ศูนย์ข่าวขอนแก่น - ยายวัย 69 ปีร่ำไห้ขอความเป็นธรรม หลังถูกชาวบ้านประกาศเสียงตามสายเรียกมวลชนมาด่าถึงหน้าบ้าน อ้างบุกรุกที่หลวง ทั้งที่เป็นที่ดินตัวเอง พร้อมโฉนดในกรรมสิทธิ์ถูกต้อง ด้านผู้ใหญ่บ้านเผยมีการซื้อขายให้ผู้ใหญ่บ้านคนเดิมไว้ทำประปาหมู่บ้านในราคา 7,000 บาท รอหน่วยงานเกี่ยวข้องตรวจสอบ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เกิดเหตุข้อพิพาทเรื่องที่ดิน ที่นางทองเบา น้อมมะณี อายุ 69 ปี อยู่บ้านเลขที่ 96 ม.4 บ้านหนองแวงกลาง ต.โคกสง่า อ.พล จ.ขอนแก่น ได้นำสำเนาโฉนดที่ดินมาแสดงยืนยันในสิทธิเจ้าของที่ดิน หลังจากถูกเพื่อนบ้านและคนในหมู่บ้าน ได้ประกาศให้นางทองเบาย้ายออกจากที่ดินที่ครอบครองอยู่ เพราะชาวบ้านอ้างว่านางทองเบาได้บุกรุกที่ดินสาธารณประโยชน์
นางทองเบา น้อมมะณี เล่าว่า ตนมีโฉนดที่ดิน เลขที่ 22030 เล่มที่ 221 เนื้อที่ 1 งาน 23 ตารางวา เป็นที่ดินมรดกของพ่อแม่ให้มา อยู่ทางด้านทิศใต้ของหมู่บ้าน ไม่เคยซื้อขายและแบ่งแยกที่ดินให้ใคร แต่เมื่อประมาณ 30 กว่าปีที่ผ่านมา ขณะที่นายประสาท สมศรีสุข เป็นผู้ใหญ่บ้านได้มาขอที่ดิน ในเนื้อที่เล็กน้อยเพื่อเจาะบาดาลแบบโยกให้ชาวบ้านในหมู่บ้านใช้กัน ตนก็ไม่ขัดให้ใช้พื้นที่และเจาะบาดาลได้
ต่อมาผู้ใหญ่บ้านคนเดิมก็มาบอกว่ามีการสำรวจตาน้ำและพบว่าตาน้ำอยู่ใกล้กับจุดที่เจาะบาดาลเดิม จึงขอที่ดินเพื่อทำประปาหมู่บ้าน โดยมีกรมทรัพยากรน้ำมาเจาะให้ จึงให้เจาะ และผู้ใหญ่บ้านรายเดิมให้เงินมา 7,000 บาท บอกว่าเป็นสินน้ำใจที่ตนได้ให้ใช้ที่ดิน และทำให้ชาวบ้านมีน้ำประปาใช้
ทุกอย่างก็ผ่านไปกว่า 30 ปีไม่เคยมีปัญหา ตนและครอบครัวรวมทั้งชาวบ้านก็มีน้ำใช้ และเสียค่าน้ำประปาเช่นกันทุกคน มีเพียงผู้ใหญ่บ้านและกรรมการหมู่บ้าน เอาลวดหนามมาล้อมทำรั้วกั้นพื้นที่บริเวณที่ดินที่ตั้งน้ำประปา และล้อมจนชิดยุ้งข้าว ตนก็ไม่ได้ทักท้วงเพราะคิดว่าล้อมไว้เป็นสัดส่วนเฉยๆ ต่อมาเมื่อปี 2564 รัฐบาลโดยกรมที่ดินมีนโยบายออกรังวัดที่ดินให้ชาวบ้าน ที่ดินตนเลขที่ 22030 ก็ถูกรังวัดเช่นกัน แต่ช่วงที่มีเจ้าหน้าที่มารังวัดนั้นไม่ได้อยู่ด้วย
