xs
xsm
sm
md
lg

เมื่อ “ชูวิทย์” ไม่แฉแทนไท “สนธิ” จะแฉให้เอง ตะเพิด! อย่าเอาเงินสกปรกมาให้

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



“สนธิ” ตั้งข้อสงสัย “ชูวิทย์” แตะ “แทนไท” ครั้งเดียวแล้วเงียบ หลังลูกชายพาเข้าพบ ซ้ำยังแก้ต่างให้ว่าแปลงร่างไปทำธุรกิจถูกต้องแล้ว โดยไม่ตอบคำถามเอาเงินลงทุนมาจากไหน ซ้ำโดนแจ้งข้อหาฟอกเงินเพิ่มอีก 200-300 ล้าน โยง “นอท กองสลากพลัส” ที่สนิทกับลูกชายชูวิทย์ เผย “แทนไท” เคยมาพบแต่ตนไม่รับเคลียร์ ซ้ำจะเอาเงินมาให้ 10 ล้าน แต่ได้ตะเพิดกลับไม่ให้เอามา ต่างจาก “ชูวิทย์” ที่รับเงินสีเทาแล้วอุบเงียบ ก่อนเอาไปบริจาคเอาหน้า อ้างว่าเป็นเงินสุจริต



ในรายการ “คุยทุกเรื่องกับสนธิ” วันศุกร์ที่ 31 มี.ค.ที่ผ่านมา นายสนธิ ลิ้มทองกุล ผู้ก่อตั้งหนังสือพิมพ์เครือผู้จัดการ ได้กล่าวถึงกรณีนายชูวิทย์ กมลวิศิษฏ์ นักธุรกิจและอดีตนักการเมือง ได้พาดพิงมาถึง มีการอ้างอิงเจ้าของเครือข่ายเว็บพนันที่ชื่อ นายแทนไทณรงค์กูล จึงจำเป็นต้องเปิดเผยเบื้องลึกเบื้องหลังและอรรถาธิบายสิ่งที่เกิดขึ้นว่ามีความเป็นมาเป็นอยู่และจะเป็นอย่างไร

ทั้งหมดนี้เริ่มจากการที่ นายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือ “ทนายตั้ม”ตั้งคำถามว่าทำไมนายชูวิทย์ถึงหยุดแฉนายแทนไทหลังจากกล่องดวงใจคือลูกชายของนายชูวิทย์พานายแทนไทเข้าไปพบนายชูวิทย์ที่โรงแรมเดวิส


ทั้งนี้ ตอนที่นายษิทราจัดแถลงข่าวกรณีเรื่อง "แฉไปไถไป"จากการที่สารวัตรซัวพ.ต.ท.วสวัตติ์มุครสกุลเจ้าของเว็บพนันเครือข่ายเป็นต่อได้ติดต่อให้คนใกล้ชิดเอาเงินไปให้นายชูวิทย์ที่โรงแรมเดวิสซึ่งกลายเป็นประเด็นใหญ่ในสังคมคือ

1.เงินในถุง 2ถุงนั้นมีมูลค่ากี่ล้านบาทกันแน่จำนวน 3ล้านบาทคูณ 2เท่ากับ 6ล้านบาทหรือเป็นจำนวน 10ล้านบาท 2ถุงคูณ 5ล้านบาทไม่มีใครรู้ได้นอกจากนายชูวิทย์เอง

2.นอกจากจ่ายเงินเป็นเงินสดแล้วยังมีความเป็นไปได้ไหมตามที่ทนายตั้มแถลงว่ามีการจ่ายเป็นเงินดิจิทัลอีกหรือไม่เพราะเดี๋ยวนี้การฟอกเงินทำผ่านกระเป๋าเงินดิจิทัลหรือ Digital Wallet ก็ได้

3.เงินจำนวนไม่ว่าจะ 6ล้านหรือ 10ล้านหรือ 50ล้านบาทที่คาดคะเนกันก็แล้วแต่สารวัตรซัวนำไปจ่ายให้นายชูวิทย์เพื่ออะไร ?เพื่อปิดปากกรณีกลับมาให้เปิดบริการอาบอบนวดลาลิซ่าซึ่งเดิมชื่อโคปาคาบาน่าในซอยรัชดาฯ 17

