xs
xsm
sm
md
lg

สตม.จับกุมผู้ต้องหาจีนหนีเข้าไทย ในปฏิบัติการ “กวาดล้างมังกรซ่อนกาย”

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



เปิดปฏิบัติการ “กวาดล้างมังกรซ่อนกาย” จับ 9 ชาวจีนหลอกนักลงทุนซื้อหุ้น อ้างมีความเสี่ยงต่ำแต่ได้ผลตอบแทนสูง สูญมโหฬาร 11,500 ล้านบาท พร้อมล่าจับกุมผู้ต้องหาตามหมายจับจีนที่หลบหนีเข้ามาในประเทศไทยเพื่อส่งกลับประเทศ

​ตามนโยบายของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม และ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี เรื่องการควบคุมกำกับดูแลชาวต่างชาติที่เข้ามาพำนักอาศัยหรือเข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทย ประกอบกับนโยบายของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดย พล.ต.อ.ดํารงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. และ พล.ต.อ.รอย อิงคไพโรจน์ รอง ผบ.ตร. มอบหมายให้ สตม.ดำเนินการตรวจสอบชาวไทยและชาวต่างชาติที่มีพฤติกรรมไม่เหมาะสมในขณะที่พำนักอาศัยอยู่ในประเทศไทย กระทำผิดกฎหมาย ก่อเหตุอันตรายต่อความสงบสุขและความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน ทำให้เกิดความเสียหายต่อภาพลักษณ์ของประเทศ หรือกลุ่มคนร้ายข้ามชาติที่เข้ามาแฝงตัวอยู่ก่อเหตุกับคนไทยหรือชาวต่างชาติ โดยใช้ประเทศไทยเป็นฐานในการกระทำความผิด

ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ท.ภาคภูมิภิภัทฒ์ สัจจพันธุ์ ผบช.สตม., พล.ต.ต.พันธนะ นุชนารถ รอง ผบช.สตม., พล.ต.ต.ธนิต ไทยวัชรามาศ ผบก.สส.สตม., พ.ต.อ.อภิมุข กานตยากร รอง ผบก.สส.สตม., พ.ต.อ.รัฐโชติ โชติคุณ รอง ผบก.สส.สตม., พ.ต.อ.แดนไพร แก้วเวหล รอง ผบก.สส.สตม., พ.ต.อ.สุรศักดิ์ สุรินทร์แก้ว รอง ผบก.ศท.ตม.ปฏิบัติราชการ บก.สส.สตม., พ.ต.อ.ชิตเดชา สองห้อง รอง ผบก.สส.ภ.7 ปฏิบัติราชการ บก.สส.สตม., พ.ต.อ.สรธรรศจ์ เอี่ยมละออ ผกก.1 บก.สส.สตม., พ.ต.อ.พิสิษฐ์ ศรีอ่อน ผกก.2 บก.สส.สตม., พ.ต.อ.รัฐพงษ์ แก้วยอด ผกก.4 บก.สส.สตม., พ.ต.อ.ณภัทรพงศ สุภาพร ผกก.ปอพ.บก.สส.สตม., พ.ต.อ.ชย พานะกิจ ผกก.(สอบสวน) กลุ่มงานสอบสวน บก.สส.สตม. ร่วมแถลงข่าวการจับกุมผู้ต้องหารายสำคัญ ดังนี้

1. บก.สส.สตม. เปิดปฏิบัติการยุทธการกวาดล้างมังกรซ่อนกาย ครั้งที่ 2
​สำนักงานตำรวจแห่งชาติได้สั่งการให้สำนักงานตรวจคนเข้าเมืองพิจารณาดำเนินการกรณีเอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาชนจีนประจำประเทศไทยแจ้งข้อมูลผู้ต้องหาตามหมายจับของสาธารณรัฐประชาชนจีน จำนวน 9 ราย ซึ่งได้หลบหนีเข้ามาอยู่ในประเทศไทย และมีความประสงค์ให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติทำการจับกุมและส่งผู้ต้องหาทั้ง 9 รายกลับไปดำเนินคดีที่สาธารณรัฐประชาชนจีน

