เปิดความจริงอุบาทว์สุดๆ รังสิมา รอดรัศมี อดีต ส.ส.สมุทรสงคราม ชี้กรณี ส.ส.ขนอาหารกลับมีมานานแล้ว บางคนให้ลูกน้องกวาดเรียบ ทั้งแบรนด์ทั้งนม น้ำอัดลมกวาดใส่ถุง คนหลังๆ ก็ไม่ได้กิน แถมเลี้ยงทั้งโคตรนับสิบทั้งๆ ที่สิทธิ์ใครสิทธิ์มัน บางคนเบิกซ้ำซ้อน ทั้งสภาใหญ่ ทั้งกรรมาธิการ 3-4 คณะ เสนอทางออกไม่ต้องคิดมาก ใครเซ็นชื่อรูดบัตรที่ศูนย์อาหารสูงสุดได้ครั้งละพัน วันไหนไม่เซ็นชื่อไม่ได้ ถ้ากินไม่พอจ่ายเอง ถ้าเงินเหลือกลับเข้าคลัง แบบนี้แฟร์ๆ แต่สมัยนี้ไม่ได้เข้าไปเลยไม่มีสิทธิ์พูด
วันนี้ (8 ก.ย.) น.ส.รังสิมา รอดรัศมี อดีต ส.ส.สมุทรสงคราม สมาชิกพรรครวมไทยสร้างชาติ ให้สัมภาษณ์ในรายการกรรมกรข่าวคุยนอกจอ ทางเฟซบุ๊ก "สรยุทธ สุทัศนะจินดา กรรมกรข่าว" ถึงกรณีงบประมาณอาหารของสมาชิกรัฐสภา ระบุว่า พอดีตนไม่ได้ดูข่าวกรณี น.ส.สิริลภัส กองตระการ ส.ส.กทม. พรรคก้าวไกล หิ้วถุงกับข้าว แต่ก็มีหลายคนมาถามเรื่องอาหารรัฐสภา ซึ่งตนได้ฝากให้ ส.ส.ที่ได้เข้าไปในสภาฯ ให้ช่วยดูตรงนี้เข้าที่ประชุมกิจการสภาฯ
เพราะงบประมาณค่าอาหารวันหนึ่ง 500,000 บาท แต่กลับเอาไปทิ้งๆ ขว้างๆ บางวันอาหารเหลือมากมาย บางครั้งอาหารยังไม่มาถึง สภาฯ ล่ม อาหารก็เสีย จะรับประทานหรือไม่รับประทานก็เสียงบประมาณ 500,000 บาทอยู่แล้ว เพราะคิดเป็นรายหัว หัวละ 1,000 บาทต่อวัน แต่ถ้าวันไหนมีวุฒิสภาประชุมด้วยก็เพิ่มขึ้นเป็น 750,000 บาทต่อวัน เพราะฉะนั้นงบประมาณอาหารได้ฝาก ส.ส.ชุดใหม่ ถ้าใครไปอยู่กิจการสภาฯ ให้เปลี่ยนแปลงการจ่ายเงินให้กับ ส.ส. เช่น หาก ส.ส.รายใดไปลงชื่อ ก็โอนเงินเข้าในบัตรประจำตัว ส.ส. แล้วลงไปที่ร้านอาหารในรัฐสภาซึ่งมีมากมาย ให้ไปรูดรับประทานเอา วันหนึ่งใช้ได้ไม่เกิน 1,000 บาท ถ้าเกิน 1,000 บาทต้องจ่ายเอง แต่ถ้าไม่ได้รับประทาน หรือลงชื่อแล้วกลับบ้าน เงินจะถูกคืนคลังต่อวัน ซึ่งจะเหลือมากมายมหาศาล และจะไม่เกิดปัญหาเช่นนี้เลย
