สมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทยแถลงขอให้ทุกฝ่ายเข้าใจ-เคารพการทำหน้าที่ของสื่อมวลชน ไม่ใช้ความรุนแรง ก้าวร้าว และเคารพศักดิ์ศรีซึ่งกันและกัน ย้ำสื่อไม่ใช่คู่ขัดแย้งของฝ่ายใด รายงานข่าวตามหน้าที่ หลัง "ชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์" คุกคามผู้สื่อข่าว MGR ระหว่างแถลงข่าว
วันนี้ (16 พ.ค.) นายชำนาญ ไชยศร อุปนายกฝ่ายสิทธิเสรีภาพและการปฏิรูปสื่อ สมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย กล่าวว่า จากการที่อนุกรรมการฝ่ายสิทธิเสรีภาพฯ ได้เฝ้าติดตามสถานการณ์ในการปฏิบัติหน้าที่ของสื่อมวลชน ด้วยหลักการคำนึงถึงผลประโยชน์สาธารณะเป็นสำคัญ แต่กลับพบว่าในช่วงที่ผ่านมามีสื่อมวลชนหลายสำนักถูกคุกคาม ถูกจำกัดสิทธิเสรีภาพการทำหน้าที่ในรูปแบบต่างๆ รวมถึงการถูกกระทำต่อร่างกาย หรือการใช้วาจาที่ไม่เหมาะสมที่อาจจะมองได้ถึงการไม่เคารพ และไม่ให้เกียรติในการทำหน้าที่สื่อมวลชนมาอย่างต่อเนื่อง ดังนั้นอนุกรรมการฝ่ายสิทธิเสรีภาพฯ ต่างมีความห่วงใยต่อสถานการณ์ และขอเรียกร้องต่อทุกฝ่าย รวมถึงแหล่งข่าว และประชาชน ดังนี้
1. ขอให้ทุกฝ่ายเข้าใจและเคารพการทำหน้าที่ของสื่อมวลชนให้สามารถนำเสนอข่าวได้อย่างอิสระ เพื่อนำเสนอข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นอย่างครบถ้วน รอบด้าน และเป็นไปตามหลักจริยธรรมแห่งวิชาชีพสื่อมวลชน
ทั้งนี้ สื่อมวลชนมีหน้าที่รายงานข่าวและข้อเท็จจริง ไม่ได้เป็นคู่ขัดแย้งกับใคร จึงไม่ควรตกเป็นเป้าหมายของการข่มขู่ คุกคาม และแทรกแซงไม่ว่าจากฝ่ายใด ซึ่งอาจส่งผลให้ไม่สามารถทำหน้าที่ได้อย่างอิสระจะส่งผลกระทบต่อสิทธิการรับรู้ข่าวสารข้อมูล และข้อเท็จจริงอย่างครบถ้วนของประชาชน
2. ขอเรียกร้องให้ทุกฝ่ายระมัดระวังในการแสดงพฤติกรรม การใช้วาจา การให้เกียรติ และเคารพศักดิ์ศรีในการทำหน้าที่ซึ่งกันและกัน เพราะสื่อมวลชนตั้งคำถามแทนประชาชนตามหลักวิชาชีพ ตามสิทธิเสรีภาพ ซึ่งผู้ถูกตั้งคำถามมีสิทธิ์ปฏิเสธที่จะตอบคำถามนั้นๆ ได้
3. ขอให้สื่อมวลชนทุกแขนงทำหน้าที่การรายงานข่าวสารข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นจากทุกฝ่ายอย่างตรงไปตรงมา ไม่บิดเบือนข้อเท็จจริง ไม่ส่งผ่านถ้อยคำความรุนแรงที่อาจจะสร้างความเกลียดชังระหว่างคนในสังคมและให้ความเป็นธรรมแก่ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้ประชาชนสามารถรับรู้ข้อมูลที่ถูกต้องรอบด้านมากที่สุด และต้องทำหน้าที่อย่างสุจริต ตรงไปตรงมา และให้เกียรติแหล่งข่าวด้วยเช่นกัน
