“สุริยะ”รับข้อสั่งการนายกฯ เร่งหน่วยงาน"คมนาคม"ดูแลประชาชน เหตุน้ำท่วมถนนหลายสายไม่สามารถสัญจรได้ ล่าสุดรถไฟสายเหนือชะงัก หลังน้ำท่วมเส้นทางช่วงสถานีแก่งหลวง - บ้านปิน จ.แพร่ จนรถด่วนพิเศษ กรุงเทพ – เชียงใหม่ ตกราง รฟท.คาดยกรถเสร็จเย็นนี้ พร้อมแจ้งงดเดินรถชั่วคราว
จากสถานการณ์ฝนตกหนักตลอดทั้งคืน และเกิดน้ำท่วมในหลายพื้นที่ทางภาคเหนือ เช่น อ.เด่นชัย อ.ลอง อ.สูงเม่น และ อ.เมืองแพร่ ส่งผลให้ถนนหลายสายถูกน้ำท่วมขังส่งผลทำให้การจราจรติดขัด รถไม่สามารถขับผ่านสัญจรได้ตามปกติ รวมถึงเกิดน้ำป่าไหลหลาก เข้าท่วมทางรถไฟระหว่างช่วงแก่งหลวง-บ้านปินขาดระยะทางประมาณ 20 เมตร ทำให้รถไฟด่วนพิเศษขบวนที่ 13 เส้นทางกรุงเทพอภิวัฒน์-เชียงใหม่ เกิดอุบัติเหตุตกรางพลิกตะแคง และมีผู้ได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย แต่ไม่มีผู้เสียชีวิต พร้อมทั้งกีดขวางการเดินรถนั้น
นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่า จากสถานการณ์ที่มีฝนตกหนักในพื้นที่ทางภาคเหนือ โดยเฉพาะ จ.แพร่ ส่งผลให้เกิดน้ำท่วมถนนหลายสาย รวมถึงเกิดอุบัติเหตุทางรถไฟนั้น ตนได้สั่งการให้ทุกหน่วยงานของกระทรวงคมนาคม ลงพื้นที่เพื่อติดตามสถานการณ์โดยเร่งด่วน และประเมินสถานการณ์อย่างใกล้ชิด พร้อมกำชับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้ความช่วยเหลือดูแลประชาชนอย่างเต็มที่ตามข้อสั่งการของนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี
ขณะเดียวกัน ให้เร่งดำเนินการตามแผนป้องกัน เยียวยาสาธารณภัย และบูรณาการการดำเนินการร่วมกับทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการช่วยเหลือประชาชน อีกทั้งให้ประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนรับทราบข้อมูลต่างๆ และรายงานผลการดำเนินงานให้กระทรวงคมนาคมรับทราบในทันที รวมถึงผลกระทบจากอุทกภัยต่อการคมนาคมขนส่ง ทั้งทางบก ทางน้ำทางราง และทางอากาศ รวมถึงการสัญจรของประชาชนในพื้นที่ด้วย นอกจากนี้ กำชับให้ดำเนินการติดตั้งป้ายเตือน ป้ายแนะนำเส้นทางเสี่ยงบริเวณสายทางที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัย จัดเจ้าหน้าที่ติดตามสถานการณ์ เพื่อเข้าช่วยเหลือประชาชนภายใน 24 ชั่วโมง (ชม.)
