xs
xsm
sm
md
lg

ค้นพบ "มินิโมเคอร์เซอร์ ภูน้อยเอนซิส" ไดโนเสาร์สายพันธุ์ใหม่ของโลก ตัวที่ 13 ของไทย อายุ 150 ล้านปี

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



ผลการศึกษาวิจัยซากดึกดำบรรพ์ไดโนเสาร์ชนิดใหม่ของโลก "มินิโมเคอร์เซอร์ ภูน้อยเอนซิส" ตัวที่ 13 ของไทย อายุ 150 ล้านปี ที่กาฬสินธุ์

วันนี้ (26 ก.ค.) กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) โดยกรมทรัพยากรธรณี (ทธ.) ร่วมกับ ศูนย์วิจัยและการศึกษาบรรพชีวินวิทยา มหาวิทยาลัยมหาสารคาม (มมส) แถลงข่าวผลการศึกษาวิจัยซากดึกดำบรรพ์ไดโนเสาร์ชนิดใหม่ของโลก "มินิโมเคอร์เซอร์ ภูน้อยเอนซิส" (Minimocursor phunoiensis) โดยมีนายเถลิงศักดิ์ เพ็ชรสุวรรณ โฆษก ทส.เป็นประธานแถลงข่าว นางอรนุช หล่อเพ็ญศรี อธิบดี ทธ. รองศาสตราจารย์ มงคล อุดชาชน ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยและการศึกษาบรรพชีวินวิทยา มหาวิทยาลัยมหาสารคาม

นายเถลิงศักดิ์กล่าวว่า ผลการศึกษาวิจัยซากดึกดำบรรพ์ไดโนเสาร์ตัวที่ 13 ของไทย และเป็นสายพันธุ์ใหม่ของโลก มีชื่อว่า "มินิโมเคอร์เซอร์ ภูน้อยเอนซิส" ถูกค้นพบที่แหล่งซากดึกดำบรรพ์ภูน้อย จ.กาฬสินธุ์ เป็นไดโนเสาร์กินพืชขนาดเล็ก จัดอยู่ในกลุ่มกระดูกเชิงกรานแบบนกหรือออร์นิธิสเชีย (Ornithischia) พบในหมวดหินภูกระดึง ยุคจูราสสิกตอนปลาย มีอายุประมาณ 150 ล้านปี

นางอรนุชกล่าวถึงการดำเนินงานของ ทธ.ภายใต้การดำเนินงานวิจัยร่วมกับหน่วยงานทั้งในและต่างประเทศ ด้านการสำรวจวิจัยซากดึกดำบรรพ์ โดยเฉพาะ การดำเนินงานร่วมกับศูนย์วิจัยและการศึกษาบรรพชีวินวิทยา มหาวิทยาลัยมหาสารคาม ในด้านการสำรวจขุดค้น ศึกษา วิจัยซากดึกดำบรรพ์ในพื้นที่แหล่งขุดค้นภูน้อย จังหวัดกาฬสินธุ์มาอย่างต่อเนื่องตลอดหลายสิบปี"

"ความน่าสนใจของแหล่งซากดึกดำบรรพ์ภูน้อย ตำบลดินจี่ อำเภอคำม่วง จังหวัดกาฬสินธุ์ บนพื้นที่ขนาด 1,200 ตารางเมตร นักวิจัยได้ค้นพบความสมบูรณ์ของตัวอย่างซากดึกดำบรรพ์ "มินิโมเคอร์เซอร์ ภูน้อยเอนซิส" เป็นโครงกระดูกที่สมบูรณ์ที่สุดตัวหนึ่งของไทยและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ นอกจากนี้ยังมีการพบร่วมกับซากดึกดำบรรพ์สัตว์มีกระดูกสันหลังอีกหลากหลายชนิดกว่า 5,000 ชิ้น ทั้งปลาฉลามน้ำจืด ปลาปอด เต่า จระเข้ สัตว์สะเทินน้ำสะเทินบก สัตว์เลื้อยคลานบินได้ หอยน้ำจืด และไม้กลายเป็นหิน รวมทั้งไดโนเสาร์ทั้งสายพันธุ์กินพืช-กินเนื้อ ซึ่งเป็นสัตว์สายพันธุ์ใหม่ของโลกมากถึง 8 สายพันธุ์ ทำให้ภูน้อยได้รับการขนานนามว่า "จูราสสิกปาร์ก เมืองไทย" ที่มีการพบซากดึกดำบรรพ์สัตว์มีกระดูกสันหลังที่มีความหลากหลายทางชีวภาพมากที่สุดและใหญ่ที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้" อธิบดี ทธ.กล่าว