สำนักงานตรวจคนเข้าเมืองจึงได้สั่งการให้กองบังคับการสืบสวนสอบสวน สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง นำข้อมูลคนต่างด้าวทั้ง 9 รายไปตรวจสอบในระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ ตม. จากการตรวจสอบพบข้อมูลว่ามีผู้ต้องหาเดินทางเข้ามาและอยู่ในราชอาณาจักรโดยการอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักรยังไม่สิ้นสุด จำนวน 7 ราย การอนุญาตสิ้นสุดแล้ว (OVERSTAY) จำนวน 2 ราย ผู้บังคับการสืบสวนสอบสวน สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง จึงได้อนุมัติให้เพิกถอนการอยู่ในราชอาณาจักรไทยของคนต่างด้าวที่การอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักรยังไม่สิ้นสุด จำนวน 7 ราย และได้เปิดปฏิบัติการ ยุทธการกวาดล้างมังกรซ่อนกาย ครั้งที่ 2/2566 ขึ้น ผลการปฏิบัติได้ทำการจับกุมผู้ต้องหาตามหมายจับของสาธารณรัฐประชาชนจีน จำนวน 9 ราย ดังนี้

​1. ข้อหาฉ้อโกง จำนวน 3 ราย ได้แก่
1.1 นายเกาชิง (นามสมมติ) อายุ 48 จีน สัญชาติจีน ถูกเพิกถอนการอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักร
1.2 นายเจียนกุน (นามสมมติ) อายุ 48 จีน สัญชาติจีน ถูกเพิกถอนการอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักร
1.3 นางยงหง (นามสมมติ) อายุ 41 จีน สัญชาติจีน ถูกเพิกถอนการอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักร
โดยทั้ง 3 คนมีพฤติการณ์กระทำผิดคือ ได้ร่วมกันกับพวกพัฒนาเว็บไซต์เอซีอี เพื่อโปรโมตผลิตภัณฑ์หุ้น "ACE King" โดยอ้างว่าเป็นหุ้นที่ความเสี่ยงต่ำและผลตอบแทนสูง และดึงดูดสมาชิกให้เข้าร่วมลงทุน รวมทั้ง ทำโปรโมชันต่างๆ จนมีสมาชิกกว่า 250,000 บัญชี จนมีผู้หลงเชื่อเข้าร่วมลงทุนซื้อหุ้น "ACE King" ในราคาที่ สูงกว่าราคาตลาดมาก สร้างความเสียหายมูลค่ารวม 2.3 พันล้านหยวน (ประมาณ 11,500 ล้านบาท)
2. ข้อหาฉ้อโกงสัญญา จำนวน 2 คน ได้แก่
2.1 นายเหลียง (นามสมมติ) อายุ 27 ปี สัญชาติจีน ถูกเพิกถอนการอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักร
​ 2.2 นายลิห่าว (นามสมมติ) อายุ 34 ปี สัญชาติจีน ถูกจับกุมในข้อหาอยู่ในราชอาณาจักรโดยการอนุญาตสิ้นสุด (OVERSTAY) นำตัวส่งพนักงานสอบสวน สน.ทองหล่อ ดำเนินคดีตามกฎหมาย

​โดยทั้ง 2 คนมีพฤติการณ์กระทำผิดคือ ในระหว่างเดือนเมษายน-พฤษภาคม 2565 ผู้ต้องหาทั้ง 2 ได้ใช้บริษัทแห่งหนึ่งหลอกลวงผู้เสียหายให้ทำสัญญาซื้อขายเหล้า Maotai โดยผู้เสียหายได้จ่ายเงินซื้อเหล้า Maotai เป็นจำนวนเงิน 6.75 ล้านหยวน (ประมาณ 33.7 ล้านบาท) ตามที่ตกลงไว้ในสัญญา แต่ผู้ต้องหาไม่มีเหล้า Maotai และไม่ได้ส่งมอบสินค้าให้กับผู้เสียหาย

