เปิดคำสั่งกรมอุทยานฯ 45/2566 ให้นายชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร อดีตหัวหน้าอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน ชดใช้ค่าเสียหายแก่ทางราชการ 3.6 ล้านพร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 5 ต่อปี กรณีดำเนินการโครงการปลูกป่าเพื่อลดปัญหาอุทกภัยและภาวะโลกร้อนในพื้นที่ป่าแก่งกระจานฯ ส.ป.ก.ออกแถลงการณ์ ย้ำที่ดินข้อพิพาทเขาใหญ่ ส.ป.ก.เป็นผู้ถือกรรมสิทธิ์โดยชอบตามกฎหมาย
ภายหลังกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืชได้พิจารณาสำนวนข้อเท็จจริงความรับผิดทางละเมิดของเจ้าหน้าที่เสร็จสิ้นแล้ว คำสั่งกรมอุทยานฯ 45/2566 ปรากฏว่า นายชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร ผอ.สำนักอุทยานแห่งชาติ กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ที่ประกาศกร้าวผ่านสื่อ หลังประเด็นร้อนถอนหลักหมุด ส.ป.ก.4-01 รุกป่าอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่
ซึ่งจากรายงานสืบสวนข้อเท็จจริงของคณะกรรมการฯ ตามคำสั่งสำนักงานปลัดกระทรวงทรัพย์ฯ มีความเห็นว่านายชัยวัฒน์ เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งนักวิชาการป่าไม้ชำนาญการพิเศษ ทำหน้าที่หัวหน้าอุทยานแห่งชาติแก่งกระจายเป็นประธานกรรมการตรวจการจ้างตามคำสั่งสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 3 (บ้านโป่ง) ที่ 2308/2555 ลงวันที่ 23 สิงหาคม 2555 และที่ 0937/2556 ลงวันที่ 23 เมษายน 2556 ได้ดำเนินการตรวจการจ้างงวดที่ 1-3 เป็นผู้เสนอโครงการปลูกป่าและเป็นปรานการกำหนดรายละเอียดและราคากลาง ได้กำหนดรายละเอียดในพื้นที่ดำเนินการจำนวน 4 แปลง รวม 4,200 ไร่ อยู่ในพื้นที่อุทยานฯ โดยนายชัยวัฒน์ย่อมรู้ว่าสภาพพื้นที่แปลงปลูกป่ามีความเหมาะสมหรือไม่ แต่ยืนยันที่จะกำหนดพื้นที่ใหม่ ซึ่งพื้นที่ส่วนใหญ่เป็นป่าสภาพสมบูรณ์ มีพื้นที่ส่วนน้อยเป็นพื้นที่ป่าบุกรุกหรือสภาพเสื่อมโทรม
จากข้อมูลดาวเทียมจำนวน 3 ดวง ซึ่งบันทึกสภาพผืนป่าทั้งก่อนดำเนินการปลูกและหลังที่มีการตรวจการจ้างการปลูกป่า ข้อมูลวิเคราะห์พื้นที่แปลงปลูกป่าภายในขอบเขตที่กำหนดมีจำนวนพื้นที่แต่ละแปลงใกล้เคียงกันตามเนื้อที่ที่กำหนดให้ปลูก ซึ่งจากผลการอ่านแปลผลพบว่า สภาพพื้นที่ส่วนใหญ่เกินกว่าร้อยละ 81-85 ของพื้นที่แปลงปลูกมีสภาพป่าที่มีความสมบูรณ์ไม่เหมาะที่จะมากำหนดเป็นแปลงปลูกป่าและในการดำเนินการตรวจการจ้างงวดที่ 1-3 ปรากฏข้อเท็จจริงที่ว่านายชัยวัฒน์ได้ตรวจรับงานด้วยตัวเอง แต่ไม่ได้ไปตรวจรับงานจ้างปลูกป่าพร้อมกับกรรมการทั้ง 3 ราย ประกอบด้วยนายกมล อุ่นใจ และนางสาวสุพร พลพันธ์ แต่อย่างใด
ฉะนั้น อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 12 แห่งพระราชบัญญัติความรับผิดทางละเมิดของเจ้าหน้าที่ พ.ศ. 2539 จึงมีคำสั่งให้นายชัยวัฒน์รับผิดชดใช้ค่าสินไหมทดแทน เป็นจำนวนเงิน 3,633,167 บาท พร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 5 ต่อปี นับตั้งแต่วันผิดนัดชำระหนี้ จนกว่าจะชำระหนี้เสร็จสิ้นให้แก่กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าฯ ภายใน 15 วัน นับตั้งแต่วันที่ได้รับแจ้งคำสั่งดังกล่าว
ล่าสุดวันนี้ (2 มี.ค.) เจ้าหน้าที่ฝ่ายประชาสัมพันธ์ สำนักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม ( ส.ป.ก.) ออกแถลงการณ์ ระบุว่า สำนักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม กรณีพิพาทระหว่างแนวเขตปฏิรูปที่ดินจังหวัดนครราชสีมากับแนวเขตอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ ตามที่ได้ปรากฏว่ามีเจ้าหน้าที่ของกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืชเข้าทำการรื้อถอนหมุดหลักฐานซึ่งเจ้าหน้าที่ของ ส.ป.ก.ดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ภายใต้กฎหมายยว่าด้วยการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม ในท้องที่หมู่ 10 บ้านเหวปลากั้ง ต.หมูสี อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา ที่ก่อให้เกิดเป็นประเด็นพิพาทในระหว่างส่วนราชการด้วยกัน
ส.ป.ก.ยืนยันว่า ที่ดินในบริเวณพิพาทเป็นที่ดินที่ ส.ป.ก.เป็นผู้ถือกรรมสิทธิ์เพื่อใช้ในการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม ตามมาตรา 26 (3) และมาตรา 36 ทวิ แห่งพระราชบัญญัติการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม พ.ศ. 2518 และพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดิน ในท้องที่ อ.สีคิ้ว อ.สูงเนิน และ อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมาให้เป็นเขตปฏิรูปที่ดิน พ.ศ. 2534 ซึ่งกรมแผนที่ทหารได้ตรวจสอบข้อมูล Field book ซึ่งเป็นการบันทึกการรังวัดขอบเขตของกรมอุทยานฯ เอง ตามมาตรฐานแผนที่และการรังวัดสากลแล้ว ยืนยันพื้นที่ข้อพิพาทไม่ได้อยู่ในเขตอุทยานฯ แต่ประการใด
ในกรณีที่คณะรัฐมนตรีมีนโยบายให้ปรับปรุงแผนที่แนวเขตที่ดินของรัฐตามโครงการ One Map เพื่อให้ที่ดินที่ ส.ป.ก. ได้รับมาในบริเวณพิพาทไปอยู่ในแนวเขตอุทยานแห่งชาตินั้น หน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะต้องดำเนินการปรับปรุงกฎหมายในระดับพระราชบัญญัติและช่วยเหลือเยียวยาเกษตรกรผู้สุจริตซึ่งเสียสิทธิตามกฎหมายว่าด้วยการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรมจากผลกระทบดังกล่าวเพื่อให้เป็นไปตามมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 22 พฤศจิกายน 2565 ซึ่งเห็นชอบแนวทางการแก้ไขปัญหาผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นกับประชาชนจากการดำเนินงานปรับปรุงแผนที่แนวเขตที่ดินของรัฐ จำนวน 10 ข้อ ตามข้อเสนอของคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติต่อไป