ด้าน รศ.มงคลกล่าวว่า แหล่งซากดึกดำบรรพ์ภูน้อยแห่งนี้เป็นพื้นที่ศึกษาวิจัยซากดึกดำบรรพ์สัตว์มีกระดูกสันหลังที่มีศักยภาพสูง ก่อนหน้านี้มีการค้นพบชนิดพันธุ์ใหม่ของโลกมากถึง 7 ชนิดที่ตีพิมพ์ในบทความทางวิชาการในวารสารระดับนานาชาติร่วมกับ ทธ. และผู้เชี่ยวชาญจากต่างประเทศ และไดโนเสาร์ตัวนี้เป็นชนิดที่ 8 จากแหล่งภูน้อย อีกทั้งเป็นไดโนเสาร์สายพันธุ์ใหม่ตัวแรกในพื้นที่อุทยานธรณีกาฬสินธุ์

การค้นพบไดโนเสาร์สายพันธุ์ใหม่ตัวที่ 13 ของประเทศไทยนี้มีชื่อทางวิทยาศาสตร์ว่า "มินิโมเคอร์เซอร์ภูน้อยเอนซิส" ซึ่งหมายถึง "นักวิ่งขนาดเล็กจากแหล่งภูน้อย" บ่งชี้ถึงซากดึกดำบรรพ์ต้นแบบ (โฮโลไทป์) ซึ่งใช้เวลาอนุรักษ์ตัวอย่างนานมากกว่า 5 ปี และมีความพิเศษอย่างมาก

"ซากดึกดำบรรพ์นี้ถูกรักษาสภาพในลักษณะโครงกระดูกที่เรียงต่อกัน ประกอบด้วย ชิ้นส่วนกะโหลก กระดูกสันหลังส่วนคอไปจนถึงโคนหาง มือซ้าย กระดูกเชิงกราน ขาหลังทั้งสองข้าง แม้กระทั่งเอ็นกระดูกบริเวณสันหลัง นับเป็นหนึ่งในซากดึกดำบรรพ์ไดโนเสาร์ที่มีสภาพสมบูรณ์ที่สุดในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และเป็นไดโนเสาร์ที่ถูกตั้งชื่ออย่างเป็นทางการตัวแรกของหมวดหินภูกระดึง โดยลักษณะเฉพาะตัวของไดโนเสาร์สายพันธุ์นี้ คือ มีสะโพกคล้ายนก (ออร์นิธิสเชีย) ขนาดเล็ก จากผลการวิเคราะห์วงศ์วานทางวิวัฒนาการเผยให้เห็นว่ามันเป็นไดโนเสาร์นีออร์นิธิสเชียแรกเริ่มที่เก่าแก่ที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ มีความใกล้ชิดกับญาติขนาดเล็กอื่นๆ ที่มีชีวิตอยู่ในช่วงตอนกลางถึงตอนปลายของยุคจูราสสิกในประเทศจีนและรัสเซีย" รศ.มงคล อุดชาชน กล่าว

ปัจจุบัน ทธ.ได้ประกาศให้พื้นที่แหล่งซากดึกดำบรรพ์ภูน้อยเป็นแหล่งซากดึกดำบรรพ์ขึ้นทะเบียนของประเทศ ตั้งแต่วันที่ 14 มกราคม 2563 ทั้งนี้ คาดว่ายังคงมีซากดึกดำบรรพ์อยู่ใต้ชั้นหินอีกจำนวนมาก ซึ่งการพัฒนาพื้นที่ในรูปแบบการบูรณาการร่วมกับแหล่งมรดกทางธรรมชาติและทางวัฒนธรรมอื่นอันเป็นเอกลักษณ์ของจังหวัดกาฬสินธุ์จะช่วยส่งเสริมให้อุทยานธรณีกาฬสินธุ์เป็นอุทยานธรณีในระดับประเทศต่อไปได้

แถลงข่าวกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมแถลงข่าวกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
วันพุธ ที่ 26 กรกฎาคม 2566 เวลา 10.00 น.Posted by กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม-ประเทศไทย on Tuesday, July 25, 2023









กำลังโหลดความคิดเห็น