ดีป้า พร้อมด้วยเครือข่ายพันธมิตรระดับท้องถิ่นเปิดตัวโครงการ DIGITAL INFINITY: SMART LIVING เร่งสร้างเมืองอัจฉริยะน่าอยู่ด้วยเทคโนโลยีดิจิทัลใน 11 พื้นที่ 10 จังหวัดทั่วประเทศ มุ่งตอบโจทย์ตามความต้องการที่แท้จริงของเมืองและประชาชนอย่างตรงจุด ขับเคลื่อน 3 ลักษณะของเมืองอัจฉริยะคือ Smart Economy, Smart Living และ Smart Governance คาดเพิ่มศักยภาพเศรษฐกิจท้องถิ่น ยกระดับคุณภาพชีวิตประชาชน และลดความเหลื่อมล้ำในการเข้าถึงบริการภาครัฐ ก่อนขยายผลการดำเนินงานสู่พื้นที่ใกล้เคียง และนำไปสู่การพัฒนาเมืองอัจฉริยะอย่างยั่งยืนทั่วประเทศต่อไป
ผศ.ดร.ณัฐพล นิมมานพัชรินทร์ ผู้อำนวยการใหญ่ สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล หรือดีป้า เป็นประธานในพิธีเปิดโครงการ DIGITAL INFINITY: SMART LIVING สร้างเมืองอัจฉริยะน่าอยู่ด้วยเทคโนโลยีดิจิทัล โดยมีนายกเทศมนตรี คณะผู้บริหาร และผู้แทนเมืองจาก 11 พื้นที่ 10 จังหวัดที่เข้าร่วมโครงการร่วมแถลงข่าวและลงนามในบันทึกข้อตกลงความร่วมมือการพัฒนาเมืองอัจฉริยะน่าอยู่ระดับท้องถิ่น
ผส.ดร.ณัฐพลกล่าวว่า กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม โดยดีป้า มุ่งส่งเสริมให้เกิดการขับเคลื่อนการพัฒนาเมืองอัจฉริยะทั่วประเทศด้วยเทคโนโลยีและนวัตกรรมดิจิทัล ซึ่งการดำเนินการดังกล่าวต้องอาศัยความร่วมมือจากหลากหลายภาคส่วน ทั้งหน่วยงานเจ้าของพื้นที่ ภาคเอกชน และภาคประชาชน เพื่อสนองตอบบริบทต่างๆ และความต้องการของเมือง รวมถึงประชาชนในพื้นที่ได้อย่างตรงจุด ดังนั้น โครงการ DIGITAL INFINITY:SMART LIVING จะเป็นอีกหนึ่งแนวทางในการส่งเสริมให้เกิดการพัฒนาเมืองอัจฉริยะอย่างเป็นรูปธรรมและยั่งยืน โดยมุ่งเน้นการยกระดับเศรษฐกิจท้องถิ่น พัฒนาคุณภาพชีวิตประชาชนรองรับสังคมสูงวัย อำนวยความสะดวก
และลดความเหลื่อมล้ำในการเข้าถึงบริการภาครัฐ
สำหรับโครงการ DIGITAL INFINITY: SMART LIVING พร้อมดำเนินงานระยะแรกครอบคลุม 11 พื้นที่เศรษฐกิจใหม่ใน 10 จังหวัด ประกอบด้วย เทศบาลตำบลแม่ลาว จังหวัดเชียงราย เทศบาลตำบลโพธิ์ทอง จังหวัดอ่างทอง เทศบาลตำบลหัวทะเล และเทศบาลตำบลสูงเนิน จังหวัดนครราชสีมา องค์การบริหารส่วนตำบลนาชุมเห็ด จังหวัดตรัง องค์การบริหารส่วนตำบลหัวหว้า จังหวัดปราจีนบุรี อำเภอพยัคฆภูมิพิสัย จังหวัดมหาสารคาม เทศบาลตำบลบางแพ จังหวัดราชบุรี เทศบาลเมืองชลบุรี จังหวัดชลบุรี เทศบาลเมืองบางศรีเมือง จังหวัดนนทบุรี และ เขตสัมพันธวงศ์ กรุงเทพมหานคร โดยจะให้ความสำคัญกับการส่งเสริมให้เกิดการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีดิจิทัลเพื่อการพัฒนาเมืองอัจฉริยะต้นแบบในมิติที่แตกต่างกันไปตามบริบทของเมือง ไม่ว่าจะเป็น
