มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวงออกประกาศชี้แจงประเด็นยื่นฟ้อง ดร.เค็ง ยันเจอกันที่ศาล เหตุไม่สามารถไกล่เกลี่ยกันได้
จากกรณี “ดร.เค็ง” ที่ถูกฟ้องร้องจากมหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวงเพียงเพราะป่วยจิตเวช ทำให้ไม่สามารถทำงานเพื่อใช้ทุน ป.เอกได้ ก่อนจะถูกฟ้องร้องดำเนินคดีเรียกค่าเสียหายนับ 10 ล้านบาท
ล่าสุดวันนี้ (4 ธ.ค.) มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวงได้ออกประกาศชี้แจงในประเด็นดังกล่าวว่า
“ตามที่ปรากฏข่าวสารในสื่อสังคมออนไลน์ว่า มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวงได้ยื่นฟ้อง ดร.เค็ง ซึ่งเป็นอาจารย์ที่เรียนจบในระดับปริญญาเอกที่ขอลาออกในขณะที่ยังไม่ครบเงื่อนไขการชดใช้ทุน โดยให้ชดใช้ทุนการศึกษานับสิบล้านบาท ทั้งที่ ดร.เค็งเจ็บป่วยด้วยโรคจิตเวชนั้น มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวงขอชี้แจงในกรณีนี้ ดังนี้
1. ดร.เค็ง เป็นพนักงานมหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง ตำแหน่งอาจารย์ สังกัดสำนักวิชาการจัดการ ได้เริ่มปฏิบัติงานที่มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวงตั้งแต่วันที่ 3 ตุลาคม 2548 และต่อมาได้รับทุนรัฐบาล จากกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี และมหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวงให้ไปศึกษาในระดับปริญญาเอก ณ University of Kent ประเทศอังกฤษ เมื่อวันที่ 17 กันยายน 2551
2. ดร.เค็ง ได้กลับมาปฏิบัติงานที่มหาวิทยาลัยเมื่อวันที่ 2 สิงหาคม 2556 และในระหว่างปฏิบัติงานได้ยื่นหนังสือลาออกจากการเป็นพนักงานของมหาวิทยาลัย เมื่อวันที่ 19 สิงหาคม 2557 โดยให้มีผลเป็นการลาออกในวันที่ 1 กันยายน 2557 ซึ่งในการขอลาออกเป็นการแสดงเจตนาโดยสมัครใจของ ดร.เค็ง และเมื่อ ดร.เค็งยังคงแสดงเจตนาเดิมในการขอลาออกโดยได้รับทราบเงื่อนไขของการชดใช้ทุนแล้ว มหาวิทยาลัยจึงได้อนุญาตให้ลาออกตามความประสงค์ แต่ด้วยเงื่อนไขของสัญญาและระเบียบของกระทรวงการคลัง เมื่อ ดร.เค็งปฏิบัติงานเพื่อชดใช้ทุนการศึกษาไม่ครบถ้วน กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี และมหาวิทยาลัย จึงมีความจำเป็นต้องปฏิบัติตามเงื่อนไขของสัญญา เพื่อเรียกให้ชดใช้ทุนการศึกษาของกระทรวงวิทย์ฯ จำนวน 630,207.46 บาท กับอีก 194,730 ปอนด์ และของมหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวงจำนวน 726,305.94 บาท
3. ตามเงื่อนไขของสัญญารับทุน และหลักเกณฑ์ปฏิบัติของกระทรวงการคลัง กำหนดให้สิทธิผู้รับทุนที่ไม่ต้องรับผิดชดใช้เงินทุนตามสัญญาเมื่อเป็นบุคคลวิกลจริต จิตฟั่นเฟือนไม่สมประกอบ แต่ต้องแสดงหลักฐานทางการแพทย์จากโรงพยาบาลในสังกัดของรัฐ โดยให้แพทย์ผู้ทำการรักษาระบุว่าเหตุวิกลจริต และจิตฟั่นเฟือนไม่สมประกอบดังกล่าวทำให้ผู้ผิดสัญญาไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่ต่อไปได้ แต่ทั้งนี้ ในระหว่างปฏิบัติงานให้กับมหาวิทยาลัยจนกระทั่งยื่นหนังสือลาออก ดร.เค็งไม่เคยจัดส่งเอกสารหลักฐานทางการแพทย์ว่าไม่สามารถปฏิบัติงานต่อไปได้ให้กับมหาวิทยาลัยได้รับทราบเลย โดย ดร.เค็งได้ยื่นเอกสารทางการแพทย์ ต่างๆ ในชั้นพิจารณาของศาลปกครองเชียงใหม่แต่ล่วงเลยระยะเวลาตามที่กำหนดไว้ในสัญญาไปแล้ว ศาลปกครองเชียงใหม่จึงได้พิจารณาและพิพากษาให้ ดร.เค็ง ชดใช้ทุนการศึกษาตามเงื่อนไขของสัญญา
4. ดร.เค็ง ได้ยื่นอุทธรณ์คดีต่อศาลปกครองสูงสุด เมื่อวันที่ 18 เมษายน 2566 แต่เมื่อคดีอยู่ในระหว่างการพิจารณาของศาลปกครองสูงสุด การไกล่เกลี่ยในชั้นศาลนี้ไม่อาจทำได้ มหาวิทยาลัยจึงไม่อาจดำเนินการใดๆ ในขณะนี้ได้
5. มหาวิทยาลัยได้ปฏิบัติต่อ ดร.เค็ง ด้วยเมตตาธรรมและคุณธรรมมาโดยตลอด โดยได้สนับสนุนและส่งเสริมให้ ดร.เค็งได้รับโอกาสไปศึกษาวิชาการในต่างประเทศตามที่ ดร.เค็ง ตั้งใจ และขอยืนยันว่าในการพิจารณาเรื่องราวของ ดร.เค็ง มหาวิทยาลัยได้ดำเนินการภายใต้ขั้นตอนและหลักเกณฑ์ของกฎหมาย และระเบียบของทางราชการ แต่อย่างไรก็ดี หากศาลปกครองสูงสุดได้พิจารณาพิพากษา เป็นประการใด มหาวิทยาลัยก็พร้อมที่จะปฏิบัติตามคาพิพากษาของศาลทุกประการ