เมื่อถามว่า มีวันไหนที่มี ส.ส.ครบ 500 คน น.ส.รังสิมากล่าวว่า ร้านอาหารยังไงก็คิดจำนวนเต็ม แต่ก็มีกลับบ้านหรือไปธุระ ถ้าไม่อยู่หรือไม่ได้กินก็ต้องคืนคลัง อย่างนี้เงินจะเหลือคืนคลังมาก ถามว่าไม่เป็นปัญหาให้กับร้านอาหารเหรอ ในกรณีที่จัดเตรียมอาหารมาแล้วไม่กินจะเสียไหม น.ส.รังสิมากล่าวว่า ต่อไปจะมีร้านอาหารอยู่ชั้นล่างของอาคารรัฐสภา ก็เอาร้านอาหารมาขายเยอะๆ ให้มีตัวเลือก เอาร้านอาหารดีๆ เข้ามา ซึ่งบุคลากรรัฐสภามีอยู่นับหมื่นคน ทำไมจะขายไม่ได้
เมื่อถามว่าไม่ใช่ห้องอาหารรัฐสภาเหรอ น.ส.รังสิมากล่าวว่า เปลี่ยนรูปแบบเลย เหมือนกับห้างฯ เลย มีร้านมาตั้งขาย ให้ ส.ส.เลือกมาเลย แต่อันนี้เขาจัดอาหารมาให้เรา เขาไม่อยากกินก็ไม่กิน บางอันก็ไม่อร่อย บางอันก็ปริมาณไม่พอ อีกอย่างใครมาก่อนได้กิน แต่คนที่ทำงานส่วนใหญ่จะไม่ค่อยได้กิน เพราะอยู่แต่ในห้องทำงานของสภาฯ และห้องประชุม พอออกมาอาหารก็หมด คนที่มากินทีหลังจะได้กินไข่เจียว เพราะคนที่มากินแรกๆ ก็ขนกลับไปหมดแล้ว
น.ส.รังสิมากล่าวว่า กรณีที่นายพิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน รองประธานรัฐสภาคนที่ 2 อ้างว่าขนอาหารกลับบ้านไม่ผิด ขนออกไปให้ลูกน้องกินไม่ผิด อย่างนี้ไม่ใช่ การที่เอาอาหารมาให้สมาชิกรัฐสภากิน เคยว่า ส.ส.ไปทีหนึ่งแล้วว่า เขานั่งกินอยู่แล้วขนใส่กล่องกลับบ้าน ปากไม่ดีก็เข้าไปถามว่าที่ใส่กล่องเอาไปไหน เขาบอกว่าเดี๋ยวเอาไปให้แม่บ้าน เอาไปให้ลูกกลับจากโรงเรียนจะได้ไม่ต้องหุง ไม่ต้องทำกับข้าว ตนจึงบอกว่า เขาเลี้ยงเฉพาะสมาชิกรัฐสภา เขาไม่ได้เลี้ยงทั้งโคตร โคตรเหง้าศักราชคุณเอาไปให้เขากินหมด มันไม่ใช่ เขาเลี้ยงเฉพาะสมาชิกเท่านั้น ไม่งั้นก็ไม่พอ เพราะต่างคนต่างก็หิ้วกลับ อันนี้มันลักของหลวง
เมื่อถามว่าขนาดนั้นเลยเหรอ น.ส.รังสิมากล่าวว่า ตนเข้าไปด่าเขามา เขาก็เลยเกลียดเรา เรารับไม่ได้ถ้ามันเกินไป เป็นถึง ส.ส. แต่ของนิดๆ หน่อยๆ ก็เห็นแก่ได้ แล้วคนอื่นเขาไม่มีกิน บางคนให้ลูกน้องมาเอาปาดทั้งชั้นเลย อย่างในตู้แช่มีทั้งแบรนด์ (ซุปไก่สกัด) นม เป๊ปซี่ แฟนต้า (น้ำอัดลม) พอถึงเวลาก็เอาถุงมาใส่เครื่องดื่มทั้งชั้นลงไปในถุง เอาไปตามห้องต่างๆ อย่างนี้มันก็ไม่ถูก แล้วคนหลังก็ไม่ได้กิน เพราะคนที่มาแรกๆ เอาใส่ถุงออกไปข้างนอก เพราะฉะนั้นตนเสนอให้ห้ามเอาอาหารจากห้องประชุม ห้องอาหารออกมาเด็ดขาด แล้วจะเอาไปให้ตามห้อง