นายสุริยะ กล่าวว่า ตนยังได้สั่งการให้ทุกหน่วย เตรียมความพร้อมถึงผลกระทบจากสถานการณ์อุทกภัยที่อาจจะเกิดขึ้น และเตรียมความพร้อมในขั้นตอนการป้องกัน (ก่อนเกิดภัย) การเผชิญเหตุ (ขณะเกิดภัย) และขั้นการฟื้นฟู (หลังเกิดภัย) เพื่แบรรเทา แก้ไข หรือคลี่คลายสถานการณ์ในพื้นที่ให้สำเร็จลุล่วงโดยเร็ว
อย่างไรก็ตาม ประชาชนผู้ประสบเหตุอุทกภัย สามารถขอรับการช่วยเหลือจากกระทรวงฯ ได้ที่สายด่วนติดต่อขอความช่วยเหลือ (โทรฟรีทุกเครือข่ายตลอด 24 ชม.) ได้แก่ สายด่วน 1356 กระทรวงคมนาคม, สายด่วน 1586 กรมทางหลวง, สายด่วน 1146 กรมทางหลวงชนบท, สายด่วน 1690 การรถไฟแห่งประเทศไทย และสายด่วน 1199 กรมเจ้าท่า
@รฟท.เร่งดูแลผู้โดยสารที่ได้รับผลกระทบ งดเดินรถสายเหนือชั่วคราวบางขบวน
ด้านนายเอกรัช ศรีอาระยันพงษ์ หัวหน้าสำนักงานผู้ว่าการ การรถไฟแห่งประเทศไทย(รฟท.) เปิดเผยว่า จากที่ เกิดน้ำท่วมเฉียบพลันและน้ำป่าไหลหลาก อีกทั้งมีมวลน้ำไหลเข้าท่วมทางรถไฟระหว่างสถานีแก่งหลวง - บ้านปิน อำเภอลอง จังหวัดแพร่ ส่งผลให้ขบวนรถด่วนพิเศษที่ 13 สถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์ – เชียงใหม่ เกิดตกราง และขบวนรถอื่นในเส้นทางสายเหนือไม่สามารถเดินรถผ่านได้นั้น นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ได้มอบหมายให้ นายสุรพงษ์ ปิยะโชติ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม สั่งการกำชับให้การรถไฟฯ เร่งดำเนินการช่วยเหลือผู้โดยสาร และจัดการดูแลผู้โดยสารให้เดินทางต่อถึงที่หมายให้รวดเร็ว เรียบร้อย ปลอดภัย พร้อมกับเข้าไปดำเนินการซ่อมแซมปรับปรุงทางรถไฟ เพื่อให้สามารถเปิดเดินรถได้ตามปกติโดยเร็ว
นอกจากนี้ ยังมอบหมายให้การรถไฟฯ ดำเนินการตรวจสอบพื้นที่และรายงานสาเหตุของความเสียหาย ตลอดจนแนวทางแก้ไขเพื่อป้องกันมิให้เกิดเหตุในลักษณะนี้ซ้ำขึ้นอีก พร้อมกันนี้ยังให้มีการติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด และหากเกิดเหตุจำเป็นให้รายงานต่อรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคมเพื่อสั่งการโดยทันที
@เคลียร์รถตกรางในเย็นนี้ (30 ก.ย.) เพื่อ เร่งซ่อมแซททาง
ทั้งนี้ ภายหลังได้รับการมอบหมาย นายนิรุฒ มณีพันธ์ ผู้ว่าการรถไฟแห่งประเทศไทย ได้สั่งการให้ผู้บริหารการรถไฟฯ ลงพื้นที่เกิดเหตุและสั่งการให้เจ้าหน้าที่เกี่ยวข้องเร่งดำเนินการยกรถที่ตกรางอย่างเร่งด่วน โดยคาดว่าจะสามารถยกรถที่ตกรางแล้วเสร็จภายในวันนี้ ( 30 กันยายน 2566)
ขณะที่การดูแลผู้โดยสาร ไม่พบผู้โดยสารได้รับบาดเจ็บแต่อย่างใด ซึ่งการรถไฟฯ ได้จัดรถอำนวยความสะดวกขนถ่ายผู้โดยสาร ให้เดินทางต่อไปยังจุดหมายปลายทางได้อย่างปลอดภัยเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ส่วนการปรับปรุงเส้นทาง ขณะนี้เจ้าหน้าที่ได้ลงสำรวจพื้นที่แล้ว โดยพบว่าเส้นทางรถไฟช่วงระหว่างสถานีแก่งหลวง-บ้านปิน ระดับน้ำยังคงเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทางรถไฟได้รับความเสียหาย มีน้ำกัดเซาะหินบนทางรถไฟระยะทางประมาณ 20 เมตร ซึ่งจะเร่งดำเนินการซ่อมแซมให้เสร็จโดยเร็วที่สุด
จากสถานการณ์ดังกล่าว การรถไฟฯ จึงมีเหตุจำเป็น ขอแจ้งปรับเปลี่ยนสถานีต้นทางปลายทางของขบวนรถในเส้นทางสายเหนือ เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับประชาชนที่ยังมีความจำเป็นในการเดินทาง พร้อมกับแจ้งงดเดินรถบางขบวน ให้มีความเหมาะสมต่อสถานการณ์และความปลอดภัยของผู้โดยสาร ระหว่างวันที่ 30 กันยายน - 1 ตุลาคม 2566 มีโดยรายละเอียด ดังนี้
วันที่ 30 กันยายน 2566
ปรับเปลี่ยนสถานีต้นทางปลายทาง จำนวน 7 ขบวน ประกอบด้วย
1. ขบวนรถด่วนพิเศษที่ 13 สถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์ - เชียงใหม่ ขนถ่ายผู้โดยสารทางรถยนต์จากสถานีเด่นชัยไปยังสถานีปลายทางตามตั๋วโดยสาร เริ่มจากบ้านปิน แม่เมาะ ลำปาง ลำพูน จนถึงปลายทางเชียงใหม่ เพื่อเป็นการดูแลผู้โดยสารที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ดังกล่าว
