เจ้าของธุรกิจชิ้นส่วนอุตสาหกรรมรถยนต์เขียนจดหมายถึง พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล เสนอสูตรตั้งรัฐบาล 344 เสียง พร้อมคัดค้านค่าแรง 450 บาท ทำงาน 40 ชั่วโมง หวั่นกระทบต่อการลงทุนและเศรษฐกิจ
วันนี้ (20 พ.ค.) รายงานข่าวแจ้งว่า นายประทีป วัชรโชคเกษม รองประธานสหสมาคมตระกูลแซ่แห่งประเทศไทย เจ้าของธุรกิจชิ้นส่วนอุตสาหกรรมรถยนต์ แสงประทีปออโต้ซีท เขียนจดหมายเปิดผนึกถึง นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล ซึ่งระบุว่าเป็นว่าที่นายกรัฐมนตรี เรื่อง การจัดตั้งรัฐบาล 344 เสียง โดยดึงพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) และชาติไทยพัฒนาเข้าร่วมรัฐบาลด้วย ส่วนที่ขาดอีก 32 เสียงนั้น ส.ว.จะเห็นด้วยแน่นอน ระบุว่า การดึง ปชป.เข้าร่วมรัฐบาลข้อดีมีหลายประการ มีท่านชวน (หลีกภัย) ซึ่งเป็นผู้ใหญ่ที่น่าเชื่อถือและเป็นประชาธิปไตย และพรรคที่เหลือก็มีปัญหากับ ปชป.ในการเลือกตั้งทางใต้
ส่วนนโยบายเศรษฐกิจ ต้องให้พรรคเพื่อไทย (พท.) เป็นผู้กำหนด พท.ชำนาญทางด้านเศรษฐกิจ ก้าวไกลได้ทำตามฝันครึ่งหนึ่งก่อน เป็นนายกฯ ให้ได้ก่อน พบกันครึ่งทาง หาทางสายกลาง ประเทศจะเปลี่ยนแปลงทันทีนั้นยาก ส่วน ส.ว. หลังรับรอง ส.ส. เปิดสภาฯ ก็เหลืออายุการทำงานประมาณ 7 เดือนเท่านั้น การเมืองทุกพรรค ทุกคนล้วนมีคุณค่า ต้องการบริหารประเทศ สิ่งไหนทำได้ทันทีทำไปก่อน
ส่วนค่าแรง 450 บาท ทำงาน 40 ชั่วโมงนั้น ควรใช้ของเพื่อไทย 400 บาท และค่อยๆ ปรับตัว และการทำงาน 40 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ไม่ควรให้ใช้ ของเดิมดีอยู่แล้ว ไม่งั้นจะกระทบต่อการลงทุน เศรษฐกิจ แรงงานส่วนใหญ่จะเป็นต่างชาติ ค่าแรงสูง จุดลงทุนไม่มี สินค้าขายไม่ได้ ธุรกิจอุตสาหกรรมไม่ได้ทำง่ายๆ และขายง่ายๆ ต้นทุนสูงค่าครองชีพสูง ต้องค่อยเป็นค่อยไป ถ้าธุรกิจเจ๊ง รัฐบาลก็ไม่สามารถเก็บภาษีเงินได้ ภาษีเท่านั้นจึงทำให้ประเทศอยู่ได้ กู้มาใช้ วันหนึ่งประเทศก็ล้มละลายได้ ทุกวันนี้หนี้สินประเทศมากมาย จะต้องเสียดอกเบี้ยให้ต่างชาติ ธุรกิจเพิ่งผ่านโควิดมา ประชาชน SME ยังไม่ฟื้น ค่าแรงสูงมากไปคนจะไม่ลงทุน และจะไม่มีการจ้างงาน จะทำให้คนตกงานมากขึ้น
อยากเห็นคนรุ่นใหม่ร่วมกันเปลี่ยนแปลง ปกครองร่วมกัน ประเทศไทยก็จะเจริญมั่นคงพัฒนาไปพร้อมกันกับการพัฒนาคน และการศึกษา แนวคิด คุณภาพชีวิต สังคม ระบบระเบียบ ผังเมือง อุตสาหกรรม ชุมชน ชนบท ฝีมือแรงงาน ความขยัน รัฐบาลใหม่ 344 เสียง ผ่านแน่นอน
ต่อมาวันที่ 19 พ.ค. นายประทีปเขียนจดหมายเปิดผนึกอีกฉบับถึงนายพิธา และกลุ่ม 8 พรรคฝ่ายประชาธิปไตย ระบุว่า การตั้งรัฐบาล 313 เสียง โดยไม่ตั้ง 344 เสียงตามที่เสนอ โดยดึงพรรค ปชป. 25 เสียง และพรรคชาติไทยพัฒนา 10 เสียงนั้นมีความสำคัญที่จะทำให้ฝ่ายอนุรักษ์เหลือ 156 เสียง การเสนอชิงตำแหน่งนายกฯ ในสภาจะใกล้เคียง แต่ถ้าเหลือฝ่ายอนุรักษ์ไว้ 187 เสียง บวก ส.ว.อีก 190 เสียง ฝ่ายอนุรักษ์ก็จะชนะ 377 เสียง ได้เป็นนายกฯ จัดตั้งรัฐบาลเสียงข้างน้อย และบริหารงาน แต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการ ถึงจะเสนอร่างงบประมาณประจำปี 2567 เข้าสภา และอาจยุบสภาต่อ ก็ยังกุมอำนาจการบริหารต่อ ฝ่ายประชาธิปไตย แพ้ตอนเลือกนายกรัฐมนตรีแน่นอน
8 พรรคประชาธิปไตย มองข้ามข้อเสนอรัฐบาล 344 เสียง คุณพิธาจะแพ้เลือกนายกรัฐมนตรี ส.ว.จะเลือกฝ่ายอนุรักษ์ 187 เสียงเป็นนายกรัฐมนตรี การตั้งรัฐบาล โดยที่ยังไม่สามารถผ่านการเลือกตั้ง ที่ ส.ว. 250 เสียง เลือกนายกฯ จะแพ้ฝ่ายอนุรักษ์จะเสนอชิงและจะชนะ คุณพิธาจะแพ้ และ พท.ก็ไม่มีโอกาสจัดตั้งรัฐบาลด้วย 1. ต้องดึงประชาธิปัตย์ และชาติไทยพัฒนา 2. ถ้าไม่เสี่ยงเกินไป ต้องยอมเสียคำพูดให้พลังประชารัฐเข้าร่วมรัฐบาล 3. ต้องเป็นนายกรัฐมนตรีให้ได้ก่อน เพื่อจะทำให้ได้แก้ปัญหาของประชาชนตามนโยบาย ครั้งนี้ไม่ทำตามนี้โอกาสข้างหน้าจะไม่มีอีกแล้ว ถ้าไม่ทำตามที่เสนอ บ้านเมืองจะวุ่นวาย ลุกลาม เกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญที่ไม่เคยขึ้นมาก่อน