แล้วได้ข่าวว่าประธานกล่าวว่าเอาไปให้ลูกน้องในห้องกินได้ อย่างนี้ถ้าเลี้ยงลูกน้อง ส.ส.อีก 500 คน แล้ว ส.ส.ที่ทำงานมันจะได้กินไหม ส.ส.ที่ทำงานอยู่ก็ไม่ได้กิน ที่นายพิเชษฐ์วินิจฉัยอย่างนั้นไม่ได้ นิสัยอย่างนี้ผิด เห็นบอกว่านายพิเชษฐ์บอกว่าเอาไปให้ลูกน้องกินได้ ถ้า ส.ส.มีเยอะ คนหนึ่งไม่ใช่มีลูกน้องคนเดียว บางคนมาเป็นคันรถ แล้วมันจะไหวเหรอ มันก็ไม่ใช่ มันไม่ได้ บางคนเอาญาติ เอาคนในพื้นที่ฐานเสียงมา สมมติว่ามี 10 คน เอาไปห้องรับรอง ส.ส. พอถึงเวลาก็ไปเอาข้าวที่เลี้ยง ส.ส.มารับรองคนของตัวเองที่มาอยู่ในห้องทำงานของ ส.ส.แต่ละคนมันจะพอไหมล่ะ ถ้าอย่างนั้นมันไม่ใช่ แต่ถ้าเหลือ คุณก็ไม่มีสิทธิ์ที่จะขนกลับบ้าน
เมื่อถามว่า ถ้าเหลือทิ้งมันเสียของ น.ส.รังสิมากล่าวว่า ไม่ได้ ถ้าเหลือมีคนที่อยากได้เยอะแยะไป เหลือก็บริจาคสิ ไม่ใช่คนหนึ่งคนใดช่วยกันขน อย่างนี้คนก็ขนกันหมด เหลือก็ทำบุญไปบริจาค มีแหล่งบริจาคเยอะแยะ เขาก็ทำอย่างนี้มา แต่มาช่วงหลังๆ ทำไมมันขนกันมากมายก็ไม่รู้ เราก็เป็น ส.ส.มา 5 สมัย เราก็งงเหมือนกันว่าสมัยนี้ทำไมมันเปลี่ยนไปเยอะ สมัยก่อนมันไม่เป็นอย่างนี้ รัฐสภาเก่ามันไม่เป็นอย่างนี้ ไม่มีใครขน
เมื่อถามว่าทำไม ส.ส.อดอยากหรืออย่างไร น.ส.รังสิมากล่าวว่า ไม่รู้ มันเปลี่ยนไปแล้วสังคม แม่เขาสอนลูกยังไงไม่รู้ มันบอกไม่ถูก คือมีความรู้สึกว่ามันไม่ใช่ มันควรที่จะเสียสละ เอาไปบริจาค ไม่ใช่ว่าแต่ละคนก็ขนกันกลับ อย่างนี้มันดูหมดศักดิ์ศรีมาก
เมื่อถามว่าไม่ใช่การเมืองใช่ไหม เพราะว่าศึกษาเรื่องนี้มาห้ามขนกลับเลย ไม่งั้นก็จะมาขนตั้งแต่ยังไม่เลิกประชุม ขนกันใหญ่เลย น.ส.รังสิมากล่าวว่า อันนี้ไม่ใช่การเมือง ตนต่อสู้เรื่องนี้มาตลอดที่อยู่สภาฯ และยังฝากพวก ส.ส.ว่า ถ้าไปดูกิจการสภาฯ ให้เสนอแบบไหนเงินจะเหลือคืนคลัง จะทำแบบไหนถึงจะไม่มีการขนอาหารกลับ ตนก็ไปศึกษามา เมื่อสมัยที่แล้วนายชวน หลีกภัย ขณะนั้นเป็นประธานรัฐสภา มอบหมายตนยืนเฝ้า เห็นปัญหานี้ก็พยายามแก้