​3. ข้อหาฟอกเงิน จำนวน 2 คน ได้แก่
3.1 นายเหว่ย (นามสมมติ) อายุ 41 ปี สัญชาติจีน ถูกเพิกถอนการอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักร พฤติการณ์กระทำผิด คือ นายเหว่ยได้นำเงินที่ได้จากการทำผิดกฎหมายมาซื้อทองคำหลายครั้ง เพื่อปกปิดการกระทำผิดและฟอกเงินที่ได้มาจากการกระทำผิดกฎหมาย
3.2 นายกัง (นามสมมติ) อายุ 28 ปี สัญชาติจีน ถูกจับกุมในข้อหาอยู่ในราชอาณาจักรโดยการอนุญาตสิ้นสุด (OVERSTAY) นำตัวส่งพนักงานสอบสวน กลุ่มงานสอบสวน บก.สส.สตม. ดำเนินคดีตามกฎหมาย พฤติการณ์กระทำผิด คือ นายกังได้ทรัพย์สินมาจากการฉ้อโกงคนอื่น ต่อมาช่วงเดือนธันวาคม 2564 ได้นำทรัพย์สินที่ได้จากการฉ้อโกงไปเข้าบัญชีธนาคารของผู้อื่นและโอนซื้อสินค้าต่างๆ เพื่อฟอกเงิน
4. ข้อหาใช้อำนาจหน้าที่เพื่อแสวงหาผลประโยชน์ส่วนตัว จำนวน 1 คน ได้แก่ นายต้าลิน (นามสมมติ) อายุ 42 ปี สัญชาติจีน ถูกเพิกถอนการอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักร พฤติการณ์กระทำผิดคือ ตั้งแต่ปี 2564-2565 นายต้าลินได้ใช้ประโยชน์จากตำแหน่งของเขา ในฐานะหัวหน้าฝ่ายจัดซื้อและการตลาดของร้านขายของชำใน Carrefour (China) Management Co., LTD. ฉ้อโกงทรัพย์สินของบริษัทกว่า 15 ล้านหยวน (ประมาณ 75 ล้านบาท)
5. ข้อหาดำเนินธุรกิจผิดกฎหมาย จำนวน 1 คน ได้แก่ นายจงเหว่ย (นามสมมติ) อายุ 35 ปี สัญชาติจีน ถูกเพิกถอนการอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักร พฤติการณ์กระทำผิด คือ นายจงเหว่ยสมรู้ร่วมคิดกับผู้อื่นเพื่อแสวงหากำไรที่ผิดกฎหมายและโดยไม่ได้รับความเห็นชอบจากหน่วยงานของรัฐ โดยได้พัฒนาและสร้างแพลตฟอร์มการชำระเงิน Oneda Pay เพื่อให้บริการซื้อขายแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศที่ผิดกฎหมาย โดยมีมูลค่าความเสียหายกว่า 280 ล้านหยวน (ประมาณ 1,400 ล้านบาท)
จากนั้นได้นำตัวคนต่างด้าวที่ถูกเพิกถอนการอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักร จำนวน 7 ราย ส่ง กก.3 บก.สส.สตม. เพื่อรอผลักดันส่งกลับออกนอกราชอาณาจักรไทย ส่วนคนต่างด้าวที่อยู่ในราชอาณาจักรโดยการอนุญาตสิ้นสุด (OVERSTAY) ได้นำตัวส่งพนักงานสอบสวนเพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

