วน 2 ครั้ง แต่พรรคก้าวไกลปราศจากความรับผิดชอบ เอา 10.9 ล้านเสียงของเรา (พรรคเพื่อไทย) ไปทิ้งขว้าง เอา 14 ล้านเสียงของตัวเองไปโยนทิ้ง วันที่ชาดา (นายชาดา ไทยเศรษฐ์) ลุกขึ้นอภิปรายว่าวาง 112 แล้วจะโหวตให้ ทำไมไม่จ้องตากลับไปแล้วท้าดูว่าพรรคภูมิใจไทยกล้าทำตามที่รับปากหรือเปล่า คุณไม่รับผิดชอบต่อ 10.9 ล้านเสียงของพรรคเพื่อไทยไม่พอ คุณไม่รับผิดชอบต่อ 14 ล้านเสียงของคุณด้วย แล้วคุณเอา 14 ล้านเสียงนั้นมาปู้ยี่ปู้ยำ สร้างภาพนายกฯ รถแห่ให้พิธาเป็นวีรบุรุษ สิ่งนี้เป็นความผิดพลาดในการวิเคราะห์การเมือง"
"พรรคเพื่อไทยให้คุณตั้งรัฐบาล ให้ 141 เสียงครบถ้วน 2 ครั้ง คุณไม่มีความสามารถจะรวมเสียงแล้วไป Accommodate (จัดที่ให้อยู่) เสียงทั้งในสภาล่าง สภาบนได้ อย่ามาอ้างเรื่องวุฒิสภา คุณรู้ตั้งแต่วันที่คุณเลือกตั้งว่ากติกามันเป็นแบบนี้ และวุฒิสมาชิกเป็นแบบนี้ ไม่ใช่คุณมารู้หลังเลือกตั้ง คุณรู้ทุกอย่างก่อนเลือกตั้ง คุณเอาสิ่งนั้นมาอ้างไม่ได้ สิ่งนี้ทุกพรรครู้เท่ากันหมด วุฒิสมาชิกโหวตนายกฯ ได้ ไม่ได้เกิดขึ้นหลังเลือกตั้ง เกิดขึ้นตั้งแต่สมัยประยุทธ์ (พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา) ทุกคนจดไว้ในสมุดแล้ว บทเรียนที่พรรคเพื่อไทยตั้งรัฐบาลไม่ได้ในการเลือกตั้งปี 62 เขาจดจำและเขาเรียนรู้จากบทเรียนนั้น ดังนั้นสิ่งที่แขกจะพูดวันนี้ก็คือ พรรคเพื่อไทยไม่ได้ตระบัดสัตย์ สัจจะวาจาที่เราให้กับคุณ ให้คุณไปแล้ว 2 ครั้งครบ สิ่งนี้ไม่ใช่การตระบัดสัตย์ สิ่งนี้เป็นความรับผิดชอบของพรรคเพื่อไทย ฉันไม่เอา 10.9 ล้านเสียงมาวิ่งในสนามเด็กเล่น แล้วบอกว่ากูคือวีรบุรุษประชาธิปไตย กูไม่มีสังฆกรรม กูไม่ไปสมสู่กับพรรคนั่งร้านเผด็จการ ไม่ พูดแล้วหล่อก็จริง แต่คุณจะเอา 10.9 ล้านเสียงไปทิ้งน้ำเพื่อ?"