อีกประการหนึ่งที่สูญเสียมาก คือ เรื่องกรรมาธิการ แต่ละคณะก็จะมีเงินค่าอาหารทุกวันที่มีประชุมของแต่ละคณะ แต่ตนไม่เห็นด้วย เพราะบางคนเป็นกรรมาธิการ 2 คณะ สภาใหญ่อีกคณะหนึ่งก็เป็นเหมือน 3 คณะ เพราะ ส.ส.มีอยู่แล้ว ถ้าวันนั้นไปประชุม 2 คณะ ก็จะมีจัดเลี้ยงของคณะกรรมาธิการต่างหาก อย่างหรูเลย และสมมติว่ามีคณะกรรมาธิการ 35 คณะ จะมีงบรับประทานอาหารกลางวันอีก แต่ ส.ส.คนเดียวกันจะเบิก 3-4 ที่ เงินจะซ้ำซ้อน ตนเสนอว่าเวลามีประชุมกรรมาธิการ ให้คณะกรรมาธิการมากินที่ห้องประชุมใหญ่ ไม่ให้ไปแยกกิน ไม่อย่างนั้นจะเบิกทุกห้อง คนเดียวกันกินมื้อเดียว ครั้งเดียวแต่เบิก 3-4 ครั้ง ต้องพิจารณาเรื่องการเบิกจ่ายซ้ำซ้อนด้วย เพราะเงินรัฐสภาจะสูญเสียมากมายเลย
"ประเทศชาติสูญเสียเงินเยอะ หิ้วกันอุตลุดไปหมด ห้องนี้แจกก็เอาไป ห้องนี้แจกก็เอามา บางคนถือถุงอาหาร 3-4 ถุง ถามว่าทำไมวันนี้ได้อาหารเยอะก็บอกว่า เอาไปหลายห้อง เป็นหลายคณะ คณะนี้แจกก็เอามา คณะนี้แจกก็เอามา แล้วไปกินห้องสภาใหญ่อีก มันก็เลยกลายเป็นงบฯ มันสูญเสียใช่ไหม เพราะคนคนเดียวกันในเวลาเดียวกัน กินหลายที่ เบิกซ้ำซ้อน มันก็ไม่ใช่ ถึงได้ต้องฝากสภาฯ คุณจะต้องไปหาแนวทางการแก้ไข เราก็เลยไปคิดมาว่า ถ้าสภาฯ มันเปิดแล้วมีฟูดคอร์ต (ศูนย์อาหาร) แบบห้างฯ เนี่ย คุณเดินไปกินเลย เพราะฉะนั้นมันจะไม่ซ้ำซ้อน คุณกินไม่หมด เงินเหลือ ปิดสภาฯ วันนั้นปั๊บเงินคุณไม่สามารถรูดต่อได้ เงินอันนั้นจะตัดเลยรายวัน" น.ส.รังสิมากล่าว
น.ส.รังสิมากล่าวว่า ข้อเสนอดังกล่าวใช้เงินไม่เยอะ เพราะ ส.ส.มาลงชื่อแล้วกลับบ้าน เหลือเฉพาะคนพูดไม่ถึง 100 คน อย่างนี้เงินคืน 400,000-500,000 บาทแล้ว เพราะลงชื่อเสร็จกลับบ้านเลย มาให้ครบองค์ประชุมเท่านั้นเอง เรื่องนี้ต้องมีแนวทางการคิดใหม่ แล้วเดี๋ยวนี้การคิดแบบใหม่ๆ เหลือทิ้งบูด เกิดภาวะโลกร้อน สมัยก่อนเอาไปบริจาคเยอะแยะ ทำไมเดี๋ยวนี้ไม่ใช่ เหลือแล้วก็ขน ใครมือยาวสาวได้สาวเอา บางคนน่าเกลียดมากขนทั้งวันเลย ให้ลูกน้องมารอปากประตู พอขนไปประตูนี้ เสร็จแล้วย้ายประตูซ้าย เดี๋ยวกลับไปย้ายประตูขวาอีก เห็นแล้วสมเพชจริงๆ
