คนรถไฟประสานเสียงโต้ผู้ปกครองรายหนึ่ง ร้องเรียนอ้างลูกสาวตกรถไฟขึ้นรถไม่ทัน โวยรถออกก่อนเวลา 1 นาที ขุดลึกวงจรปิดตอกหน้ามนุษย์แม่ พบรถไฟออกช้ากว่ากำหนด 1-2 นาที รถไฟเคลื่อนไปแล้วลูกเพิ่งจะโผล่หัวมา แก้ปัญหาโดยการเปลี่ยนตั๋วใหม่ให้
เมื่อวันที่ 10 ต.ค. จากกรณีที่มีผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่งได้โพสต์ร้องเรียนลงในกลุ่ม "รถไฟไทย Train Thailand" สอบถามว่าลูกสาวตกรถไฟขึ้นรถไม่ทัน ในตั๋วเขียนขึ้นรถเวลา 15.24 น. แต่บังเอิญรถติดฝนตกนิดหนึ่ง กว่าลูกจะมาถึงรถไฟออกพอดี แต่เป็นเวลา 15.23 น. รถไฟกำลังจะเคลื่อนตัว สงสัยนาฬิกาลูกเพี้ยนแค่ 1 นาที ลูกวิ่งไปบอกคนโบกธง เขาบอกไม่ทันทั้งๆ ที่รถไฟเพิ่งเปิดหวูด เวลาอีก 1 นาที สรุปไม่ทัน เหตุเกิดเมื่อวันที่ 7 ต.ค. เวลา 15.23 น. สอบถามผู้รู้ว่าไม่มีการแก้ปัญหาตรงนี้ให้ได้เลยหรือ รู้ว่าผิดที่คนของเรา แต่เคยเห็นผู้โดยสารมาไม่ทันรถไฟ เขายกธงรอจนขึ้น
อ่านประกอบ : แม่พ้อ! ลูกสาวขึ้นรถไฟไม่ทัน ทั้งที่มาถึงสถานีก่อนเวลารถออก 1 นาที
รายงานข่าวเพิ่มเติมระบุว่า ในแวดวงคนทำงานรถไฟและกลุ่มเรลแฟน (Railfan) ได้มีการส่งต่อและเผยแพร่ภาพจากกล้องวงจรปิดของสถานีรถไฟศาลายา อ.พุทธมณฑล จ.นครปฐม โดยพบว่าโพสต์ที่ถูกพาดพิงเป็นขบวนรถด่วนพิเศษทักษิณารัถย์ (CNR) ขบวนที่ 31 กรุงเทพอภิวัฒน์-ชุมทางหาดใหญ่ จากภาพจะเห็นได้ว่ารถไฟได้เคลื่อนขบวนไปแล้ว แต่ผู้โดยสารที่เป็นเยาวชนเพิ่งเข้ามาอยู่อีกฝั่งหนึ่งของสถานี ซึ่งนายสถานีมองไม่เห็น อีกทั้งรถออกช้ากว่ากำหนดประมาณ 1-2 นาทีด้วยซ้ำ ซึ่งขณะที่รถจอดบริเวณสถานี เวลา 15.23 น. ยังไม่มีผู้โดยสารรายใดเข้ามา ตนเดินออกมาพร้อมกับวิทยุสั่งให้เครื่องกั้นทางรถไฟ บริเวณถนนศาลายา-บางภาษี เอาเครื่องกั้นลงเพื่อปล่อยรถ กระทั่งเวลา 15.24 น. ได้ปล่อยรถ ปรากฏว่าผู้โดยสารยังไม่มา กระทั่งรถเคลื่อนตัว ที่อ้างว่าผู้โดยสารมารอก่อน 1 นาทีไม่เป็นความจริง แต่วิ่งมาเมื่อรถออกไปแล้ว จึงเข้ามาสอบถาม ซึ่งท้ายขบวนจะพ้นทางผ่านอยู่แล้ว จึงเชิญมาแก้ปัญหาโดยการเปลี่ยนตั๋วให้ ผู้โดยสารถามว่าตามไปที่สถานีนครปฐมจะทันหรือไม่ นายสถานียืนยันว่าไม่ทัน ซึ่งภายหลังผู้โดยสารคนดังกล่าวได้รับการเปลี่ยนตั๋วโดยสาร ไปกับขบวนรถด่วนพิเศษที่ 37 กรุงเทพอภิวัฒน์-สุไหงโก-ลก ซึ่งเป็นขบวนถัดไปแทน
สำหรับการเปิดเผยวิดีโอคลิปดังกล่าวมีวัตถุประสงค์เพื่อเรียกร้องความเป็นธรรม เนื่องจากนายสถานีศาลายาถูกการรถไฟแห่งประเทศไทยตรวจสอบเรื่องนี้ จึงต้องแสดงความบริสุทธิ์ อีกทั้งโพสต์ร้องเรียนดังกล่าวถูกนำเสนอข่าวผ่านสื่อมวลชนอย่างแพร่หลาย ทำให้สถานีศาลายาและการรถไฟฯ ได้รับความเสียหายและเสื่อมเสียชื่อเสียง ถูกชาวเน็ตดูหมิ่นเกลียดชัง
