ชมรมสื่อมวลชนส่งเสริมการท่องเที่ยว หรือ (ช.ส.ท.) เป็นองค์กรที่ก่อตั้งมา 38 ปี มีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมอุตสาหกรรมท่องเที่ยวของประเทศไทย โดยสมาชิกชมรมฯ ใช้สื่อที่รับผิดชอบประชาสัมพันธ์ รวมทั้งให้ข้อคิดเห็นและเสนอแนะการดำเนินงาน ด้านการท่องเที่ยวต่อหน่วยงานรัฐและเอกชนในโอกาสต่างๆ โดยครั้งนี้ (ช.ส.ท.) จัดกิจกรรมเดินทางไปทัศนศึกษาจังหวัดอุดรธานี "ดินแดนแห่ง 3 ธรรม" ธรรมะ ธรรมชาติ และวัฒนธรรม โดย นางวรางคณา สุเมธวัน ประธานชมรมสื่อมวลชนส่งเสริมการท่องเที่ยว นำสื่อมวลชนกว่า 30 คน ลงพื้นที่แหล่งท่องเที่ยวจังหวัดอุดรธานี ระหว่างวันที่ 24 - 27 สิงหาคม 2566 โดยได้รับการสนับสนุนงบประมาณจากการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) มีกำหนดการดังนี้
วันที่ 24-25 สิงหาคม 2566 :
“ร้านคิงส์โอชา” ร้านอาหารเช้าเก่าแก่และขึ้นชื่อแห่งเมืองอุดรฯ อาหารสไตล์เวียดนาม อยู่ตรงข้ามสำนักงานพาณิชย์จังหวัดอุดรธานี ตำบล หมากแข้ง อำเภอเมืองอุดรธานี อุดรธานี เปิดทุกวันตั้งแต่เวลา 04:00 – 10.00 น.
พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติบ้านเชียง อุดรธานี แหล่งโบราณคดีบ้านเชียงมรดกโลก ทางประวัติศาสตร์ ตั้งอยู่ตำบลบ้านเชียง เป็นแหล่งประวัติศาสตร์สำคัญทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศไทย และภูมิภาคเอเชียอาคเนย์ บ้านเชียงเป็นแหล่งโบราณคดีสมัยก่อนประวัติศาสตร์ที่มีอายุราว 5,600-1,800 ปี โดยองค์การยูเนสโก (UNESCO) ได้จดทะเบียนให้แหล่งโบราณคดีบ้านเชียงเป็นมรดกโลก ทางประวัติศาสตร์ เมื่อเดือนธันวาคม พ.ศ. 2535 ณ เมืองคาร์เทจ ประเทศตูนีเซีย
วัดสันติวนาราม อุโบสถดอกบัวกลางน้ำ พระอุโบสถทรงดอกบัวสีขาวหนึ่งเดียวในประเทศไทย ตั้งโดดเด่นกลางน้ำ ตั้งอยู่ในตำบลบ้านเชียง จังหวัดอุดรธานี โดยพระอุโบสถทรงดอกบัวสีขาว มีขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 19 เมตร สูง 19 เมตร ประกอบด้วยดอกบัว 24 กลีบ และมีพญานาค 2 ตัว อยู่ด้านหน้าสะพานทางเดินเชื่อมไปยังพระอุโบสถ ภายในมีภาพวาดฝาผนังที่บอกเล่าเรื่องราวพุทธประวัติ มีองค์พระประธานสีขาวอยู่ภายในอุโบสถ
