"ทนง" ตั้งข้อสังเกตการเจรจา รมว.ต่างประเทศ สหรัฐฯ ทำให้ "ซาอุฯ-ยูเออี" มีท่าทีเปลี่ยนไป หลังไม่เห็นด้วยมาตรการแซงก์ชันอิสราเอลในการประชุมสันนิบาตอาหรับ ทั้งที่สองประเทศนี้ต้องการออกจากอิทธิพลสหรัฐฯ
วันที่ 14 พ.ย. 2566 นายทนง ขันทอง ผู้เชี่ยวชาญข่าวต่างประเทศ ร่วมสนทนาในรายการ "คนเคาะข่าว" ออกอากาศทางสถานีโทรทัศน์ผ่านดาวเทียม ช่อง "นิวส์วัน" ในหัวข้อ "สงครามอิสราเอล: ซาอุดีอาระเบีย & UAE หักหลังปาเลสไตน์"
นายทนงกล่าวในช่วงหนึ่งว่า การประชุมของสันนิบาตอาหรับและองค์การความร่วมมืออิสลาม 57 ประเทศ ผลการประชุมเห็นด้วยกับการประณามอิสราเอล แต่ประเด็นที่สำคัญและลึกซึ้งกว่า คือเรียกร้องให้มีบทลงโทษที่รุนแรงต่ออิสราเอล 5 ข้อ
1. ป้องกันการใช้ฐานทัพอเมริกาในโลกอาหรับเพื่อจัดหาอาวุธให้อิสราเอล
2. ยกเลิกความสัมพันธ์ทางการทูต เศรษฐกิจ ความมั่นคง และการทหารของอาหรับกับอิสราเอล
3. ขู่ว่าจะใช้น้ำมันและความสามารถทางเศรษฐกิจของอาหรับเพื่อกดดันให้อิสราเอลหยุดการรุกรานกาซา
4. ป้องกันไม่ให้การบินพลเรือนของอิสราเอลในน่านฟ้าของอาหรับ
5. การจัดตั้งคณะกรรมการรัฐมนตรีอาหรับซึ่งจะเดินทางไปนิวยอร์ก วอชิงตัน บรัสเซลส์ เจนีวา ลอนดอน และปารีสทันที เพื่อแจ้งข้อเรียกร้องของการประชุมสุดยอดอาหรับ ที่จะยุติการรุกรานของอิสราเอลต่อฉนวนกาซา
เชื่อว่าข้อเสนอ 5 ข้อนี้ ฝ่ายผลักดันน่าจะเป็นฝ่ายชีอะห์มากกว่าซุนนี เพราะ 5 ประเทศที่ไม่เห็นด้วย มีซาอุฯ, ยูเออี, จอร์แดน, อียิปต์, โมร็อกโก, มอริเตเนีย
สองประเทศหลัก คือ ซาอุฯ และยูเออี ทั้งที่ซาอุฯ กับยูเออี เป็นเสาหลักในการขยายตัวของกลุ่มบริกส์ ไม่รู้เหมือนกันว่า นายแอนโทนี บลิงเคน รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ ไปเจรจาอย่างไรไม่รู้ บีบทั้งๆ ที่ซาอุฯ ยูเออี ต้องการออกจากอิทธิพลสหรัฐฯ แต่พอมาถึงเรื่องนี้กลับถอย ไปมีท่าทีที่ค่อนข้างกลางๆ แม้ว่าก่อนหน้านี้ซาอุฯ ก็ตัดช่องทางการเจรจาเพื่อฟื้นฟูอิสราเอลก็ตาม แต่ประเด็นที่ต้องการขั้นเด็ดขาดในการแซงก์ชันอิสราเอล ปรากฏว่าสองประเทศนี้ไม่เห็นด้วย จึงทำให้การประชุมครั้งนี้ประสบความล้มเหลว ไม่มีการออกอะไรที่รุนแรงจริงๆ