หรือจะเกี่ยวข้องกับการไม่ให้แฉเว็บไซต์การพนันในเครือข่ายของสารวัตรซัวหรือเกี่ยวข้องกับญาติคนสนิทน้องภรรยาของนายชูวิทย์ชื่อนายเปาที่นายชูวิทย์กาหัวว่าเป็นเด็กในบ้านแต่ทรยศไปเข้ากับสารวัตรซัว


4.ประเด็นสำคัญมากเพราะคนที่เอาเงินจากสารวัตรซัวไปให้นายชูวิทย์นั้นเป็นตำรวจยศพลตำรวจตรีและพลตำรวจโทโดยคนหนึ่งอยู่ในราชการหรือนอกราชการเกษียณอายุไปแล้วก็แล้วแต่เรื่องนี้สังคมต้องการความกระจ่างว่าเป็นใครที่ไหนทำจริงหรือไม่และถูกลงโทษอย่างไร

นายสนธิกล่าวว่า ที่ต้องเอาเรื่องนี้มาพูดไม่พูดไม่ได้เพราะยังมีข้อมูลอีกหลายอย่างที่สื่อมวลชนไม่ได้นำเสนอคือการเอาเงินบาปบริจาค 2 โรงพยาบาลสร้างภาพ

จับโกหก “ชูวิทย์” หลังเอาเงินบาปบริจาค 2 โรงพยาบาลสร้างภาพ

ตอนที่นายชูวิทย์ได้เงิน 6ล้านบาทนั้นนายชูวิทย์ไม่พูดเลยสักคำเก็บเป็นความลับเงียบสนิทแล้วนายชูวิทย์เอาเงิน 6ล้านบาทนี้ไปเข้าบัญชีตัวเองแล้วทำตีเช็คเอาไปสั่งจ่ายบริจาคให้กับโรงพยาบาลศิริราชและโรงพยาบาลธรรมศาสตร์แห่งละ 3ล้านบาท


โป๊ะแตกเมื่อทนายตั้มมาชี้แจงว่าเงิน 6ล้านบาทที่นายชูวิทย์รับมานั้นเป็นเงินของสารวัตรซัวซึ่งนายชูวิทย์ก็ยอมรับเองมีหลักฐานชัดเจนว่าเป็นเงินของสารวัตรซัวแต่นายชูวิทย์อ้างว่าไม่ได้เก็บไว้ใช้เอง

“แต่คำถามมีอยู่ซึ่งคุณชูวิทย์ก็ตอบไม่ได้ว่าได้เงินมาตอนแรกทำไมคุณไม่ประกาศเลยว่ามีเงินเข้ามา 6ล้านเป็นเงินของสารวัตรซัวซึ่งคุณพูดเองว่าเป็นสารวัตรซัวคุณก็ต้องเอาเงิน 6ล้านบาทนี้ซึ่งคุณพยายามอ้างอยู่ตลอดเวลาว่า 6ล้านบาทนี้ผมจะคืนให้เขาเขาไม่รับคืนแล้วเขาเดินไปถ้าอย่างนั้นด้วยความบริสุทธิ์ใจคุณต้องเอาเงิน 6ล้านบาทไปให้กับตำรวจสน.ไหนก็ได้ว่ามีคนเอาเงิน 6ล้านบาทมาให้ผมไม่มีที่มาที่ไปผมจะคืนให้กับตำรวจและขอให้ตำรวจลงบันทึกประจำวันไว้ด้วยแต่คุณชูวิทย์ไม่ได้ทำ” นายสนธิกล่าว

เมื่อไม่ได้ทำแล้วยังเอาเงิน 6ล้านบาทเข้าบัญชีส่วนตัวซึ่งถ้าเป็นเงินสารวัตรซัวอย่างที่นายชูวิทย์พูดสารวัตรซัวนั้นถูกอายัดทรัพย์ข้อหาฟอกเงินเพราะฉะนั้นถ้าเป็นเงินจากสารวัตรซัวก็เป็นเงินที่ถูกฟอกเอามาให้นายชูวิทย์และนายชูวิทย์เอาเข้าบัญชีตัวเองเท่ากับว่า "ความผิดสำเร็จแล้ว"เพราะฉะนั้นประเด็นที่นายชูวิทย์ไปบริจาคที่โรงพยาบาลศิริราชและโรงพยาบาลธรรมศาสตร์นั้นถือว่าเป็นของร้อน