2. ขบวนรถท้องถิ่นที่ 407 นครสวรรค์ - เชียงใหม่ มีเดินเฉพาะช่วง นครสวรรค์ – เด่นชัย และลำปาง-เชียงใหม่
3. ขบวนรถท้องถิ่นที่ 408 เชียงใหม่ - นครสวรรค์ มีเดินเฉพาะช่วง เชียงใหม่ - ลำปาง - เชียงใหม่ และมีเดินเฉพาะช่วงเด่นชัย - นครสวรรค์
4. ขบวนรถเร็วที่ 109 สถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์ - เชียงใหม่ มีเดินเฉพาะช่วงสถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์ - ศิลาอาสน์
5. ขบวนรถด่วนพิเศษที่ 7 สถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์ - เชียงใหม่ มีเดินเฉพาะช่วงสถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์ - ศิลาอาสน์ จากนั้นขนถ่ายผู้โดยสารทางรถยนต์ไปยังสถานีปลายทาง
6. ขบวนรถด่วนที่ 52 เชียงใหม่ - สถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์ มีเดินเฉพาะช่วงศิลาอาสน์ – สถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์
7. ขบวนรถด่วนพิเศษที่ 8 เชียงใหม่ - สถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์ มีเดินเฉพาะช่วงสถานีศิลาอาสน์ - สถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์
งดเดินขบวนรถ จำนวน 6 ขบวน
1.ขบวนรถเร็วที่ 51 สถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์ – เชียงใหม่
2. ขบวนรถเร็วที่ 102 เชียงใหม่ - สถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์
3. ขบวนรถด่วนพิเศษที่ 13/14 สถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์ – เชียงใหม่ - สถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์
4. ขบวนรถด่วนพิเศษที่ 9/10 สถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์ – เชียงใหม่ – สถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์
วันที่ 1 ตุลาคม 2566
ปรับเปลี่ยนสถานีต้นทางปลายทาง จำนวน 3 ขบวน
1. ขบวนรถด่วนพิเศษที่ 7 สถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์ - เชียงใหม่ มีเดินเฉพาะช่วงสถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์ - ศิลาอาสน์
2. ขบวนรถเร็วที่ 102 เชียงใหม่ - สถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์ มีเดินเฉพาะช่วงศิลาอาสน์ – สถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์
3. ขบวนรถด่วนพิเศษที่ 8 เชียงใหม่ - สถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์ มีเดินเฉพาะช่วงศิลาอาสน์ – สถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์
งดเดินขบวนรถ จำนวน 2 ขบวน
1. ขบวนรถด่วนที่ 52 เชียงใหม่ - สถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์
2. ขบวนรถด่วนพิเศษที่ 14 เชียงใหม่ - สถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์
นายเอกรัชกล่าวต่อว่า ในช่วงฤดูฝนที่กำลังมาถึงนี้ ผู้ว่าการรถไฟฯ ยังได้กำชับให้เจ้าหน้าที่ผู้เกี่ยวข้องติดตามสถานการณ์น้ำและปริมาณฝนตกอย่างใกล้ชิด โดยให้ฝ่ายการช่างโยธา และนายสถานีในพื้นที่ได้เฝ้าระวังเพื่อประเมินและแก้ไขสถานการณ์อย่างเหมาะสม ตลอดจนให้จัดเตรียมกำลังเจ้าหน้าที่ มาตรการด้านความปลอดภัย อำนวยความสะดวกและดูแลความปลอดภัยในการเดินทางแก่ผู้โดยสารให้ได้รับผลกระทบน้อยที่สุด
ส่วนประชาชนที่ซื้อตั๋วโดยสารไว้ล่วงหน้าในเส้นทางที่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วม หากไม่ประสงค์เดินทางสามารถติดต่อขอคืนเงินค่าตั๋วโดยสารได้เต็มจำนวน ที่สถานีรถไฟทุกแห่งทั่วประเทศ หรือสามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ศูนย์บริการลูกค้าสัมพันธ์ หมายเลขโทรศัพท์ 1690 ตลอด 24 ชั่วโมง พร้อมทั้ง ขอให้ผู้โดยสารที่ต้องการเดินทางกรุณาตรวจสอบรายละเอียดอีกครั้งก่อนเดินทาง ซึ่งการรถไฟฯ ต้องขออภัยในความไม่สะดวกมา ณ โอกาสนี้