ครัวฟ้าหนาว มื้อเที่ยงอร่อยกับอาหารอีสานและอาหารตามสั่งที่แนะนำ พิกัดอยู่ฝั่งตรงข้ามพิพิธภัณฑ์บ้านเชียง 76 หมู่ 13 ถนนสุทธิพงษ์ ตำบลบ้านเชียง อำเภอหนองหาน จังหวัดอุดรธานี
วัดโพธิสมภรณ์ ตั้งอยู่ถนนเพาะนิยม ตำบลหมากแข้ง ทางทิศตะวันตกของหนองประจักษ์ เป็นวัดที่สร้างในสมัยกรุงรัตนโกสินทร์ ช่วงปลายรัชกาลที่ 5 โดยมหาอำมาตย์ตรีพระยาศรีสุริยราชวรานุวัตร (โพธิ์ เนติโพธิ์) สมุหเทศาภิบาลมณฑลอุดร ได้ชักชวนราษฎรบ้านหมากแข้งมาช่วยกันสร้างวัด ชาวบ้านนิยมเรียกว่า “วัดใหม่” ต่อมาพระเจ้าวรวงศ์เธอ กรมหลวงชินวรสิริวัฒน์ สมเด็จพระสังฆราช พระองค์ที่ 11 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ ได้ทรงประทานนามว่า “วัดโพธิสมภรณ์” ให้เป็นอนุสรณ์แก่พระยาศรีสุริยราชวรานุวัตรผู้สร้างวัดนี้ ภายในวัดมีปูชนียวัตถุที่สำคัญ ได้แก่ พระพุทธรัศมี พระประธานในพระอุโบสถของวัด เป็นพระพุทธรูปสัมฤทธิ์ ปางมารวิชัย อายุประมาณ 600 ปี
พิพิธภัณฑ์เมืองอุดรธานี สถาปัตยกรรมของตัวอาคารพิพิธภัณฑ์ที่มีความสวยงามในรูปแบบอาคารเก่าสีเหลืองมัสตาร์ด และอาคารโลหะฝั่งตรงข้ามก็มีความสวยงามสไตล์โมเดิร์น ที่นี่เป็นแหล่งศึกษาเรียนรู้และเผยแพร่เกียรติประวัติของจังหวัดอุดรธานีความสำคัญของพิพิธภัณฑ์ด้านการเป็นแหล่งเรียนรู้ คือการนำเสนอเนื้อหาและองค์ความรู้เพื่อให้เป็นศูนย์กลางในการรวบรวมข้อมูลเผยแพร่มรดกทางวัฒนธรรม ให้เป็นแหล่งเรียนรู้ศึกษาด้านประวัติศาสตร์ โบราณคดี ศิลปวัฒนธรรม และขนบธรรมเรียนประเพณี และวิถีชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนชาวจังหวัดอุดรธานีตั้งแต่สมัยอดีตจนถึงปัจจุบัน
ศาลหลักเมืองอุดรธานี ศูนย์รวมความเคารพและความศรัทธาของชาวเมืองอุดร มีสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่สำคัญอื่นๆอันเป็นที่เลื่อมใสบูชาเป็นอย่างสูง ได้แก่ หลวงพ่อพระพุทธโพธิ์ทอง และท้าวเวสสุวัณ ซึ่งมีความเชื่อในความศักดิ์สิทธิ์และความเป็นสิริมงคลในแต่ละด้านที่แตกต่างกันไปตามประวัติ กล่าวว่าศาลหลักเมืองอุดรธานีนั้นสร้างขึ้นเป็นครั้งแรกเมื่อปี พ.ศ. 2502 โดยได้อัญเชิญดวงพระวิญญาณของ พลตรีพระเจ้าบรมวงศ์เธอกรมหลวงประจักษ์ศิลปาคม ผู้ทรงก่อตั้งเมืองอุดรธานีขึ้นเมื่อ พ.ศ. 2436 มาสถิตย์ ณ เสาหลักเมืองนี้ด้วย