อีกประเด็นหนึ่ง คณบดีคณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลศิริราชชี้แจงว่าการบริจาคเข้าโรงพยาบาลนั้นจะสามารถหักภาษีได้จากยอดเงินที่บริจาค 2เท่าหมายความว่านายชูวิทย์บริจาค 6ล้านก็สามารถหักเงินภาษีส่วนตัวได้ 12ล้านบาทตรงนี้นายชูวิทย์ไม่พูดเลยสักคำแล้วก็เอาประโยชน์จากตรงนี้ไปหักภาษีตัวเองด้วยหรือเปล่าก็ไม่รู้

“แต่ประเด็นที่สำคัญที่สุดก็คือว่าเงินมาถึงคุณ 6ล้านบาทคุณเกิดเป็นใบ้ขึ้นมากะทันหันพูดไม่เป็นแบ๊ะๆๆแล้วคุณตัดสินใจว่าจะเอาเงินนี้ไปบริจาคโรงพยาบาลดีกว่าและคุณก็เอาเงินนี้เข้าบัญชีส่วนตัวซึ่งผิดข้อแรกคือคุณไม่ควรจะรับตั้งแต่ต้นในเมื่อคุณสารภาพว่าเป็นเงินสารวัตรซัวคุณก็รู้ว่าเป็นเงินทุนสีเทาเงินผิดกฎหมายแล้วคุณยังรับไปแล้วยังเอาเข้าบัญชีคุณอีกเสร็จแล้วคุณก็ตีเช็คไปจ่ายในที่สุดแล้วเวรกรรมก็มาคือทั้งโรงพยาบาลศิริราชและโรงพยาบาลธรรมศาสตร์คืนเงินให้คุณ” นายสนธิกล่าว

นายสนธิกล่าวอีกว่าการที่นายชูวิทย์เอาเงินเข้าบัญชีและเป็นเงินที่ผิดกฎหมายก็จะเข้าข่ายมาตรา 5พระราชบัญญัติฟอกเงินปี 2542ซึ่งระบุชัดเจนในมาตรา 5 (2)ว่า "กระทำด้วยประการใดๆเพื่อปกปิดหรืออำพรางลักษณะที่แท้จริงการได้มาแหล่งที่ตั้งการจำหน่ายการโอนการได้สิทธิใดๆซึ่งทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำความผิด" (3)ได้มาครอบครองหรือใช้ทรัพย์สินโดยรู้ในขณะที่ได้มาครอบครองหรือใช้ทรัพย์สินนั้นว่าเป็นทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำความผิดผู้นั้น (คืนายชูวิทย์)กระทำความผิดฐานฟอกเงิน"

วรรคที่สามสำคัญมากเพราะจากการให้สัมภาษณ์ของผู้บริหารโรงพยาบาลศิริราชเมื่อวันที่ 24มีนาคม 2566ศ.นพ.อภิชาติอัศวมงคลกุลคณบดีคณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาลมหาวิทยาลัยมหิดลระบุชัดว่านายชูวิทย์บริจาคเงินด้วยแคชเชียร์เช็คให้ภาควิชากายวิภาคศาสตร์โรงพยาบาลศิริราชจำนวน 3ล้านบาทเมื่อวันที่ 15มีนาคมแสดงว่าเงินก้อนนั้นเอาไปเข้าบัญชีนายชูวิทย์แล้วถึงจ่ายเป็นแคชเชียร์เช็คออกมาความผิดสำเร็จแล้วใช่หรือไม่

นายชูวิทย์อ้างตอนบริจาคโกหกบรรดาหมอบอกว่าได้มาจากคนที่ทำงานสุจริตซึ่งคำพูดแบบคำต่อคำนายชูวิทย์พูดว่า "รวบรวมจากพรรคพวกคนที่ทำงานสุจริต"