จนกระทั่งเก็บรวบรวมเงินได้ 10,000 บาท จึงซื้ออิฐบล็อกมาล้อมรั้วที่ดินตัวเอง ล้อมมาถึงบริเวณที่มีการล้อมรั้วลวดหนามบริเวณที่ตั้งประปาหมู่บ้าน แต่ไม่สามารถตั้งเสาได้ จึงรื้อลวดหนามออกเพื่อจะทำรั้วอิฐบล็อก ก็ถูกผู้ใหญ่บ้านคนปัจจุบัน นายศุภนิจ สมสกีสิทธิ์ มาทักท้วง และกล่าวหาว่าบุกรุกที่ดินที่สาธารณประโยชน์ของหมู่บ้าน ทั้งยังใช้หอกระจายข่าวประกาศให้ชาวบ้านมารวมตัวกันเพื่อทำประชาคมเรื่องที่ดินดังกล่าว ทั้งยังบอกว่าจะจับติดคุก
นางทองเบากล่าวต่อว่า ตอนยายทำรั้ว ยายเห็นหลักหมุดที่ดินมาฝังอยู่ในที่ดินของยาย จึงให้ลูกสาวขุดดู ก็พบว่าหลักหมุดเดิมก็ยังอยู่ แต่มีหลักหมุดใหม่มาฝังเพิ่มอีก ขยับเข้าไปในที่ดิน ห่างจากหมุดเดิมประมาณ 10 เมตร โดยยายในฐานะเจ้าของที่ดินมีโฉนดอยู่ ไม่รู้เรื่องการฝังหมุดที่ดินเพิ่ม จึงได้ไปสอบถามเจ้าหน้าที่ที่สำนักงานที่ดินจังหวัดขอนแก่น สาขาพล ซึ่งเจ้าหน้าที่ฝ่ายรังวัดที่ดินแจ้งว่าไม่ได้ปักหมุดใหม่และไม่มีการรังวัดที่ดินใหม่ ไม่มีการแจ้งขอแบ่งแยกที่ดินตามโฉนดที่ดินของยายแต่อย่างใด
“ขณะที่ผู้ใหญ่บ้านคนใหม่ได้นำชาวบ้านมายังที่ดินของยาย ต่อว่ายายต่างๆ นานา พร้อมทั้งบอกว่าจะเอาเรื่องยายต้องติดคุกตอนแก่ เพราะยายบุกรุกที่ดินสาธารณประโยชน์หมู่บ้าน ขณะที่ชาวบ้านหลายคนต่างไม่พอใจ เชื่อตามที่ผู้ใหญ่บ้านบอก จึงไปแจ้งกำนันร้องเรียนศูนย์ดำรงธรรมอำเภอพล แต่ทุกฝ่ายเงียบ ไม่มีใคร มาถามรายละเอียดแต่อย่างใด จึงคิดว่าคงไม่ได้รับความเป็นธรรม แม้ที่ผ่านมากว่า 30 ปีไม่เคยทวงถาม ท้วงติง โฉนดที่ดินก็ยังอยู่ ไม่เคยบอกขาย แบ่งขาย ไม่เคยแบ่งแยก แต่จู่ๆ ก็ถูกกล่าวหาว่าบุกรุกเอาที่ดินสาธารณะ ทั้งที่ที่ดินทั้งหมดเป็นของยาย มีโฉนดถูกต้องตามกฎหมาย อยากให้สื่อมวลชนช่วยติดตามเรื่องดังกล่าวให้ด้วย” นางทองเบากล่าว
ขณะเดียวกันได้สอบถามนายศุภนิจ สมสกีสิทธิ์ ผู้ใหญ่บ้านคนปัจจุบัน กรณีที่ดินนางทองเบา ได้ชี้แจงว่า เรื่องที่ดินนางทองเบามีรายละเอียดความเป็นมาอย่างไรนั้นไม่รู้มาก่อน จนกระทั่งเกิดเรื่องที่นางทองเบาจะทำรั้วจึงทักท้วง เมื่อทักท้วงขึ้นมานายประสาท สมศรีสุข ผู้ใหญ่บ้านในอดีต ก็มาบอกว่าที่ดินของนางทองเบาจุดที่ตั้งประปาหมู่บ้านนั้นได้มีการซื้อมาในราคา 7,000 บาท จึงได้เรียกชาวบ้านทำประชาคมในเรื่องดังกล่าว เพราะนางทองเบาจะล้อมรั้วข้ามหลักหมุดที่ดินเข้ามาในพื้นที่ที่ตั้งประปาหมู่บ้าน ชาวบ้านไม่ยอม จึงรายงานเรื่องทั้งหมดไปตามลำดับให้นายอำเภอทราบแล้ว และอยู่ระหว่างอำเภอหาทางแก้ไข