"ทวีสุข" คาดเฟดเล่นละครจ่อลดดอกเบี้ย ทั้งที่เงินเฟ้อพุ่ง และอาจต้องปรับเพิ่มเหตุพันธบัตรขายไม่ออก จับตาเข้าร่วมสงคราม "อิสราเอล-เอเชียแปซิฟิก" โดยตรง ต้องใช้เงินมหาศาล ยิ่งส่งผลวิกฤตเศรษฐกิจหนัก
วันที่ 6 ธ.ค. 2566 นายทวีสุข ธรรมศักดิ์ ที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจและการลงทุนระหว่างประเทศ ร่วมสนทนาในรายการ "คนเคาะข่าว" ออกอากาศทางสถานีโทรทัศน์ผ่านดาวเทียม ช่อง "นิวส์วัน" ในหัวข้อ "ปี 2024 วิกฤตยังไม่จบ จนกว่าจะจบสงครามใหญ่"
นายทวีสุขกล่าวในช่วงหนึ่งว่า ปีหน้าโลกเราน่าจะเดือด สภาวะเศรษฐกิจตอนนี้เฟด อียู ไม่ได้พิมพ์เงินเพิ่ม มีกลุ่มประเทศเล็กๆ ทั่วไปที่พิมพ์เพิ่ม เงินทุนมีโอกาสไหลออกอย่างต่อเนื่อง และเงินอาจไหลกลับไปที่อเมริกา
คาดการณ์ว่าเฟดอาจเล่นละครว่าเหมือนกับกำลังจะกดดอกเบี้ยลงหรือเปล่า ที่เขาให้สัมภาษณ์ก็พูดเหมือนไม่ได้พูดอะไรเลย อาจสับขาหลอกก็ได้ ถ้าเรากลับมามองภาพใหญ่โลก อเมริกากำลังขอกู้จากรายย่อยทั่วโลก 2-3 ปีที่ผ่านมาธนาคารกลางทั่วโลกไม่ได้ถือครองพันธบัตรอเมริกาเพิ่ม เพียงแต่ว่าช่วงที่เกิดโรคระบาด ธนาคารกลางหลักของประเทศพัฒนาที่เล่น Leverage กันเอง ทำให้เกิดเงินก้อนขึ้นมาได้ ไม่เช่นนั้นไม่สามารถที่จะพิมพ์เงินก้อนใหญ่อัดสู่ระบบได้
ตอนนี้ธนาคารกลางทั่วโลกเริ่มไม่ซื้อพันธบัตรอเมริกา ก็เลยต้องเอาจากรายย่อย ขณะนี้เงินเฟ้อหลุด แต่เฟดบอกอยากให้อยู่ที่ 2 เปอร์เซ็นต์ เขารู้อยู่แล้วว่าไม่มีทาง 2 เปอร์เซ็นต์ ทั้งอาหาร ค่าดำรงชีพ ปรับเพิ่มขึ้น ตรงนี้เองเฟดต้องเสนอดอกเบี้ยที่สูงเพื่อดึงเงินจากนักลงทุนรายย่อยทั่วโลกให้ซื้อพันธบัตรอเมริกา
ดูเหมือนว่าเฟดจะลดดอกเบี้ยเพราะเงินเฟ้อลง แต่ไม่พูดว่าตอนนี้ไม่มีใครปล่อยกู้ให้อเมริกาแล้ว เลยต้องเสนอดอกเบี้ยที่สูงกว่า แต่จะขึ้นต่อก็ลำบาก เจมี ไดมอน ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของเจพีมอร์แกน เชส พูดว่าถ้าถึง 7 เปอร์เซ็นต์ เศรษฐกิจอเมริกาไปต่อไม่ไหว ภาคการคลังอเมริกาต้องมาแบกภาระดอกเบี้ยที่สูงขึ้นด้วยเช่นกัน
ปีหน้ามีความเป็นไปได้แต่น้อยที่เฟดจะลดดอกเบี้ย ถ้าคลังขอกู้งบประมาณปีหน้า แล้วยังต้องช่วยสงครามอยู่ ก็ยากที่ลดดอกเบี้ยลง ก็ต้องขอกู้รายย่อยทั่วโลกเข้าไป ถ้าเป็นเกมนี้ ตลาดหุ้นก็ไม่ปรับตัวขึ้น เพราะผลตอบแทนพันธบัตรดีกว่า
โอกาสที่เฟดลดดอกเบี้ยเชิงเทคนิคเป็นไปได้แต่น้อย คงต้องสูงขึ้นอีก ทีนี้ต้องดูเหตุผลของการขึ้น หนึ่งในเหตุผลที่ใหญ่ที่สุดก็คือขายพันธบัตรแล้วขายไม่ได้ สองคืออเมริกาเข้าสู่สงครามโดยตรง ประมาณ 2 สมรภูมิ คือ อิสราเอล และเอเชียแปซิฟิก ต้องใช้เงินมหาศาล โอกาสดอกเบี้ยขึ้นถึง 8-9 เปอร์เซ็นต์มีสูง หากอเมริกาเข้าสู่สงครามเอง
นายทวีสุขกล่าวอีกว่า ปีหน้าบทบาทดอลลาร์ซึ่งเป็นเงินสกุลหลักของโลก ถ้าเทียบกับบาทก็จะสวิง ขึ้นกับว่าเงินเฟ้อตีกลับไหม ถ้าตีกลับลดดอกเบี้ยไม่ได้แน่นอน แต่ถ้าเงินเฟ้อลงจะลดดอกเบี้ยเชิงเทคนิคนิดหนึ่งก่อนเพื่อดึงเงินรายย่อยทั่วโลก
ที่กังวลว่าอเมริกาจะเข้าสู่สงครามจริงต้องใช้เงินมหาศาล ไม่รวมกับการเลือกตั้งปีหน้าที่น่าจะวุ่นวายหนักมาก ปีหน้าอเมริกาจะเจอความกดดันสูงพอควร สองสามวันมานี้มีข่าวจะไม่ปล่อยกู้ให้ยูเครนแล้ว เห็นได้ว่าศักยภาพนาโต้ และอเมริกา สู้รัสเซียประเทศเดียวไม่ได้แล้ว
นายทวีสุขกล่าวต่อด้วยว่า สงครามรอบนี้ยังไงอิสราเอลก็ต้องไล่ชาวปาเลสไตน์ไปอยู่ประเทศอื่น ถ้าอิหร่าน เยเมน เคลื่อน กำลังพลของอิสราเอลไม่เพียงพอแน่ เรือรบอเมริกาก็จะเข้าสู่สงครามโดยตรง ความตึงเครียดอยู่บนทะเลแดงแล้ว ระบบโลจิสติกส์จะมีปัญหาหนัก กลุ่มประเทศที่บริกส์เชื่อมจีนด้วยระบบรางที่อยู่ข้างบน ซึ่งเสร็จเรียบร้อยแล้ว จะไม่มีปัญหา แต่ขนส่งทางเรือมีปัญหาแน่ ยิ่งถ้าอิหร่านปิดช่องแคบฮอร์มุซ ไม่ให้เรืออเมริกาเข้าออก เป็นปัญหาราคาน้ำมันที่ตามมา จากนั้นสงครามก็จะขยายวง อเมริกาเข้ามาก็จะเชื่อมไปที่เศรษฐกิจ ต้องกู้เงินครั้งใหญ่เพื่อเข้าสู่สมรภูมิตรงนี้