ปรากฏว่านายชูวิทย์เองเมื่อถูกจับได้ที่สำคัญเมื่อเขาถูกจับได้มีภาพถ่ายให้เรียบร้อยนายชูวิทย์ก็เลยปฏิเสธว่าการกระทำของตัวเองไม่เข้าข่ายฟอกเงินเพราะเอาเงินไปบริจาคทั้งหมดเลย 6ล้านบาทโดยเอาไปให้โรงพยาบาลธรรมศาสตร์และโรงพยาบาลศิริราชซึ่งตรงนี้เป็นหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจอัยการจะพิจารณาว่าความผิดสำเร็จหรือยังในพื้นฐานแล้วจากกรณีการฟอกเงินแบบนี้ความผิดมันสำเร็จแล้ว

“คนที่เขาวางตัวเป็นกลางและสนใจความจริงมีหนึ่งเดียวนั้นเขาไม่ได้กินแกลบเขากินข้าวเหมือนกันก็เลยถามคุณชูวิทย์ต่อว่าที่คุณชูวิทย์บอกว่าเป็นเงินที่เพื่อนฝูงที่ทำงานสุจริตบริจาคมาให้ท่านผู้ชมเห็นไหมว่าโกหกหน้าด้านๆจริงๆ” นายสนธิกล่าว

คำถามถึง “ชูวิทย์” ทำไมหยุดแฉ “แทนไท” ?


ในวันที่ทนายตั้มษิทรา เบี้ยบังเกิดแถลงเรื่องนายชูวิทย์ตั้งข้อสงสัยเกี่ยวกับกรณีนายแทนไทณรงค์กูลและเงิน 50ล้านบาท ซึ่งไม่ได้บอกว่าจ่ายเป็นเงินสด ทนายตั้มได้ฝากคำถามถึงนายชูวิทย์ว่ารู้จักนายแทนไทดีไหมนายชูวิทย์เคยแตะต้องนายแทนไทบ้างหรือไม่หลังจากที่ทุกแตะต้องคนอื่นหมดเคาะกะลาเรียกคนวิ่งเข้ามาหา

แล้วทนายตั้มได้ถามคำถามซึ่งเจ็บมากว่า “ผมถามพี่ชูวิทย์ว่าวันตรุษจีนกล่องดวงใจ (หมายถึงลูกชายนายชูวิทย์)ของพี่ชูวิทย์ได้พาแทนไทไปโรงแรมเดวิสจริงหรือไม่หลังจากนั้นถ้าเกิดใครดูไทม์ไลน์วันตรุษจีนคือวันที่ 22มกราคมหลังจากที่มีชื่อปรากฎในเพจแค่ 1 วัน พอมีชื่อปรากฎ แทนไทหายไปจากสารบบของพี่ชูวิทย์ แต่คนที่ยังตี (แทนไท) อยู่ทุกวันนี้ก็คือ พี่สนธิ”


นายสนธิ กล่าวว่า ในวันที่ 23มีนาคม 2566นายชูวิทย์ได้แถลงข่าวตอบโต้ทนายตั้มในประเด็นนายแทนไทมีเนื้อหาอ้างอิงถึงตน 3ตอนจำนวน 17ครั้ง

ตอนที่หนึ่งนายชูวิทย์บอกว่า “เงิน 50ล้านเป็นดิจิทัลผมไม่เคยได้รับผมไม่เคยได้รับ 50ล้านมาจากแทนไทผมถามแทนไทผมได้พบไหมผมได้พบโดยมีตำรวจคนหนึ่งพามาหาผมเช่นเดียวกับข้อมูลอื่นๆที่มีมาหาผมและผมยังจำได้ว่านายแทนไทบอกว่าไปหาพี่สนธิแล้วผมยังบอกเลยว่าเฮ้ยเอ็งคิดจะฟ้องพี่สนธิคิดผิดแล้วอย่าฟ้องดีกว่านี่คือสิ่งที่ผมพยายามบอกนายแทนไทพบที่โรงแรมเปิดเผยมาเวลากลางวันเปิดเผยคนพามาเป็นนายตำรวจคนหนึ่งซึ่งผมไม่รู้ว่านายตำรวจคนนี้พานายแทนไทไปหาพี่สนธิด้วยหรือเปล่าแต่นายแทนไทพูดไปหาพี่สนธิแต่พี่สนธิไม่เชื่อว่ามันประกอบอาชีพสุจริตอย่างนั้นอย่างนี้”

