"ส.ว.ดิเรกฤทธิ์" จี้ตอบคำถามให้ได้ก่อนจะแก้รัฐธรรมนูญ "แก้อะไร อย่างไร เพื่อใคร?" ชี้ไม่เห็นความจำเป็นเลย หรือถ้าอยากแก้ก็เสนอเป็นรายมาตรา ค้านตั้ง ส.ส.ร.แก้ทั้งฉบับ หวั่นแอบสอดไส้มาตราสำคัญที่แก้ไม่ได้ตามกลไกสภาฯ
วันที่ 28 ก.ย. 2566 นายดิเรกฤทธิ์ เจนครองธรรม สมาชิกวุฒิสภา ร่วมสนทนาในรายการ "คนเคาะข่าว" ออกอากาศทางสถานีโทรทัศน์ผ่านดาวเทียม ช่อง "นิวส์วัน" ในหัวข้อ "อะไร อย่างไร เพื่อใคร? โจทย์ใหญ่ก่อนแก้ไขรัฐธรรมนูญ"
นายดิเรกฤทธิ์กล่าวในช่วงหนึ่งว่า ในมุมมองตนไม่เห็นประเด็นอะไรที่มีความจำเป็นต้องแก้ เรื่อง ส.ว.เลือกนายกฯ อีกไม่กี่เดือนก็หมดสภาพใช้อำนาจอยู่แล้ว ตัดเรื่องนี้ไปก็ไม่เห็นว่าควรแก้อะไร และให้ใครได้ประโยชน์อย่างไร การแก้รัฐธรรมนูญต้องไม่อคติ อย่าเหมารวม เพราะเรื่องดีๆ ก็มี หลายประเด็นที่ช่วยแก้ไขวิกฤตบ้านเมืองได้จริง ถ้าเราไม่ชัดว่าจะแก้เรื่องอะไร ใครได้ประโยชน์อย่างไร ก็เป็นปัญหาหนึ่งแล้ว ถ้าเกิดไปแก้มาตราสำคัญ ยุ่งเลย
การแก้ไขรายมาตราทำได้อยู่แล้วตามกฎหมาย แต่แก้ไขทั้งฉบับไม่ได้ การตั้ง ส.ส.ร. หากวิธีการได้มาใช้เกณฑ์ตัวแทนประชาชน จะต่างจาก ส.ส.อย่างไร ได้คนกลุ่มเดียวกันมาก็สูญเปล่า ในเมื่อ ส.ส.มีอำนาจอยู่แล้ว ให้ ส.ส.ร.ทำเพื่ออะไร ค่าใช้จ่ายก็เยอะ ต้องออกแบบให้ต่างจาก ส.ส. และเหมาะสมที่จะเป็นตัวแทนของประชาชน ถ้าอธิบายตรงนี้ไม่ได้ก็ไม่มีความจำเป็น
ต้องให้ชัดก่อนว่าแก้อะไร ใครได้ประโยชน์อย่างไร แล้วค่อยหาวิธีการ รายมาตราทำได้อยู่แล้วในสภาฯ แต่เขียนใหม่เป็นการแก้ 256 เพื่อเปิดประตูแก้ทั้งฉบับ ศาลรัฐธรรมนูญก็ตีความออกมาแล้วทำไม่ได้ มันเกินอำนาจรัฐธรรมนูญ ให้ไปทำประชามติถามประชาชนก่อน
นายดิเรกฤทธิ์กล่าวอีกว่า นักการเมืองอยากรื้อทั้งฉบับเพื่อกลบเกลื่อนหรือเปล่า เช่น มาตรา 144 การที่ ส.ส. ส.ว.สามารถแทรกแซงการแปรญัตติงบประมาณเพื่อนำงบไปลงพื้นที่ของตนเอง และมาตรา 235 ทำให้หลายคนถูกตัดสิทธิการเมือง เนื่องจากประพฤติมิชอบ มีการทำผิดจริยธรรม
"ถ้าอยากแก้ เสนอเป็นรายมาตราได้ ไม่ใช่โยนให้องค์กรอื่นแล้วสอดไส้สิ่งที่ตัวเองแก้ไม่ได้ อย่าง ม.112 มีปัญหาในการแก้ มันไปกระทบโครงสร้างใหญ่ อยู่ในมาตรา 6 พระมหากษัตริย์ทรงดำรงอยู่ในฐานะอันเป็นที่เคารพสักการะ ผู้ใดจะละเมิดมิได้ ฉะนั้นกฎหมายลูกต่างๆ ต้องสอดคล้องกับรัฐธรรมนูญ หลายเรื่องที่แก้ไม่ได้ในกลไกสภาฯ ถ้าเกิดมี ส.ส.ร.ที่ขาดความเข้าใจ ไม่มีคุณวุฒิ มารื้อทั้งหมดก็จะเป็นปัญหากับประเทศเรา"