ร้านอาหารชบาบาร์น ครัวอีสานวินเทจ อุดรธานี ร้านอาหารอีสานสไตล์ย้อนยุค เสิร์ฟเมนูอีสานรสแซ่บที่คุ้นเคย บรรยากาศดีตกแต่งร้านสไตล์วินเทจท่ามกลางสวนอันร่มรื่น ร้านตั้งอยู่ในซอยเสนีย์พิทักษ์ชน 4 ตำบลหนองขอนกว้าง อำเภอเมือง จังหวัดอุดรธานี เป็นอีกร้านที่แนะนำความอร่อย หลังจากนั้นเดินทางเข้าที่พักที่ โรงแรมสยมาแกรนด์ อุดรธานี (หนองขอนกว้าง) มีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน
วันที่ 26 สิงหาคม 2566 :
หมู่บ้านคีรีวงกต อ.นายูงจ.อุดรธานี นั่งรถอีแต๊กฝ่าลำธารเนินเขา ชมความงดงามของธรรมชาติ และรับประทานอาหารเที่ยงที่กลางป่า มีเพิงพักให้นั่งรับประทานอาหารใกล้ๆ มีลำธารและน้ำตกให้ผ่อนคลาย ส่วนอาหารเป็นแบบบุฟเฟ่ ส้มตำ ไก่ยาง กับปลาเผา และ แกงส้มหยวกกล้วยในกระบอกไม้ไผ่ ไก่ย่างเสิร์ฟกันมาแบบไม่อั้นทีเดียว หมู่บ้านคีรีวงกต อ.นายูง จ.อุดรธานี เป็นหมู่บ้านเล็กๆ ที่เงียบสงบท่ามกลางหุบเขาและสายหมอก ในยามเช้าอากาศสดชื่นเย็นสบาย เป็นหมู่บ้านท่องเที่ยวและโฮมสเตย์ที่น่ามาเที่ยวมาพักเป็นอย่างมาก
วัดป่าภูก้อน ตั้งอยู่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติป่านายูงและป่าน้ำโสม ท้องที่บ้านนาคำ ตำบลบ้านก้อง อำเภอนายูง จังหวัดอุดรธานี อันเป็นรอยต่อแผ่นดิน 3 จังหวัด คืออุดรธานี เลย และ หนองคาย กำเนิดขึ้นจากการดำริชอบของพุทธบริษัทสี่ผู้ตระหนักถึงคุณประโยชน์อันยิ่งใหญ่ของธรรมชาติและป่าต้นน้ำลำธารซึ่งกำลังถูกทำลาย โดยในปี พ.ศ. 2527 พระเดชพระคุณหลวงปู่ฝั้น อาจาโร ได้เมตตาปรากฏในทิพยนิมิตสั่งให้ไปธุดงค์ทางภาคอีสานเป็นเวลา 10 วัน คุณปิยวรรณและคุณโอฬารวีรวรรณพร้อมคณะได้เดินทางมาธุดงค์แถบจังหวัดสกลนครและอุดรธานี
อุทยานประวัติศาสตร์ภูพระบาท ตั้งอยู่บริเวณเชิงเขาภูพานครอบคลุมพื้นที่ 3,430 ไร่ ในเขตป่าสงวนแห่งชาติที่มีชื่อว่า “ป่าเขือน้ำ” บ้านติ้ว ตำบลเมืองพาน อำเภอบ้านผือ จังหวัดอุดรธานี อยู่ห่างจากตัวจังหวัดระยะทางประมาณ 67 กม. อุทยานประวัติศาสตร์ภูพระบาท เปิดบริการเวลา 08.00-16.30 น. อุทยานประวัติศาสตร์ภูพระบาทแห่งนี้ปรากฏร่องรอยของกิจกรรมของมนุษย์มาตั้งแต่สมัยก่อนประวัติศาสตร์เมื่อราว 2,000 – 3,000 ปี มาแล้ว มีการพบภาพเขียนสีมากกว่า 30 แห่ง ยังพบการดัดแปลงโขดหินและเพิงผาธรรมชาติ ให้กลายเป็นศาสนสถานของผู้คนในวัฒนธรรมทวารวดี ลพบุรี สืบต่อกันมาจนถึงวัฒนธรรมล้านช้างตามลำดับ