ด้านเศรษฐกิจอัจฉริยะ (Smart Economy) โดยการส่งเสริมการพัฒนาเศรษฐกิจท้องถิ่นด้วยแพลตฟอร์ม 'ฟ้าฝน' เทคโนโลยีเกษตรอัจฉริยะที่จะช่วยพยากรณ์อากาศด้วยอุปกรณ์ตรวจจับสภาพอากาศอัจฉริยะและระบบวิเคราะห์ข้อมูล ซึ่งแพลตฟอร์มดังกล่าวจะช่วยให้เกษตรกรสามารถวางแผนการผลิตและการเพาะปลูกได้ นอกจากนี้ยังมีการส่งเสริมการประยุกต์ใช้ eatsHUB แพลตฟอร์มรับ-ส่งอาหารสัญชาติไทย เพื่อยกระดับร้านอาหารท้องถิ่นเข้าสู่ระบบออนไลน์ ขยายโอกาสทางการค้า เพิ่มรายได้ และยังเป็นการกระตุ้นภาคการท่องเที่ยวอีกทางหนึ่ง
ด้านการดำรงชีวิตอัจฉริยะ (Smart Living) มุ่งเน้นการยกระดับคุณภาพชีวิตประชาชนรองรับสังคมผู้สูงวัยด้วยเทคโนโลยีเพื่อสุขภาพ ซึ่งจะดำเนินการร่วมกับอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.) ด้วยการนำอุปกรณ์จัดเก็บข้อมูลสุขภาพมาประยุกต์ใช้บันทึก จัดเก็บ เชื่อมโยง และตรวจสอบข้อมูลสุขภาพของผู้สูงอายุ รวมถึงผู้ป่วยที่มีภาวะพึ่งพิง เมื่ออุปกรณ์ตรวจพบสัญญาณอันตรายที่ส่งผลต่อสุขภาพ ระบบจะแจ้งเตือนให้เข้าช่วยเหลือได้ทันท่วงที ทำให้สามารถติดตามดูแลได้อย่างใกล้ชิด รวดเร็ว แม่นยำ และทั่วถึง
ด้านการบริการภาครัฐอัจฉริยะ (Smart Governance) ที่จะช่วยลดความเหลื่อมล้ำในการเข้าถึงข้อมูลข่าวสารและบริการภาครัฐด้วยเทคโนโลยีเพื่อการสื่อสารและประชาสัมพันธ์ โดยการติดตั้งจอแอลอีดีกลางแจ้งเพื่อนำเสนอข้อมูลที่เป็นประโยชน์ให้ประชาชนรับรู้ในวงกว้าง ซึ่งถือเป็นการลดช่องว่างระหว่างหน่วยงานภาครัฐและภาคประชาชนด้วยการสื่อสารที่ชัดเจนและทั่วถึง
"ดีป้าประเมินว่า โครงการ DIGITAL INFINITY: SMART LIVING จะกระตุ้นให้เกิดมูลค่าทางเศรษฐกิจมากกว่า 200 ล้านบาท พัฒนาศักยภาพเกษตรกรไม่น้อยกว่า 1,000 ราย ผู้ประกอบการกว่า 1,000 ร้านค้า/ร้านอาหาร สามารถเข้าสู่แพลตฟอร์มออนไลน์ ยกระดับคุณภาพชีวิตประชาชนไม่น้อยกว่า 400 ครัวเรือน ขณะที่ประชาชนมากกว่า 1.3 ล้านรายได้รับข้อมูลข่าวสารและสามารถเข้าถึงบริการภาครัฐได้" ผส.ดร.ณัฐพลกล่าว
ทั้งนี้ การดำเนินโครงการ DIGITAL INFINITY: SMART LIVING จะสร้างพื้นที่ ต้นแบบในการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีดิจิทัลเพื่อการพัฒนาเมืองอัจฉริยะระดับท้องถิ่น ก่อนกระจายการพัฒนาสู่พื้นที่ใกล้เคียง และนำไปสู่การพัฒนาเมืองอัจฉริยะทั่วประเทศอย่างยั่งยืนต่อไป โดย ดีป้าพร้อมทำงานเพื่ออนาคตของคนไทย และเพื่อพัฒนาเศรษฐกิจดิจิทัลไทยให้อยู่ในระดับชั้นนำของโลก ตามวิสัยทัศน์ We work smart every day to build a world-class digital economy and to help people perform better, think faster and live better.
ผู้สนใจสามารถติดตามรายละเอียดต่างๆ ผ่านช่องทางการสื่อสารของดีป้าได้ทุกช่องทาง ไม่ว่าจะเป็นเว็บไซต์: www.depa.or.th, LINE OA:depaThailand และ Facebook Page: depa Thailand