2. บก.สส.สตม.จับจีนใช้วีซ่านักท่องเที่ยวลักลอบทำงาน
ตามที่สำนักงานตรวจคนเข้าเมืองได้สั่งการให้กองบังคับการในสังกัด ออกสืบสวนตรวจสอบจับกุมคนต่างด้าวที่กระทำผิด พ.ร.บ.คนเข้าเมือง พ.ศ. 2522 และเข้ามาลักลอบทำงานในประเทศไทยโดยผิดกฎหมาย จากการสืบสวนของกองกำกับการ 1 กองบังคับการสืบสวนสอบสวน สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง ทราบว่ามีโครงการก่อสร้างขนาดใหญ่แห่งหนึ่งใน ต.บ่อทอง อ.กบินทร์บุรี จ.ปราจีนบุรี จะมีคนต่างด้าวสัญชาติจีนเข้ามาทำงานภายในโครงการจำนวนหลายสิบคน จึงได้ประสานงานกับ ตม.จว.ปราจีนบุรี และ สภ.วังตะเคียน จว.ปราจีนบุรี ร่วมกันไปตรวจสอบ จากการตรวจสอบพบคนจีนทำงานอยู่ภายในสถานที่ก่อสร้างดังกล่าว จำนวน 35 คน จากการตรวจสอบหนังสือเดินทางและข้อมูลในระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ ตม. พบว่าคนจีนดังกล่าวเดินทางเข้ามาในประเทศไทยด้วยวีซ่านักท่องเที่ยว จำนวน 32 คน วีซ่าคนอยู่ชั่วคราว 2 คน และคนประจำพาหนะ จำนวน 1 คน และพบว่าอยู่ในราชอาณาจักรโดยการอนุญาตสิ้นสุด (OVERSTAY) จำนวน 2 คน โดยทั้ง 35 คนไม่มีใบอนุญาตทำงาน จึงแจ้งข้อกล่าวหาและจับกุมตัวส่งพนักงานสอบสวน สภ.วังตะเคียน จ.ปราจีนบุรี ดำเนินคดี ดังนี้