ก่อนเดินทางกลับที่พักรับประทานอาหารเย็น ณ ร้านวีทีแหนมเนือง ร้านอาหารเวียดนามที่มีชื่อเสียงของจังหวัดอุดรธานี หากมาถึงอุดรธานีที่ต้องมาลิ้มลองรสชาติอาหารที่นี่สักครั้ง
วันที่ 27 สิงหาคม 2566
พิพิธภัณฑ์ธรรมเจดีย์หลวงตามหาบัวญาณสัมปันโน วัดป่าบ้านตาดหรือ “พิพิธภัณฑ์ธรรมเจดีย์พระธรรมวิสุทธิมงคล” อนุสรณ์สถานสร้างขึ้นเพื่อรำลึกถึงหลวงตามหาบัวจังหวัดอุดรธานี สร้างขึ้นเพื่อเป็นอนุสรณ์สถานที่บรรจุอัฐิธาตุของ หลวงตาพระมหาบัว ญาณสัมปันโน ให้เป็นสถานที่เผยแพร่ธรรมะคำสอนของหลวงตา เพื่อให้คนรุ่นหลังรำลึกถึงคุณูปการของท่านทั้งในทางโลกและทางธรรม และถือเป็นแบบอย่างในการปฏิบัติและทำความดีเพื่อพุทธศาสนาและประเทศชาติ โดยอาคารพิพิธภัณฑ์จะเปิดให้บริการตั้งแต่ 8.30-16.30 น. วันละ 6 รอบ รอบละไม่เกิน 30 คน หยุดทุกวันจันทร์
อุทยานแห่งชาติภูฝอยลม ตั้งอยู่บนเทือกเขาภูพานน้อย อำเภอหนองแสง จังหวัดอุดรธานี สูงจากระดับน้ำทะเลประมาณ 600 เมตร อากาศเย็นสบายตลอดปี ชื่อของภูฝอยลมมาจากไลเคนชนิดหนึ่งคือ "ฝอยลม" ซึ่งเคยพบเกาะอาศัยอยู่ตามกิ่งของต้นไม้ใหญ่ในบริเวณนี้ แต่ปัจจุบันพบได้น้อยลงเนื่องจากป่าถูกบุกรุกจนมีสภาพเสื่อมโทรม ปัจจุบันมีการจัดตั้งเป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงนิเวศเพื่ออนุรักษ์ธรรมชาติและให้เป็นที่ทัศนศึกษาของประชาชน ประกอบด้วยสวนรวมพรรณไม้ 60 พรรษา มหาราชินีอุทยานโลกล้านปี มีหุ่นจำลองไดโนเสาร์และพิพิธภัณฑ์แสดงซากสัตว์ดึกดำบรรพ์ และมีเส้นทางเดินป่าศึกษาธรรมชาติ ซึ่งจะได้พบป่าเบญจพรรณ ป่าดิบแล้ง ป่าเต็งรังสลับป่าทุ่งหญ้า น้ำตกเล็กๆ และถ้ำ
คณะรับประทานอาหารกลางวันณร้านเคียงดอยฝอยลมต้านอยู่ติดถนนใกล้ทางขึ้น “ภูฝอยลม” อาหารอร่อยหลากหลายเมนู
จากนั้นเดินทางสู่จังหวัดนครราชสีมารับประทานอาหารเย็น ณ ร้านอาหารบ้านแป้งหอม ซึ่งเป็นร้านอาหารที่ได้รับร้านมิชลินไกด์โคราชเป็นร้านอาหารไทยมีหลากหลายเมนูรสชาติอร่อยเข้มข้นจัดเต็มบรรยากาศสบายๆที่ใครๆก็แนะนำ ก่อนเดินทางกลับกรุงเทพมหานครโดยสวัสดิภาพ