นายชวนสั่งตนเฝ้าทุกวัน ไปด่าทุกวันจนเป็นศัตรูหลายคนแล้ว เพราะไปว่าทำอย่างนั้นไม่ดี เป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรต้องมีศักดิ์ศรี เขาเอามาให้สมาชิกกิน เขาไม่ได้เลี้ยงทั้งโคตรทั้งตระกูล คิดอย่างนี้ไม่ได้ ให้คนงาน คนขับรถ แม่บ้าน มันไม่ถูก ถ้าคนคิดอย่างนี้หมด สภาฯ ก็ไม่มีอาหารให้คนทำงานกิน เพราะคุณไม่เข้าประชุม คุณก็จะขนอย่างเดียว แต่บางคนก็น่าเกลียดจริงๆ ห้องประชุมไม่เข้า วนเวียนแต่ในห้องอาหารแล้วให้ลูกน้องมาขน แค่อาหารยังเห็นแก่ได้ ตนสอบทุกคน ดูแล้วคนไหนนักขนทั้งหลาย ตนยังสบายใจว่าสมัยนี้คนขนน้อยลง แต่คนรุ่นใหม่มาขนอีกแล้ว
"การทำแบบนี้อยู่ที่สำนึกของแต่ละคน มีความละอายไหม พ่อแม่สั่งสอนมาเป็นอย่างไร ของหลวงไม่ควรเอามาเป็นของตัวเอง อย่าเห็นแก่ได้ ต้องเสียสละ เราเป็นผู้แทนอาสามาต้องเสียสละอยู่แล้ว แต่นี่คุณก็มาหวังจะได้ตรงนี้มันไม่ใช่ มันส่อสันดานให้เห็นเลยว่าเล็กๆ น้อยๆ ยังเอาเลย แล้วอะไรที่มันใหญ่กว่านี้ งบประมาณมากกว่านี้ยังไม่เอาเชียวหรือ" น.ส.รังสิมากล่าว
เมื่อถามว่า กรณีที่เป็นข่าวเอากลับบ้านไปกินคนเดียวไม่ได้เหรอ น.ส.รังสิมากล่าวว่า ถ้าผ่อนผันอย่างนี้ได้ ทุกคนก็เป็นแบบนี้หมด เราต้องมีมาตรการ คุณไม่มีสิทธิ์ที่จะเอาออก ถ้ากินคุณต้องกินที่นี่ ต้องไม่เอาออกจากห้องอาหาร เพราะหนึ่ง พอเอาออกไปแล้ว ขยะเต็มไปหมดเลย สอง แมลงทั้งมด แมลงสาบ เจออาหารบูดเหม็นเน่า ตนเชิญเจ้าหน้าที่ให้มาเก็บขยะหน่อย พอเอาไปก็เต็มไปหมด ถุงขยะน้ำไหล หนูแมลงสาบเต็มไปหมดเพราะเอาไปกินแต่ละห้อง
เพราะฉะนั้นสภาฯ ต้องมีมาตรการ ไม่ใช่ว่าเอาอาหารออกจากห้องอาหาร เพราะมีห้องอาหารแต่คุณไม่ยอมมากิน เอาไปกินข้างนอกเพื่อจะใส่ถุงไปเลี้ยงคนโน้นคนนี้ มันไม่ใช่ ถ้าเอาออกไปข้างนอก ลูกน้อง คนขับรถ ผู้ติดตามก็ได้กินหมด แต่อาหารเลี้ยงเฉพาะสมาชิกเท่านั้น คุณก็ไปกินข้างล่างสิ มันมีร้านอาหาร มาขนอาหารข้างในออกไปข้างนอก ตนไม่ได้เข้าข้างร้านอาหาร เวลาไม่พอคุณก็ไปด่าเขา เพราะเขาจัดอาหารไม่พอ จริงๆ มันพอ แต่คนที่ขนออกตักไป ก็เอาไปเผื่อ บอกว่าเลี้ยงทั้งโคตรไง ก็เลยไม่พอ ตนนั่งเฝ้าอยู่ เห็นทุกอย่างก็เลยพูด ตนเป็นคนตรงไปตรงมาอยู่แล้ว ไม่ได้ใส่ร้ายใคร ตนได้แนวคิดก็เลยเสนอไป แต่สมัยนี้ไม่ได้เข้าไป ก็ไม่มีสิทธิ์อะไรจะไปพูด