4. หากผู้ใดที่ได้รับผลกระทบจากการทำหน้าที่ของสื่อมวลชน กรณีเห็นว่าสื่อมวลชนใช้สิทธิเสรีภาพเกินขอบเขต สามารถฟ้องร้องดำเนินคดีได้ตามกฎหมาย หรือใช้กลไกควบคุมจริยธรรมขององค์กรวิชาชีพสื่อมวลชนผ่านสภาการสื่อมวลชนแห่งชาติหรือองค์กรวิชาชีพอื่นที่เกี่ยวข้อง แต่ต้องไม่ใช้ความรุนแรงคุกคามการทำหน้าที่ของสื่อมวลชน
สุดท้ายนี้ ในสถานการณ์ที่มีความแตกต่างทางความคิด ความเชื่อเช่นนี้ ซึ่งสื่อต้องมีความระมัดระวังเป็นพิเศษในการรายงานข่าวโดยปราศจากอคติ ที่อาจมีประเด็นความเห็นที่แตกต่าง มีความขัดแย้งในทางความคิดของคนในสังคม แต่ในการทำหน้าที่ของสื่อมวลชนนั้นมิใช่คู่ขัดแย้งของฝ่ายใด สื่อมวลชนมีหน้าที่เพียงรายงานข่าวตามจริยธรรมวิชาชีพเท่านั้น และขอเรียกร้องให้ทุกฝ่ายได้เคารพบทบาทหน้าที่ซึ่งกันและกัน และแสวงหาหนทางที่จะคลี่คลายวิกฤติด้วยสันติวิธี
สมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์ฯ มีความห่วงใยในสวัสดิภาพของเพื่อนนักข่าว ที่กำลังรายงานข่าวอยู่ในขณะนี้ เนื่องจากสถานการณ์มีความอ่อนไหว มีแนวโน้มในการใช้ความรุนแรง ดังนั้นนักข่าวพึงต้องระมัดระวังในสวัสดิภาพของตัวเองไปพร้อมกับการทำหน้าที่ตามจริยธรรมวิชาชีพอย่างเคร่งครัดต่อไป
รายงานข่าวเพิ่มเติมระบุว่า แถลงการณ์ดังกล่าว สืบเนื่องมาจากนายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ อดีตนักการเมือง และอดีตเจ้าของธุรกิจอาบอบนวดแถลงข่าวกรณี บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) ซื้อที่ดินย่านทองหล่อ ที่โรงแรมเดอะเดวิส ระหว่างนั้นได้เหน็บแนมนายสนธิ ลิ้มทองกุล ผู้ก่อตั้งหนังสือพิมพ์เครือผู้จัดการ (MGR) แล้วพูดท้าทายด้วยเสียงดังว่า ถ้าแน่จริงให้มาเอง อย่าส่งลูกกระจ๊อกมา ทำให้ผู้สื่อข่าว MGR ที่มาทำข่าวไม่พอใจ พูดกับนายชูวิทย์ว่าไม่มีสิทธิ์ที่จะมาเรียกตนเองเช่นนั้น เพราะตนมาทำหน้าที่ในฐานะนักข่าว ถ้านายชูวิทย์มีปัญหากับนายสนธิก็ว่าไป อย่ามายุ่งกับตน ทำให้เกิดการโต้เถียงกันไปมา ก่อนที่นายชูวิทย์จะไล่ผู้สื่อข่าวออกจากห้องแถลงข่าว อีกทั้งยังตามไปแสดงท่าทีคุกคามระหว่างออกจากห้องแถลงข่าวอีกด้วย
อ่านประกอบ : (ชมคลิป) ดูชัดๆ “ชูวิทย์” คุกคามนักข่าว MGR กลางงานแถลงปมแสนสิริ ก่อนไล่ออกจากห้อง