"หยุดคำว่าตระบัดสัตย์ หยุด มันเป็นวาทกรรมโกหกหลอกลวง ต่อไปนี้พูดค่ะ พูดออกมาให้เต็มปากเต็มคำว่า พรรคก้าวไกลเป็นพรรคที่ปราศจากความรับผิดชอบ และโยนความผิดให้คนอื่นในนามของคำว่าตระบัดสัตย์ นี่อดทนมา 7 เดือนเพราะเห็นแก่มิตรภาพ ยังจะมาใช้คำว่าตระบัดสัตย์อีก ใครกันแน่ที่ตระบัดสัตย์ ใครกันแน่ที่โกหกว่า ส.ว.เสียงพอแล้ว พอกันทีเรื่องพวกนี้ กินข้าวเหมือนกัน กินข้าวสีจากโรงสีมาเหมือนกัน ไม่ใช่ข้าวตำด้วยครกไม้แล้วมาฝัดๆ เอารำออก พี่ถึกอย่ามาบอกว่าไม่รู้เรื่องพวกนี้ เวลาพูดว่าตระบัดสัตย์ไปส่องกระจกดูหน้าตัวเอง ยังไม่ตระเวนพูดเหรอว่าผมจะกลับไปอย่างผู้ชนะ กลับไปไหน พรรคยังไม่โดนยุบ พิธายังเป็น ส.ส.อยู่ กลับไปไหน ไม่ใช่ ยูไม่ใช่ผู้ชนะ ยูเป็นผู้ปราศจากความรับผิดชอบ คน 14 ล้านเสียงเลือกคุณ แล้วคุณต้องไปเป็นฝ่ายค้าน คุณต้องถือพานพุ่มไปขอโทษทุกคนแล้ว การจ้างนักวิชาการมาเทรน ส.ส. คำว่า Congratulation (แสดงความยินดี) พูดเป็นไหม ดีแล้ว นี่คือการยกระดับทำงานของ ส.ส. พูดไม่เป็นเหรอ คำว่าแสดงความยินดี"
นายวิโรจน์ อาลี หนึ่งในผู้ดำเนินรายการ กล่าวเสริมว่า ที่ตนมองว่าผิดปกติคืออย่างกับฝั่งโน้นไม่มี แต่คุณมี แล้วยังกล้าออกมาพูดไหมที่ไปสมัคร ส.ว. ที่ไปเทรนตามที่ต่างๆ คุณกล้าออกมาไหม คุณก็ใช้ความเป็นนักวิชาการไปสนับสนุนวิธีคิดกลุ่มคนใดกลุ่มคนหนึ่ง มันไม่ใช่เรื่องผิดอะไร แต่ทำไมต้องกลับมาด้อยค่า อยากให้ตนชี้ไหม มีกี่คนที่ออกไปพูดในฐานะนักวิชาการ แต่จริงๆ แล้วเดินเข้าออกพรรคการเมืองตลอด น.ส.ลักขณากล่าวว่า รวมทั้งสื่อแบบพี่ถึกด้วย อยู่ในพรรคก้าวไกลมาตั้งแต่อยู่วอยซ์ (วอยซ์ทีวี) พวกเราทุกคนกระอักเลือด กินเงินเดือนที่นี่แต่ทำงานให้พรรคก้าวไกล พวกเรากลืนเลือดมาสักเท่าไหร่อย่าให้พูด แล้วนักวิชาการที่ไปอยู่กับพรรคเพื่อไทยแล้วไม่ออกหน้าเพราะอะไร เขาเกรงใจเห็นแก่มิตรภาพ รู้ว่าขึ้นเวทีวิชาการอะไรด้วยกัน ยังจะต้องรักษาน้ำใจกัน
"ที่ผ่านมาพวกเรามีมารยาทมากเกินไป วันนี้แขกจะไม่มีแล้วมารยาท ดาหน้ามาเลย จะถลกหนัง ถลกจิตใจ เปิดโปงทุกเบื้องหลังของทุกคน มาเลย จ้องตาแขก แขกไม่มีอะไรจะปิดบังกับใคร ไม่มีเบื้องหน้าเบื้องหลัง ไม่มีอะไรให้ใครขุดคุ้ย ใครกล้ามาท้าชนกับแขกว่าจะให้แขกเปิดโปง จะให้แขกขุด จะให้แขกเอาความระยำตำบอนในอดีตเรื่องอะไรมาพูด มานั่งแล้วจ้องหน้าแขก กลืนเลือดกันมาเท่าไหร่ แล้วเราเพื่อที่แขกจะไม่ต้องไปโต้ตอบ แขกบล็อกนะ และแขกยอมเป็นหมาว่าบล็อกเพื่อนฝูง แต่เราไม่อยากเกลียดคุณมากไปกว่าที่เป็น Emotional (อารมณ์) ก็คือ Emotional แต่แขกคิดว่าถึงที่สุดแล้วเอาความจริงมาคุยกัน พอเถอะวาทกรรมปลอมๆ พวกนี้ แขกจะไม่ยอมให้พวกคุณมา Gaslight (ทำให้เกลียดชัง) แขกแบบทุกชั่วโมงอีกต่อไปแล้ว คนเรามีเลือดเนื้อ มีอารมณ์ มีความเสียใจได้เท่ากัน แต่ถ้าเราผิด เราบอกว่าเราผิด แต่ถ้าเราไม่ผิดแล้วเราพยายามอธิบาย แล้วยังดันทุรังใช้วาทกรรมแบบนี้มาใส่ร้ายป้ายสี แขกก็จะไม่ทนเหมือนกัน"