ทั้งนี้ นางวรางคณา สุเมธวัน ประธานชมรมสื่อมวลนส่งเสริมการท่องเที่ยว (ช.ส.ท.) กล่าวว่า “วัตถุประสงค์ของการจัดทริปเดินทางของชมรมสื่อมวลชนส่งเสริมการท่องเที่ยวมาที่จังหวัดอุดรธานี เป็นครั้งหนึ่งที่ปีหนึ่งเราจะจัดนำสื่อล้วนๆ ออกเดินทางมาเจาะลึกมาสัมผัสการท่องเที่ยวเส้นทางใหม่ๆ สักครั้งหนึ่ง และปีนี้เราก็เลือกจังหวัดอุดรธานี โดยเฉพาะอย่างยิ่งเลือกที่จะมาดูวิถีชีวิตชุมชน ดูโบราณสถาน ดูการท่องเที่ยวทางประวัติศาสตร์ และทางวัฒนธรรม และทางประเพณี ซึ่งเราก็ทำได้ครบ สื่อของเราทุกคนที่ถือว่าเป็นสถาบันเดียวกันของชมรมสื่อมวลชนส่งเสริมการท่องเที่ยว ที่จะนำเรื่องราวของจังหวัดอุดรธานีที่เราได้ทำงานมาทั้งหมดนี้ นำไปเผยแพร่ประชาสัมพันธ์ให้เป็นประโยชน์แก่อุตสาหกรรมท่องเที่ยวต่อไปค่ะ”
นางวรางคณา กล่าวเสริมว่า “ครั้งนี้เป็นโอกาสดีที่ชมรมสื่อมวลชนส่งเสริมการท่องเที่ยว หรือ ช.ส.ท. ของเราได้พาคณะสื่อมวลชนทั้งหมดประมาณ 32 คน เดินทางมาเจาะลึกทัศนศึกษาจังหวัดอุดรธานี ซึ่งจะมีเรื่องราวทั้งเรื่องราวของประวัติศาสตร์สถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติ เรื่องของวัดวาอาราม เรื่องวิถีชีวิตชุมชน และเรื่องราวของการท่องเที่ยวแบบแอดเวนเจอร์ ซึ่งเดี๋ยวนี้ก็เป็นที่น่ายินดีที่เราสามารถที่จะมีแหล่งท่องเที่ยวแบบแอดเวนเจอร์ ที่เราไปดูมาที่อำเภอนาโยง คือที่ “หมู่บ้านคีรีวงกต” ที่นี่เขาได้มีการท่องเที่ยวแบบใหม่โดยการใช้รถอีแต๊กเป็นพาหนะนำนักท่องเที่ยวแล่นไปในลำธารเล็กๆ เต็มไปด้วยกรวดทรายไหลลงมาจากภูเขา ซึ่งที่นั่นก็จะมี น้ำตกนายูงด้วย จากที่เราคุ้นเคยกับท่องเที่ยวในแบบล่องแก่งหรือลงเรือล่องแพ แต่เราใช้รถอีแต๊กล่องไปในน้ำซึ่งจริงๆ แล้วเย็นสบายและมีทัศนียภาพที่สวยงามและไม่ได้อันตรายอย่างที่หลายๆ ครั้งก็จะเห็นว่าในการเดินทางไปล่องแก่งก็จะมีอันตราย
และจุดสุดท้ายของเราที่เป็นไฮไลท์ของเราที่เราอยากมาดูมาเยี่ยมชมก็คือ “อุทยานประวัติศาสตร์ภูพระบาท” ที่นี่เรามากันหลายครั้งแล้วก็อยากดูว่ายังคงอยู่และได้มีการพัฒนาและดูแลเป็นอย่างดี ซึ่งที่นี่ก็เป็นอีกที่หนึ่งซึ่งเป็นการท่องเที่ยวเชิงนิเวศน์แบบธรรมชาติ ที่ผสมผสานกับธรรมชาติการนำตำนานเก่ามาเล่าขานนำมาผสมกันก็เกิดเป็นเรื่องราวของนางอุสากับท้าวบารส ทำให้เรื่องราวของตำนานที่นี่ได้กลายเป็นที่กล่าวขาน คนที่มาที่ภูพระบาท ที่อำเภอบ้านผือ ก็ควรที่จะต้องมาแวะมาดูมาชมที่นี่ค่ะ” นางวรางคณา กล่าว