หากใครยังจำกันได้ "หม่อง ทองดี" อดีตเด็กที่เคยมีสถานะไร้สัญชาติ และเคยคว้าแชมป์แข่งขันเครื่องบินกระดาษพับเมื่อหลายปีก่อน และเพิ่งได้สัญชาติไทยเมื่อปี 61 ล่าสุดคว้าปริญญาตรีคณะนิเทศศาสตร์ สาขาภาพยนตร์ มหาวิทยาลัยรังสิต เตรียมเข้ารับปริญญาบัตร 10 ธ.ค.นี้
วันนี้ (6 ธ.ค.) เฟซบุ๊ก Mong Thongdee ของนายหม่อง ทองดี ได้โพสต์ภาพตนเองในชุดครุยมหาวิทยาลัยรังสิต กำลังโยนเครื่องบินจำลอง พร้อมข้อความระบุว่า "จบแล้วครับ จบจริงๆ แล้วครับ เครื่องบินลำนี้กำลังผ่านด่านของการศึกษาเเล้ว และกำลังจะไปสู่ด่านต่อๆ ไป แต่การที่จะผ่านแต่ละด่านไปได้ ก็ต้องเจออุปสรรคต่างๆ ซึ่งมันไม่ง่ายเลยบนเส้นทางของช่วงชีวิตที่ผ่านมา" ทั้งนี้ นายหม่องสำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรี คณะนิเทศศาสตร์ สาขาภาพยนตร์ มหาวิทยาลัยรังสิต และเตรียมเข้ารับปริญญาบัตรในวันที่ 10 ธ.ค.ที่จะถึงนี้
สำหรับนายหม่อง ทองดี เกิดที่ อ.ไชยปราการ จ.เชียงใหม่ พ่อแม่เป็นแรงงานสัญชาติเมียนมา ที่เข้ามาทำงานในประเทศไทย เมื่อครั้งเป็นนักเรียนชั้น ป.4 โรงเรียนบ้านห้วยทราย จ.เชียงใหม่ ขณะนั้นอายุ 12 ปี เคยได้รางวัลชนะเลิศการแข่งขันเครื่องบินกระดาษพับชิงแชมป์ประเทศไทยครั้งที่ 5 รุ่นอายุไม่เกิน 12 ปีเมื่อเดือน ส.ค. 2551 และได้รับสิทธิ์เป็นตัวแทนประเทศไทยไปแข่งขันเครื่องบินกระดาษพับ ที่เมืองชิบะ ประเทศญี่ปุ่น เมื่อปี 2552 แต่ไม่ได้รับสิทธิ์ให้ทำหนังสือเดินทางเนื่องจากติดปัญหาข้อกฎหมายด้านความมั่นคง ก่อนที่กระทรวงมหาดไทยจะอนุญาตให้ ด.ช.หม่องไปแข่งขันที่ประเทศญี่ปุ่นได้
ต่อมาในปี 2561 นายหม่องตัดสินใจยื่นแบบคำร้องขอให้พิจารณาความจำเป็นต้องมีสัญชาติไทย ณ ที่ว่าการอำเภอเมืองเชียงใหม่ พร้อมแนบเอกสารสำคัญ ใบรับรองการทำคุณประโยชน์ให้กับประเทศ จากกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีและหน่วยงานต่างๆ ในที่สุด อธิบดีกรมการปกครองเห็นชอบให้ยื่นคำขอมีสัญชาติของนายหม่อง เนื่องจากมีคุณสมบัติตามหลักเกณฑ์ที่กำหนด กระทั่งวันที่ 5 ต.ค. 2561 ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่อนุมัติสัญชาติไทยให้นายหม่อง และนายหม่องได้ทำบัตรประชาชนครั้งแรกเมื่อวันที่ 12 ต.ค. 2561 ที่ผ่านมา
นายหม่องเข้าศึกษาระดับปริญญาตรี คณะนิเทศศาสตร์ สาขาภาพยนตร์ มหาวิทยาลัยรังสิต โดยได้รับความอนุเคราะห์จาก ดร.อาทิตย์ อุไรรัตน์ อธิการบดีมหาวิทยาลัยรังสิต มอบทุนการศึกษาให้เรียนฟรีจนจบปริญญาตรี พร้อมกันนี้ยังประกอบอาชีพเป็นครูฝึกอากาศยานไร้คนขับ (โดรน) และรับถ่ายภาพมุมสูงเพื่อหาเลี้ยงชีพอีกด้วย