สำหรับใครที่กำลังมองหาสถานที่ท่องเที่ยวสำหรับครอบครัวในช่วงวันหยุดเสาร์-อาทิตย์ แนะนำตลาดน้ำ “บ้านศาลาดิน” ตำบลมหาสวัสดิ์ อำเภอพุทธมณฑล จังหวัดนครปฐม ซึ่งอยู่ไม่ไกลกรุงเทพมหานคร และที่สำคัญราคาสินค้าเกษตรชุมชนที่นี่เริ่มต้นเพียง 10 บาท เท่านั้น เช่น กะเพรา, ยี่หร่า, ต้นหอม ฯลฯ
ที่สำคัญ วันนี้สำนักงานพัฒนาชุมชนอำเภอพุทธมณฑลยังผลักดันให้ “บ้านศาลาดิน” เดินหน้าสู่การเป็นแหล่งท่องเที่ยวแบบนักท่องเที่ยวลงมือปฏิบัติ (D-HOPE : Decentralized Hands-On Program Exhibition) เพื่อให้นักท่องเที่ยวมีประสบการณ์จากการท่องเที่ยว ได้เรียนรู้ซอฟต์เพาเวอร์ด้วยประสบการณ์ของตนเองโดยตรง เรียกว่าสำหรับนักท่องเที่ยวที่ชอบเรียนรู้หาความรู้ใหม่ ที่บ้านศาลาดินแห่งนี้จึงเหมาะสำหรับนักท่องเที่ยวในยุคโซเชียลมีเดียที่ไม่ต้องการความฉาบฉวยอีกต่อไป ด้วยแนวคิดหลักด้านการท่องเที่ยวของชุมชนที่ว่า “มาท่องเที่ยวเก็บเกี่ยวประสบการณ์บนผืนดินพระราชทาน ที่บ้านศาลาดิน”
สำหรับ “เส้นทางการท่องเที่ยวบ้านศาลาดิน” แต่ละจุดจะมีผู้ประกอบการที่เข้าร่วมโครงการ ซึ่งเรียกผู้ประกอบการว่า “แชมป์” ซึ่งในส่วนของ “เส้นทางท่องเที่ยวบ้านศาลาดิน” มีแชมป์ทั้งหมด 10 ท่าน และแบ่งเป็นจุดดี-โฮป (D-HOPE) 3 จุดใหญ่ด้วยกัน ได้แก่ ดี-โฮป จุดที่ 1 บริเวณตลาดน้ำบ้านศาลาดิน ประกอบด้วย ผู้ประกอบการถักโครเชต์ สานปลาตะเพียน สานเพียร สานใจ, ข้าวเกรียบปากหม้อดีไอวาย (DIY), ปิ้งกล้วยเป็นกล้วยปิ้ง, จักสานมะพร้าว, พับดอกกุหลาบใบเตย , ทำข้าวตังศาลาดิน และ ทอด ฝัด แล้วจัดกล้วย
ในส่วนจุดดี-โฮป จุดที่ 2 คือ โรงเรียนชาวนา ประกอบด้วยกิจกรรม “การทำไอศกรีมโรงเรียนชาวนา” และกิจกรรม “จับจีบอย่างไร ขนมไทยห่อใบตอง” และ สำหรับจุดสุดท้ายคือ จุดที่ 3 ได้แก่กิจกรรม “ตำไหลบัวที่นาบัวลุงแจ่ม” พร้อม “ข้าวห่อใบบัว” แสนอร่อย ท่ามกลางนาบัว และคาเฟ่เครื่องดื่ม ซึ่งนอกจากนักท่องเที่ยวจะได้ชิมอาหารเครื่องดื่มรสชาติดีแล้ว ยังสามารถฝึกทำเมนู “ตำไหลบัว” ด้วยตนเองได้ด้วย เรียกว่าสนุกเต็มอิ่มกับทริปกับการท่องเที่ยวแบบ “ดี-โฮป”
นางสาวประไพ สวัสดิ์โต แชมป์จุดดี-โฮป “ตำไหลบัวที่นาบัวลุงแจ่ม” เล่าให้ฟังว่า ทุกวันนี้ยังน้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณของในหลวง รัชกาลที่ ๙ ไม่เคยเสื่อมคลาย ทำให้ทั้งครอบครัวมีอาชีพ โดยแต่ละวันพี่น้องในครอบครัวจะมาร่วมกันตัดบัวและเก็บบัวเพื่อจำหน่ายไปยังปากคลองตลาด ซึ่งเป็นอาชีพหลักบนผืนแผ่นดินพระราชทานจำนวนทั้ง 20 ไร่ โดยต้นตระกูลของครอบครัวได้นำที่ดินพระราชทาน 15 ไร่ทำนาบัว และอีก 5 ไร่ ปลูกข้าวและพืชผักสวนครัว ซึ่งยังคงสร้างรายได้ให้จนถึงทุกวันนี้
ส่วน “บ้านศาลาดิน” ยังมีเรื่องราวที่น่าสนใจอีก คือ ที่ดินส่วนใหญ่ที่ชาวบ้านประกอบอาชีพทำกินนั้นเป็น “ผืนดินพระราชทาน” โดยมีประวัติว่า ในอดีตชาวบ้านศาลาดินประกอบอาชีพทำนาอย่างเดียว และทำนาได้เพียงปีละครั้งเท่านั้น จึงทำให้ชาวบ้านยากจน และไม่มีที่ดินทำกินเป็นของตนเอง เมื่อในหลวง รัชกาลที่ ๙ พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ทรงทราบปัญหาดังกล่าว จึงพระราชทานที่ดินส่วนพระองค์ให้ประชาชนไว้เป็นที่ทำกิน โดยจัดสรรให้เกษตรกรแปลงละ 20 ไร่ รวมทั้งหมด 1,009 ไร่ ใน พ.ศ. 2518 และตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาประชาชนชาวบ้านศาลาดินจึงน้อมนำปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง และการทำเกษตรผสมผสานมาใช้อย่างจริงจัง นำมาสู่การพลิกฟื้นเศรษฐกิจในครัวเรือนและชุมชนให้มีความเป็นอยู่อย่างอุดมสมบูรณจนถึงปัจจุบัน โดยมี “คลองมหาสวัสดิ์” เป็นแหล่งน้ำอันมีคุณค่า ที่ทำให้ชาวบ้านศาลาดินไม่เคยประสบปัญหาขาดแคลนน้ำในการทำเกษตร
ล่าสุด เมื่อวันที่ 29 มีนาคม พ.ศ. 2567 นายสุรศักดิ์ เจริญศิริโชติ ผู้ว่าราชการจังหวัดนครปฐม ได้เป็นประธานเปิดงาน “มาท่องเที่ยวเก็บเกี่ยวประสบการณ์ บนผืนดินพระราชทาน ที่บ้านศาลาดิน” ณ ตลาดน้ำบ้านศาลาดิน ต.มหาสวัสดิ์ อ.พุทธมณฑล จ.นครปฐม โดยสำนักงานพัฒนาชุมชนอำเภอพุทธมณฑลเป็นเจ้าภาพ เพื่อปักหลักให้เส้นทางท่องเที่ยวชุมชนบ้านศาลาดินเป็นหมุดหมายสำคัญของรูปแบบการท่องเที่ยวแบบดี-โฮป