xs
xsm
sm
md
lg

คณะสมาคม​นักข่าว​นักหนังสือพิมพ์​แห่ง​ประเทศไทย​เยือน​สมาคม​นักข่าว สปป.ลาว​ เชื่อมความสัมพันธ์สื่อ 2 ประเทศ

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



คณะสมาคม​นักข่าว​นักหนังสือพิมพ์​แห่ง​ประเทศไทย​ เยือน​สมาคม​นักข่าว สปป.ลาว​ เพื่อเชื่อมความสัมพันธ์กับสื่อมวลชน 2 ประเทศ

​เมื่อวันที่​ 10 พ.ย. 2566​ นายมงคล บางประภา นายกสมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย​ นายชวรงค์ ลิมป์ปัทมปาณี ประธานสภาการสื่อมวลชนแห่งชาติและที่ปรึกษาสมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์​ฯ นายวัศยศ งามขำ ผู้สื่อข่าวอาวุโสหนังสือพิมพ์บางกอกโพสต์ และอุปนายกฝ่ายกิจกรรมพิเศษ​ พร้อมคณะผู้บริหารสมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย เดินทางเยือน สปป.ลาว เพื่อเชื่อมความสัมพันธ์กับสื่อมวลชน​ สปป.ลาว​ ตามคำเชิญของสมาคมนักข่าวสปป.ลาว ในระหว่างวันที่ 5-9 พ.ย. 2566 เป็นเวลา 5 วัน  
​โดยมีนายสะวันคอน​ ราชมนตรี​ ประธานสมาคมนักข่าวสื่อมวลชน ​สปป.ลาว​ นายวรศักดิ์​ ประวงเวียงคำ​ รองผู้อำนวยการวิทยุกระจายเสียงแห่งชาติ​ และนายขุนทอง​ กองมณี​ เจ้าหน้าที่ประชาสัมพันธ์และกิจกรรม สมาคมนักข่าว สปป.ลาวได้ร่วมให้การต้อนรับคณะสื่อมวลชนไทย​ ก่อนเดินทางเข้าพบนางมรกต​ ศรีสวัสดิ์ เอกอัครราชทูตไทยประจำนครเวียงจันทน์​ สปป.ลาว​ กล่าวให้การตอนรับว่า ยินดีต้อนรับที่สื่อมวลชนไทยได้เดินทางมาเชื่อมความสัมพันธ์กับสื่อมวลชนลาว​ เพื่อยกระดับองค์ความรู้ แลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสารทำความเข้าใจที่ถูกต้องเกี่ยวกับราชอาณาจักร สปป.ลาว นำไปใช้ในการรายงานข่าวอย่างสร้างสรรค์ ถูกต้องตามหลักวิชาชีพ เพื่อประโยชน์สาธารณะ

​สำหรับ สปป.ลาว​ และประเทศไทย มีวัฒนธรรมใกล้เคียงกัน ทำให้ประชาชนสองประเทศไปมาหาสู่กันอย่างต่อเนื่อง​ และมีความร่วมมือในหลายด้าน​ โดยเฉพาะการค้าการลงทุนดำเนินร่วมกันมาเป็นเวลานาน ทำให้ประเทศไทยเป็นคู่ค้าอันดับ 2 รองจากประเทศจีน​ แต่ในช่วงหลังมานี้นักลงทุนจากเวียดนามได้เข้ามาบุกตลาด สปป.ลาวเป็นจำนวนมาก ทำให้การลงทุนประเทศไทยเสี่ยงอาจร่วงอยู่อันดับ 3 ดังนั้นการเดินทางมาของนายเศรษฐา​ ทวีสิน นายกรัฐมนตรี​ ก่อนหน้านี้​เพื่อประชุมหารือทวิภาคีจะสามารถช่วยยกความสัมพันธ์ระหว่าง​สองประเทศ​ในหลายมิติได้เป็นอย่างดี

​ในส่วนสถานทูตไทยก็มีโครงการ​ยกระดับด้านกระบวนการยุติธรรมด้วยการเชิญ​ตัวแทน ป.ป.ส. อัยการ และกองพิสูจน์หลักฐานของประเทศไทย​ เพื่อมาถ่ายทอด​ความรู้​ในกระบวนการสอบสวน​ และแลกเปลี่ยนเกี่ยวกับการสืบสวนสอบสวนในคดีอาญาร่วมกันให้เป็นไปตามหลักสากล

​จากนั้นคณะเดินทางเข้าพบหารือกับท่านโพสี​ แก้วมณีวงศ์​ รมช.สารสนเทศวัฒนธรรม​ และการท่องเที่ยว​ สปป.ลาว​ เพื่อแลกเปลี่ยนความร่วมมือ ข้อมูลข่าวสารระหว่างสื่อ​มวลชน​ไทย-ลาว​ โดยท่านโพสี​กล่าวว่า​ ยินดีที่สื่อมวลชนระหว่าง 2 ประเทศมีความร่วมมือกัน และแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ด้านสื่อสารมวลชนมาเป็นเวลานานที่จะเป็นประโยชน์ต่อประชาชนทั้ง 2 ประเทศ​ เพราะประเทศไทยเป็นผู้มีประสบการณ์ทางด้านการทำข่าวมากกว่าสื่อมวลชนลาว​