ด้านนายเอกรัช ศรีอาระยันพงษ์ หัวหน้าสำนักงานผู้ว่าการ การรถไฟแห่งประเทศไทย ชี้แจงว่า เมื่อเกิดเหตุดังกล่าว นายนิรุฒ มณีพันธ์ ผู้ว่าการการรถไฟฯ ให้ดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงโดยทันที ซึ่งจากการตรวจสอบข้อมูลจากกล้องวงจรปิดภายในสถานี รวมถึงสอบถามข้อมูลกับนายสถานีศาลายาที่ปฏิบัติหน้าที่ในช่วงเวลาดังกล่าว ได้รับการยืนยันว่าขบวนรถไฟได้เคลื่อนขบวนออกจากสถานี ตามเวลาที่กำหนดในตั๋วโดยสาร 15.24 น. ไม่ได้มีการออกก่อนเวลาแต่อย่างใด
ทั้งนี้ รายละเอียดข้อมูลที่ปรากฏจากกล้องวงจรปิด และคำให้การของนายสถานีศาลายามีรายละเอียดว่า ขบวนรถดังกล่าว คือ ขบวนรถด่วนพิเศษที่ 31 กรุงเทพฯ-ชุมทางหาดใหญ่ โดยในวันที่ 7 ตุลาคม 2566 ขบวนรถได้มาถึงที่สถานีศาลายา เวลา 15.20 น. (ก่อนกำหนดเวลา 3 นาที) ซึ่งตามปกติขบวนรถจะหยุดเพื่อให้บริการแก่ผู้โดยสารประมาณ 1 นาที แต่ปรากฏว่าในวันดังกล่าวขบวนรถได้หยุดที่สถานีศาลายาเป็นเวลา 4 นาที จนกระทั่งถึงเวลา 15.24 น. ซึ่งเป็นเวลาขบวนรถต้องออกตามที่ระบุในตั๋วโดยสาร นายสถานีศาลายาได้ออกมาปฏิบัติหน้าที่ดูแลความเรียบร้อยของผู้โดยสาร เมื่อเห็นว่าปลอดภัยดีแล้ว และประตูขบวนรถไฟอัตโนมัติปิด จึงแจ้งให้พนักงานกั้นถนนนำเครื่องกั้นลง จากนั้นให้สัญญาณขบวนรถออกตามเวลาที่กำหนดไว้
อย่างไรก็ตาม หลังจากขบวนรถออกจากสถานีไปเรียบร้อยแล้ว ปรากฏว่าได้มีผู้โดยสารเยาวชน 2 คนเข้ามาแจ้งนายสถานีว่าไม่สามารถขึ้นขบวนรถได้ทัน ซึ่งจากการสอบถาม และตรวจดูภาพจากกล้องวงจรปิดพบว่าผู้โดยสารเยาวชนทั้ง 2 คนได้วิ่งเข้ามาคนละฝั่งซึ่งไม่ใช่จุดขึ้นลงขบวนรถ และขบวนรถได้ออกไปแล้ว จึงไม่สามารถแจ้งให้ขบวนรถหยุดได้ เพราะอาจกระทบต่อกฎข้อบังคับด้านความปลอดภัย แต่เพื่อเป็นการให้บริการที่ดี นายสถานีจึงให้ความช่วยเหลือแก่ 2 ผู้โดยสารเยาวชน ด้วยการจัดที่นั่งพักคอย และแนะนำให้ผู้โดยสารเดินทางด้วยรถไฟในขบวนถัดไปที่จะมาถึงสถานีศาลายาในเวลา 16.42 น. เพื่ออำนวยความสะดวกในการเดินทางแก่ผู้โดยสารทั้ง 2 คน ให้เดินทางถึงที่หมายอย่างปลอดภัย
"การรถไฟฯ ขอแจ้งเตือนให้ผู้โดยสารทุกคนรับทราบถึงข้อพึงระวังในการเดินทางด้วยรถไฟอย่างปลอดภัย โดยหากขบวนรถกำลังเคลื่อนออกจากสถานี ห้ามผู้โดยสารกระโดดขึ้นหรือลงจากขบวนรถเป็นอันขาด เพราะอาจพลาดพลั้งเกิดอันตรายถึงชีวิตได้ และกรณีหากมาไม่ทันขบวนรถ ก็ขอให้รอเดินทางด้วยขบวนรถไฟถัดไป ซึ่งท้ายนี้ การรถไฟฯ ขอขอบคุณทุกข้อเสนอแนะและคำติชมจากผู้โดยสาร ที่จะนำมาปรับปรุงการให้บริการรถไฟให้มีความสะดวก รวดเร็ว ปลอดภัย สร้างความพึงพอใจสูงสุดแก่พี่น้องประชาชนต่อไป" นายเอกรัชกล่าว