กลุ่มที่เรียกตัวเองว่า คปท.ระดมแจกสติกเกอร์ "น.ช.ทักษิณต้องติดคุก" พร้อมเรียกร้องให้กรมราชทัณฑ์ และโรงพยาบาลตำรวจ หยุดเลือกปฏิบัติ คืนนักโทษสู่เรือนจำให้เร็วที่สุด และขอให้นายกฯ เศรษฐาชัดเจนถึงจุดยืนทุกคนเท่าเทียมกัน
วันนี้ (31 ส.ค.) ที่บริเวณหน้าหอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร (BACC) สี่แยกปทุมวัน กรุงเทพฯ กลุ่มที่เรียกตัวเองว่า เครือข่ายนักศึกษาประชาชนปฏิรูปประเทศไทย (คปท.) รณรงค์แจกสติกเกอร์ "น.ช.ทักษิณต้องติดคุก" และจัดแสดงผลงานศิลปะสแตนดี้ตัวการ์ตูนนายทักษิณในชุดนักโทษ อยู่ในห้องกรงจำลอง เพื่อแสดงออกเชิงสัญลักษณ์เรียกร้องให้กรมราชทัณฑ์ปฏิบัติต่อนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่ถูกศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง พิพากษาจำคุกรวม 8 ปี หลังหลบหนีออกนอกประเทศไปเมื่อ 15 ปีก่อน โดยมีผู้สนใจขอรับสติกเกอร์อย่างต่อเนื่อง
โดยกลุ่ม คปท.ออกแถลงการณ์หัวข้อ "หยุด ทุจริตความยุติธรรม คืนนักโทษสู่เรือนจำโดยเร่งด่วน" ระบุว่า "ภายหลังที่นายทักษิณ ชินวัตร เดินทางเข้ามาในประเทศไทยเพื่อรับโทษตามที่กฎหมายไทยได้กำหนดไว้ ด้วยความผิดที่เป็นการ ทุจริต คอร์รัปชัน เอื้อประโยชน์แก่คนใกล้ชิด อันเป็นการคอร์รัปชันทางนโยบายที่มีผลเสียหายแก่ประเทศไทย
การเดินทางมาเปลี่ยนสถานะจากผู้ต้องหา เป็นนักโทษ ที่ต้องถูกกุมขังในราชทัณฑ์หลังจากหลบหนีคดีไปกว่า 15 ปีนั้นย่อมแสดงให้เห็นว่า น.ช.ทักษิณ ชินวัตร ได้รับทราบและยอมรับกระบวนการยุติธรรมและกระบวนการลงโทษตามกฎหมายไทยเป็นอย่างดี
แต่เป็นที่ปรากฏทางสังคมว่า ภายหลังที่เข้าเรือนจำยังไม่ทันข้ามวัน หรือเพียง 13 ชั่วโมง กระบวนการสังคมร่วมกันตั้งคำถามว่า มีการเอื้อประโยชน์หรือสมคบคิดเพื่ออำนวยการมอบสิทธิพิเศษแก่ น.ช.ทักษิณ เพียงคนเดียวหรือไม่
คปท. รวมถึงประชาชนกลุ่มต่างๆ ได้ติดตามเรื่องนี้อย่างใกล้ชิด เนื่องจากเห็นว่า กระบวนการยุติธรรม เป็นพื้นฐานที่จะทำให้ประชาชนมีความเท่าเทียมกันตามศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ การทำลายกระบวนการยุติธรรมเพียงเพื่อรับใช้บุคคลเพียงคนเดียวเปรียบเสมือนการทำลายความเท่าเทียมกันของการเป็นมนุษย์ ซึ่งระบบความยุติธรรมควรดำรงไว้เพื่อผดุงมาตรฐาน กฎ กติกา ของบ้านเมือง
เราตระหนักถึงการเข้าถึงซึ่งการรักษาพยาบาลของผู้ป่วยทุกคน ไม่ว่าจะอยู่ในสถานะไหน เพียงแต่ที่สังคมร่วมกันตั้งคำถามคือว่า อาการป่วยของ น.ช.ทักษิณ ชินวัตร ได้ป่วยจริงหรือไม่ และป่วยถึงขนาดต้องได้รับการดูแลด้วยแพทย์เฉพาะทางหรือเครื่องมือเฉพาะด้านตามที่ ราชทัณฑ์ออกมาชี้แจงหรือไม่