​แต่เนื่องด้วยต้องเจอกับสถานการณ์โควิด-19​ ทำให้ไม่สามารถเดินทางไปมาหาสู่กันได้สะดวก ทำให้ความร่วมมือต้องหยุดชะงักขาดหายไปชั่วคราว​ แต่เมื่อสถานการณ์คลี่คลายดีขึ้นความร่วมมือของสื่อมวลชน 2 ประเทศก็ได้กลับคืนมาเชื่อมความสัมพันธ์แน่นแฟ้นกันอีกครั้ง โดยสมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทยจัดกิจกรรม Training to​ Trainer มีการเชิญสื่อมวลชนจาก สปป.ลาว 12 ท่าน เข้าร่วมอบรมในครั้งนี้ ซึ่งนับว่าเป็นประโยชน์อย่างยิ่งที่ทางเราจะนำความรู้ที่ได้รับมาถ่ายทอดพัฒนาให้กับสื่อมวลชนต่อไป​ โดยเฉพาะการสกัดกั้นเข้าเฟกนิวส์บนโซเชียลมีเดียอันจะส่งผลกระทบต่อความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ

​ด้านนายมงคล​ และนายชวรงค์ ได้แลกเปลี่ยนประเด็นปัญหาข้อมูลปลอมการหลอกลวงบนสื่อสังคมออนไลน์ ซึ่งเป็นปัญหาที่ประสบกับสังคมใน สปป. ลาวเช่นเดียวกับประเทศไทย โดยนายชวรงค์ได้แลกเปลี่ยนว่า​ ในประเทศไทยมีพระราชบัญญัติคอมพิวเตอร์ฯ ซึ่งมีโทษที่ค่อนข้างหนักสำหรับการนำเข้าข้อมูลเท็จ และหากพบว่ามีการเปิดบัญชีเพื่อการรับโฆษณาหรือรับเงินที่หลอกลวง ก็จะมีช่องทางสำหรับการติดตามเพื่อนำตัวมาลงโทษ ​ขณะที่นายมงคลแนะนำว่า​ การต่อสู้กับข้อมูลปลอมที่ดีที่สุดก็คือการนำเสนอข้อมูลจริง จากแหล่งที่เชื่อถือได้เป็นการตอบโต้ เพื่อให้สังคมได้เรียนรู้ว่าข้อมูลข่าวสารจากสื่อใดที่มักจะปล่อยข่าวที่ไม่น่าเชื่อถือ และสอนให้ประชาชนเรียนรู้ภัยจากการได้รับข้อมูลปลอม

​นอกจากนี้ นายมงคลยังได้ฝากผ่านไปยังรัฐบาล  สปป.ลาว ขอให้ช่วยดูแลหลักเกณฑ์กฎระเบียบสำหรับนักลงทุนไทยให้มีมาตรฐานความเท่าเทียมกับนักลงทุนชาติอื่นๆ ซึ่งการรักษามาตรฐานจะเป็นประโยชน์ต่อ  สปป.ลาวเอง เพราะจะเกิดการแข่งขันเสรีทางการค้า ไม่ถูกนักลงทุนกลุ่มใดผูกขาดได้ง่าย

​ต่อจากนั้น​ผู้บริหารสมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย และสมาคมนักข่าว สปป.ลาว ได้ประชุมหารือร่วมกัน​ หรือภายใต้กรอบของ MOU ที่ได้ลงนามไปเมื่อปีที่ผ่านมาและยังมีผลบังคับอยู่ โดยลงรายละเอียดถึงกิจกรรมที่จัดขึ้นตาม MOU เช่น การแลกเปลี่ยนเหย้าเยือน การสนับสนุนการจัดอบรมแก่สื่อมวลชน สปป.ลาว การติดตามความคืบหน้าของคู่มือสื่อไทย-ลาวฉบับ E-book โดยมีข้อเสนอให้ตั้งผู้รับผิดชอบและกำหนด Timeline ในการทำให้สำเร็จก่อนการมาเยือนไทยของผู้แทนสมาคมนักข่าวลาวในปีหน้า เพื่อจะได้จัดแถลงข่าวรับรู้ร่วมกันระหว่างสื่อมวลชนของไทยกับ สปป.ลาว

​นอกจากนี้ยังได้พูดถึงการร่วมมือในระดับหน่วยงานรัฐ  อาทิ กรมประชาสัมพันธ์กับกรมแถลงข่าวของ สปป. ลาว หรือในระดับขององค์กรสื่อมวลชนด้วยกันระหว่างไทยกับ สปป.ลาว เพื่อเอื้อประโยชน์ต่อความร่วมมือระหว่างกันในอนาคต
















กำลังโหลดความคิดเห็น