1. ข้อหา เป็นคนต่างด้าวทำงานโดยไม่มีใบอนุญาตทำงาน จำนวน 33 คน
2. ข้อหา เป็นคนต่างด้าวอยู่ในราชอาณาจักรโดยการอนุญาตสิ้นสุด และทำงานโดยไม่มีใบอนุญาตทำงาน 2 คน
นอกจากนี้ ยังได้จับกุมคนต่างด้าวสัญชาติเมียนมา จำนวน 9 คน ดำเนินคดีในข้อหา เป็นคนต่างด้าวเดินทางเข้ามาและอยู่ในราชอาณาจักรโดยไม่ได้รับอนุญาต และทำงานโดยไม่ได้รับอนุญาต
และได้เปรียบเทียบปรับเจ้าบ้านในข้อหา เจ้าบ้าน เจ้าของหรือผู้ครอบครองเคหสถานซึ่งรับคนต่างด้าวซึ่งได้รับอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักรเป็นการชั่วคราวเข้าพักอาศัย ไม่แจ้งต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ภายในยี่สิบสี่ชั่วโมงนับแต่เวลาที่คนต่างด้าวเข้าพักอาศัย จำนวน 3 ราย
เปรียบเทียบปรับคนต่างด้าวในข้อหา คนต่างด้าวอยู่ในราชอาณาจักรเกินเก้าสิบวัน ไม่แจ้งให้พนักงานเจ้าหน้าที่ทราบถึงที่พักอาศัยของตนโดยมิชักช้าเมื่อครบระยะเก้าสิบวัน จำนวน 1 คน
​3. บก.สส.สตม.รวบสมุนแก๊งคลองหาด ลักลอบขนแรงงานเถื่อนเข้าไทย
เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.2 บก.สส.สตม. จับกุมนายธันยพงศ์ (นามสมติ) อายุ 27 ปี และนายสุเทพ (นามสมมติ) อายุ 44 ปี สัญชาติไทย ในข้อหา ช่วยเหลือซ่อนเร้นด้วยประการใดให้คนต่างด้าวหลบหนีเข้าเมือง พ้นการจับกุม จับกุมแรงงานต่างด้าวสัญชาติกัมพูชา 19 คน ยึดรถยนต์ที่ใช้ในการกระทำความผิด 3 คัน นำส่ง สภ.เขาหินซ้อน ดำเนินการตามกฎหมาย
พฤติการณ์จับกุม เจ้าหน้าที่ กก.2 บก.สส.สตม. ได้สืบสวนหาข่าว และขยายผลการกระทำผิดของขบวนการนำพาแรงงานต่างด้าวกัมพูชาลักลอบเข้าเมืองในพื้นที่ชายแดนด้านตะวันออกของประเทศไทย จังหวัดสระแก้ว ฉะเชิงเทรา พบขบวนการนำพาแรงงานต่างด้าวเรียกว่า แก๊งคลองหาด มีพฤติการณ์ลักลอบนำพาแรงงานต่างด้าวเข้ามาในประเทศโดยมีการนำแรงงานต่างด้าวเดินเท้าข้ามชายแดน พาขึ้นรถจากป่าติดชายแดน เอาตัวมาหลบซ่อนไว้ในพื้นที่ชั้นในบริเวณ อ.พนมสารคาม จากนั้นจะมีรถมารับแรงงานจากจุดซ่อนตัวเข้าไปส่งที่ กรุงเทพฯ สมุทรปราการ ชลบุรี หรือระยอง เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมจึงได้ลงพื้นที่สืบสวนเฝ้าสังเกตการณ์บริเวณจุดซ่อนตัวแรงงานต่างด้าว จนกระทั่งเวลาประมาณ 02.30 น.ของวันที่ 12 มิถุนายน 2566 พบรถยนต์โตโยต้า ฟอร์จูนเนอร์ สีขาว รถยนต์เชฟโรเลต สีเทา และรถยนต์โตโยต้า รีโว สีขาว ขับเข้ามารับแรงงานต่างด้าว ขณะรับแรงงานต่างด้าวขึ้นรถเสร็จ กำลังจะขับออกจากชายป่า เจ้าหน้าที่จึงได้แสดงตัวเข้าจับกุม พบแรงงานต่างด้าวจำนวน 19 คน และพบตัวนายธันยพงศ์ฯ และนายสุเทพฯ เป็นคนขับรถ เจ้าหน้าที่จึงควบคุมตัวไปยัง สภ.เขาหินซ้อน นายธันยพงศ์ฯ และนายสุเทพฯ ให้การรับว่าทำมาแล้วหลายครั้ง ได้ค่าจ้างขับรถประมาณ 1,500 บาทต่อแรงงานหนึ่งคน ส่วนแรงงานต่างด้าวให้การว่าต้องจ่ายทั้งหมดคนละประมาณ 5,000-8,000 บาท
สตม.ขอเรียนให้ท่านทราบว่า สตม.มีมาตรการในการตรวจสอบ กวดขัน และปราบปรามการกระทำความผิดในด้านต่างๆ รวมทั้งดำเนินการตรวจสอบชาวไทยและชาวต่างชาติที่มีพฤติกรรมไม่เหมาะสม กระทำผิดกฎหมาย ก่อเหตุอันตรายต่อความสงบสุขและความปลอดภัยในชีวิตทรัพย์สินของประชาชน ทำให้เกิด ความเสียหายต่อภาพลักษณ์ของประเทศชาติ รวมถึงการเฝ้าระวังบุคคลทั้งสัญชาติไทยและสัญชาติอื่นๆ ที่มีหมายจับ และการเดินทางเข้า-ออกประเทศไทย หากประชาชนท่านใดพบเห็นเบาะแส การกระทำความผิด กรุณาแจ้งมายัง สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง อาคารเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระบรมโอรสาธิราช ฯ สยามมกุฎราชกุมาร พระชนมพรรษา 60 พรรษา เลขที่ 904 หมู่ที่ 6 ตำบลบ้านใหม่ อำเภอปากเกร็ด จังหวัดนนทบุรี 11120 หรือที่หมายเลขโทรศัพท์ 1178 หรือที่ www.immigration.go.th จักขอบพระคุณเป็นอย่างยิ่ง












กำลังโหลดความคิดเห็น