"ทนง" เชื่อสหรัฐฯ อยู่เบื้องหลังเหตุจลาจลฝรั่งเศส หวังล้ม "มาครง" หลังดำเนินนโยบายเอาใจออกห่าง ชี้เหตุการณ์คล้ายการประท้วงเมื่อปี 1968 เพื่อขับไล่ "ชาร์ล เดอ โกล" รัฐบุรุษของฝรั่งเศส
วันที่ 12 ก.ค. 2566 นายทนง ขันทอง ผู้เชี่ยวชาญข่าวต่างประเทศ ร่วมสนทนาในรายการ "คนเคาะข่าว" ออกอากาศทางสถานีโทรทัศน์ผ่านดาวเทียม ช่อง "นิวส์วัน" ในหัวข้อ "มาครงตกเป็นเป้าปฏิวัติสี"
นายทนงกล่าวในช่วงหนึ่งว่า เหตุจลาจลฝรั่งเศสล่าสุด จะเห็นมือที่มองไม่เห็นอยู่เบื้องหลังเพื่อล้มอำนาจประธานาธิบดี เอมมานูเอล มาครง เนื่องจากว่าสังเกตดูดีๆ นโยบายหลายๆ อย่าง มาครงเอาใจออกห่างยุโรป สหรัฐฯ และนาโต้ ครั้งนี้คล้ายการประท้วงเมื่อปี 1968 เพื่อขับไล่ชาร์ล เดอ โกล รัฐบุรุษของฝรั่งเศส ให้ออกจากตำแหน่ง มีมือที่สามในการทำให้จลาจลรุนแรงทั่วฝรั่งเศส โดยมีบทความฟันธงเลยว่าสหรัฐฯ อยู่เบื้องหลัง
ตอนแรกสื่อฝรั่งเศสเข้าข้างตำรวจ เนื่องจากเยาวชนผิวสีอายุไม่ถึงเกณฑ์ขับรถได้ และพยายามหลบหนีเจ้าหน้าที่ ซึ่งกฎหมายสามารถให้ยิงได้ แต่จู่ๆ ก็มีคลิปตัวหนึ่งนำออกมาเผยแพร่โดย Rokhaya Diallo นักข่าวผิวดำชาวฝรั่งเศสที่ได้รับการฝึกอบรมจากกระทรวงการต่างประเทศของสหรัฐฯ ตำรวจกลายเป็นผู้ร้าย Rokhaya Diallo ต่อต้านการเหยียดสีผิว มีอิทธิพลมากที่สุดในสังคมฝรั่งเศสในด้านการรณรงค์เพื่อสิทธิคนกลุ่มน้อย จากนั้นสื่อฝรั่งเศสก็ตามที่ Rokhaya Diallo เขียนนำ แล้วสื่อสหรัฐฯ อังกฤษก็ตามงับ
ตอนนี้ข่าวสารทางอินเทอร์เน็ตโลก อังกฤษร่วมมือกับอเมริกาควบคุมด้านข่าวสาร กรณีนี้จึงใช้สื่อโซเชียลฯ ได้มีประสิทธิภาพมาก ประสบความสำเร็จในการสร้างความแตกแยก
นายทนงกล่าวอีกว่า มาครงเพิ่งได้รับการเลือกตั้งมาสมัยที่สอง มองเห็นหายนะของฝรั่งเศสและยุโรป ว่าถ้าไม่เปลี่ยนแปลงนโยบายด้านความมั่นคง การทหาร การเงิน และเศรษฐกิจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการอยู่ร่วมกับรัสเซีย ซึ่งตอนนี้ยุโรปกำลังเผชิญภัยกับสงครามยูเครน ซึ่งเป็นสงครามที่มีความรุนแรงมากที่สุดตั้งแต่สงครามโลกครั้งที่สอง ซึ่งมาครงเข้าใจดีว่ายูเครนไม่มีทางชนะรัสเซียได้