xs
xsm
sm
md
lg

สธ.-WHO หนุนคนไทย “สุขภาพดีถ้วนหน้า” ตามแนวคิด “Health for All”

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



กระทรวงสาธารณสุขร่วมกับองค์การอนามัยโลก (WHO) จัดงานวันอนามัยโลก หรือ World Health Day ประจำปี 2566 ภายใต้แนวคิด “Health for All” หรือ “สุขภาพดีถ้วนหน้า” เพื่อรณรงค์ให้ประชาชน และทุกภาคส่วนตระหนักถึงความสำคัญในการดูแลสุขภาพ เพื่อลดความเสี่ยงต่อการเกิดโรค

เมื่อวันที่ 5 เม.ย. ที่กระทรวงสาธารณสุข จังหวัดนนทบุรี นายแพทย์ โอภาส การย์กวินพงศ์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข เป็นประธานการจัดกิจกรรมวันอนามัยโลก (World Health Day) ประจำปี 2566 และครบรอบ 75 ปี องค์การอนามัยโลก และกล่าวว่า

ประเทศไทยเป็นหนึ่งในสมาชิกขององค์การอนามัยโลกและให้ความร่วมมือในการดำเนินงานมาอย่างต่อเนื่อง ทำให้ประเทศไทยบรรลุเป้าหมายด้านสาธารณสุขระดับโลก และเป็นที่ยอมรับในระดับนานาชาติ เช่น การสร้างระบบสาธารณสุขมูลฐาน ความร่วมมือด้านการกำจัดโรคเรื้อน โรคโปลิโอ และการยุติการถ่ายทอดเชื้อเอชไอวีและซิฟิลิสจากแม่สู่ลูก รวมถึงการรับมือกับสถานการณ์ COVID-19 ที่ส่งผลให้ประเทศไทยเป็นหนึ่งในประเทศต้นแบบในการรับมือกับสถานการณ์โรคติดต่อและโรคอุบัติใหม่ ปัจจุบันความร่วมมือระหว่างรัฐบาลไทยกับองค์การอนามัยโลกได้ดำเนินแผนยุทธศาสตร์มาจนถึงฉบับที่ 6 (พ.ศ. 2565-2569) เน้นด้านโรคไม่ติดต่อ สุขภาพแรงงานข้ามชาติ ความปลอดภัยบนท้องถนน ภาวะฉุกเฉินทางสาธารณสุข การผสานแพลตฟอร์มสุขภาพดิจิทัลกับระบบข้อมูลสุขภาพ และการยกระดับความเป็นผู้นำในด้านสุขภาพโลกของประเทศไทย ภายในระยะเวลา 5 ปี เพื่อยกระดับการสาธารณสุขไทยให้สามารถรับมือปัจจัยสุขภาพที่เปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลาได้อย่างมีประสิทธิภาพ

นายแพทย์ โอภาสกล่าวต่อว่า วันที่ 7 เมษายนของทุกปีเป็นวันอนามัยโลก โดยในปีนี้ครบรอบ 75 ปีของการก่อตั้งองค์การอนามัยโลก (WHO) กระทรวงสาธารณสุข โดยกรมอนามัย กรมควบคุมโรค กรมสุขภาพจิต กรมการแพทย์ และสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา จึงได้จัดงานวันอนามัยโลก หรือ World Health Day ขึ้น ภายใต้แนวคิด “Health for All” หรือ “สุขภาพดีถ้วนหน้า” เพื่อรณรงค์ให้ประชาชน และทุกภาคส่วนของสังคมตระหนักถึงความสำคัญของสุขภาพ โดยมีกิจกรรมด้านการป้องกันและควบคุมโรค การส่งเสริมสุขภาพ การคุ้มครองประชาชนและผู้บริโภค และการรักษาโรคและการฟื้นฟู เพื่อให้ประชาชนทุกกลุ่มวัยมีสุขภาพดีถ้วนหน้าในทุกพื้นที่ ทุกสภาพแวดล้อม