เพราะจากการที่ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร บุตรสาว น.ช.ทักษิณ ชี้แจงสังคมนั้นเป็นเพียงอาการเพลีย เหนื่อย เครียด ซึ่งเป็นอาการปกติของผู้ต้องขังทั่วไปในระยะแรก ซึ่งเป็นเพียงการปรับตัวให้เคยชินกับการต้องขังเท่านั้น ไม่ใช่การป่วยหนักตามที่ พยายามออกมาชี้นำสังคมก่อนหน้านี้
ด้วยเหตุนี้ เครือข่ายนักศึกษาประชาชนปฏิรูปประเทศไทย (คปท.) จึงขอออกแถลงการณ์ให้สังคมร่วมกันเรียกร้อง ดังนี้
1. ขอเรียกร้องไปยัง กรมราชทัณฑ์ และโรงพยาบาลตำรวจ ได้คำนึงถึงหลักความยุติธรรมที่จำเป็นต้องปฏิบัติให้เกิดความเท่าเทียมกันทุกคน ผู้ต้องขังที่เจ็บป่วย ก็มีกระบวนการที่โรงพยาบาลราชทัณฑ์มีการรักษาที่รองรับไว้อยู่แล้ว การเลือกปฏิบัติที่เอื้ออำนวยแก่ น.ช.ทักษิณ ชินวัตร เป็นการเฉพาะทั้งที่สังคมมีคำถามว่าป่วยจริงหรือไม่นั้น เท่ากับเป็นการร่วมกัน “ทุจริตความยุติธรรม” ซึ่งจะมีผลต่อการดำรงไว้ซึ่งความศักดิ์สิทธิ์ที่ควรเคารพแก่ประชาชนไทยทุกคน อธิบดีกรมราชทัณฑ์และแพทย์ใหญ่โรงพยาบาลตำรวจจำต้องแสดงความรับผิดชอบต่อกรณีดังกล่าวและรีบปฏิบัติให้ถูกต้องตามระเบียบราชทัณฑ์ ด้วยการคืนนักโทษสู่เรือนจำให้เร็วที่สุด
2. ขอเรียกร้องไปยัง นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีคนที่ 30 จากพรรคเพื่อไทยที่มีความใกล้ชิดและถูกตั้งข้อสังเกตว่าจะเอื้ออำนวยเป็นกรณีพิเศษแก่ น.ช.ทักษิณ ชินวัตร หรือไม่นั้น ได้รีบดำเนินการให้มีความชัดเจน และประกาศจุดยืนของรัฐบาล ในกรณี น.ช.ทักษิณ ชินวัตร อย่างเร่งด่วน เพื่อผดุงความเป็นรัฐที่จำต้องดำรงไว้ซึ่งความยุติธรรม เท่าเทียมกันในกฎหมายของประเทศ และความเสมอภาคในการบังคับใช้กฎหมายกับประชาชนไทยทุกคน
เพื่อเป็นไปตามที่นายเศรษฐาประกาศว่า รัฐบาลจะเป็นรัฐบาลเพื่อสลายความขัดแย้งและเดินหน้าสู่ความปรองดองสมานฉันท์ของคนทั้งประเทศ คปท.เห็นว่า จะเกิดความประดองสมานฉันท์ได้นั้นจะต้องได้รับความเท่าเทียมกันในทางกฎหมาย คนผิดตามคำพิพากษาของศาลจำเป็นต้องได้รับโทษที่เรือนจำเสียก่อน
หากนายกรัฐมนตรีคนที่ 30 ยังนิ่งเฉยก็เท่ากับการหลับตาข้างหนึ่งเพื่อเอื้อประโยชน์แก่นักโทษเพียงคนเดียวซึ่งก็จะนำมาสู่ความขัดแย้งระลอกใหม่ในอนาคต เมื่อเป็นเช่นนั้นเราก็พร้อมจะร่วมกันเดินไปทำเนียบรัฐบาลเพื่อส่งเสียงดังๆ ถึงคณะรัฐมนตรีชุดใหม่
3. เชิญชวนให้ประชาชนคนไทยทุกคน ร่วมกันแสดงออกถึงการรณรงค์ให้ความยุติธรรมไทยจำเป็นต้องได้รับการรักษาไว้ให้เท่าเทียม เพื่อส่งเสียงคนไทยให้ดังกระหึ่มทั่วประเทศในการร่วมกันส่งนักโทษสู่เรือนจำ
เราจะใส่รองเท้าผ้าใบ เดินร่วมกันด้วยใจที่ถึงๆ เพื่อความยุติธรรม"