ด้าน ดร.จอส ฟอนเดลาร์ ผู้แทนองค์การอนามัยโลกประจำประเทศไทย กล่าวว่า เป้าหมายขององค์การอนามัยโลก (WHO) คือ การให้ประชาชนทุกคนมีสุขภาพดี โดย WHO เป็นหน่วยงานที่ให้แนวทางและประสานการดำเนินงานด้านสุขภาพระหว่างประเทศ เพื่อให้ความช่วยเหลือทางวิชาการแก่ประเทศต่างๆ ประสานงานกับรัฐบาลเพื่อเสริมสร้างความเข้มแข็งด้านบริการสุขภาพแห่งชาติ ส่งเสริมมาตรการที่จะนำไปสู่ชีวิตที่มีสุขภาพดียิ่งขึ้น โดยในช่วง 75 ปีที่ผ่านมา อายุขัยเฉลี่ยของประชากรทั่วโลกเพิ่มขึ้นจาก 46 ปี เป็น 71 ปีในปัจจุบัน และมีความท้าทายใหม่ๆ เพิ่มขึ้นอีกมากมาย เช่น การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ การขาดแคลนน้ำ ประชากรย้ายถิ่นฐาน หรือปัญหามลพิษ ทำให้อัตราของโรคทางเดินหายใจ โรคหัวใจและหลอดเลือดเพิ่มมากขึ้น ปัญหาการใช้ยาปฏิชีวนะมากเกินไปทำให้เชื้อดื้อยามากขึ้น อัตราการเกิดโรคมะเร็ง เบาหวาน และความดันโลหิตเพิ่มขึ้น นอกจากนี้ ความเครียดจากการอยู่อาศัยในพื้นที่แออัด และการแข่งขันอาจทำให้เกิดภาวะซึมเศร้าและการเจ็บป่วยทางจิตได้

“ประเทศไทยถือเป็นตัวอย่างที่ดี ที่มีการพัฒนาทางเศรษฐกิจควบคู่ไปกับการพัฒนาระบบดูแลสุขภาพ เช่น แนวคิดสาธารณสุขมูลฐาน และได้พัฒนาระบบหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า (UHC) ที่นำไปสู่การปฏิบัติ ซึ่งถือเป็นการส่งมอบผลประโยชน์ให้แก่ทุกคนในประเทศไทย รวมทั้งยังเป็นต้นแบบสำหรับประเทศอื่นๆ ประเทศไทยจึงสามารถภาคภูมิใจได้อย่างเต็มที่กับการดำเนินงานด้านสุขภาพและสาธารณสุขที่ประสบความสำเร็จนี้ WHO ขอขอบคุณทุกท่านที่มาร่วมงานในวันครบรอบ 75 ปี และหวังว่า WHO จะยังคงเป็นพันธมิตรกับประเทศไทยในการขับเคลื่อนการดำเนินงานสู่เป้าหมายสุขภาพดีถ้วนหน้าต่อไป” ผู้แทนองค์การอนามัยโลกประจำประเทศไทยกล่าว

ด้าน นายแพทย์ สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย อธิบดีกรมอนามัย กล่าวว่า ผลการสำรวจสุขภาพประชาชนไทย ครั้งที่ 6 พ.ศ. 2562-2563 พบว่าประชาชนไทยอายุ 15 ปีขึ้นไป สูบบุหรี่เป็นประจำ ร้อยละ 18.7 ดื่มสุราอย่างหนัก ร้อยละ 12.9 มีกิจกรรมทางกายเพียงพอ ร้อยละ 69.1 และกินผักผลไม้เพียงพอตามข้อแนะนำ มากกว่าหรือเท่ากับ 5 ส่วนต่อวัน ร้อยละ 21.2 อีกทั้งร้อยละ 42.4 มีภาวะน้ำหนักเกินหรืออ้วน ร้อยละ 39.4 มีภาวะอ้วนลงพุง พบการป่วยเป็นโรคเบาหวาน ร้อยละ 9.5 โรคความดันโลหิตสูง ร้อยละ 25.4 และไขมันคอเลสเตอรอลในเลือดสูง ร้อยละ 23.5 จากสถานการณ์ดังกล่าว กรมอนามัยได้มีนโยบายและแนวทางเพื่อป้องกัน และการแก้ไขปัญหา เพื่อลดความเสี่ยงต่อการเกิดโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง เช่น นโยบายหวานน้อย ร้อยละ 5 ลดเค็ม ลดโซเดียม รณรงค์ให้ประชาชนมีกิจกรรมทางกายเป็นประจำ อย่างน้อย 150 นาทีต่อสัปดาห์ หรือ 30 นาทีต่อวัน เช่น เดินเร็ว วิ่ง ปั่นจักรยาน เต้นแอโรบิก กระโดดเชือก โยคะ เพื่อลดความเสี่ยงต่อโรคอ้วน อ้วนลงพุง หรือร่วมกิจกรรมกับก้าวท้าใจ และเน้นการนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ รวมทั้งจัดสภาพแวดล้อมให้ประชาชนได้เลือกซื้ออาหารจากแหล่งผลิตที่ปลอดภัยต่อสุขภาพและได้มาตรฐาน เช่น ตลาดสดน่าซื้อ ตลาดนัดน่าซื้อ หรือร้านอาหาร แผงลอยที่ได้มาตรฐานอาหารสะอาด รสชาติอร่อย (Clean Food Good Taste)
กำลังโหลดความคิดเห็น