ตอนที่สองการรับเงินนายชูวิทย์บอกว่า “ไม่ใช่ครั้งแรกที่สีเทามาหาผมก็จริงครับผมยอมรับว่ามีสีเทามาหาผมแต่ไม่ได้หมายความว่าผมหยุดพูดนี่ครับผมมีอยู่ปากเดียวผมพูดหมด”


นายสนธิ กล่าวว่า แต่ที่น่าสนใจคือนายชูวิทย์พูดถึงนายแทนไทครั้งแรกแล้วพอหลังจากลูกชายพามานายแทนไทพบ ไม่รู้ว่าเคลียร์อะไรตกลงกันได้หรือไม่ แต่นายชูวิทย์ก็ไม่พูดถึงนายแทนไทอีกเลย

“เพราะฉะนั้นแล้วเมื่อมองพฤติกรรมและประจักษ์พยานสิ่งแวดล้อมแล้วมีข้อสงสัยมากคุณชูวิทย์ว่าคุณมีอะไรกับคุณแทนไทหรือเปล่าเพราะคุณอ้างว่าคุณไม่เคยหยุดพูดแต่ทำไมแค่ออกเฟซบุ๊กคุณครั้งเดียวแล้วลูกชายพาแทนไทไปพบคุณแล้วคุณก็หยุดพูดไปเลยจะให้คนที่เขาติดตามเรื่องนี้และคนที่หาข้อมูลว่าความจริงมีหนึ่งเดียวเขาจะเชื่อหรือเปล่า” นายสนธิกล่าว

ทั้งนี้ นายชูวิทย์ระบุว่า “ที่รับ(เงิน 6 ล้านบาท) เพราะมาจากนายพลอ.กับป.ซึ่งนำมาให้ผมที่นี่ทั้ง 2ถุงผมก็นำไปบริจาค”

นายสนธิ กล่าวว่า ตรงนี้นายชูวิทย์สอบตกเพราะนายชูวิทย์บอกว่านำไปบริจาค แต่ที่จริงไม่ได้เอาไปบริจาค นายชูวิทย์เอาเข้าบัญชีตัวเองก่อนแล้วค่อยทำแคชเชียร์เช็คไปบริจาคถ้านายชูวิทย์ซื่อสัตย์สุจริตจริงไม่รับเงินสายสีเทาทุนสีเทา ต้องออกมาโวยวายทันทีว่ามีคนเอาเงินมาให้ 6ล้านบาทแล้วเอาไปแจ้งตำรวจลงบันทึกประจำวันไว้ แต่นายชูวิทย์ไม่ทำ


ข้อที่สอง นายชูวิทย์พูดว่า “นายแทนไทได้แปลงร่างและได้มีพี่สนธิพูดอยู่ตลอดแปลงร่างอย่างไร ?แปลงร่างโดยการที่เขาได้ไปทำงานในธุรกิจที่ถูกต้องสิ่งที่ผมพูดผมก็พูดได้แค่ส่วนหนึ่ง”

จะเอาเงินมาให้ 10 ล้าน โดนตะเพิดกลับ

นายสนธิ กล่าวว่า มีเรื่องจะเล่าให้ฟังเรื่องนายแทนไทกับตน มีคนที่พานายแทนไทมาพบเป็นตำรวจระดับผู้กำกับคนหนึ่งขอสงวนชื่อไว้จะเอ่ยชื่อถ้ามีเรื่องคดีขึ้นฟ้องร้องก็จะเบิกตัวคนนี้มาเป็นพยาน

“เอานายแทนไทมานั่งคุยกับผมผมก็ตำหนิติเตียนนายแทนไทไปผมบอกว่าเงินที่คุณได้มานั้นไม่บริสุทธิ์คุณประมูลป้ายทะเบียนตั้งกี่สิบล้านผมเคยตั้งคำถามในรายการผมว่าคุณเอาเงินมาจากไหนแล้วคุณเพิ่มทุนบริษัทคุณภายใน 9เดือนเพิ่มจาก 5ล้านเป็น 900ล้านคุณเอาเงินตรงนี้มาจากไหนก็สรุปง่ายๆว่านายแทนไทรู้ว่าผมไม่รับเคลียร์แน่นอนถ้ามาพูดอย่างนี้ก็เลยกลับไปพร้อมกับนายตำรวจคนนั้น”


นายสนธิ กล่าวต่อว่า หลังจากนั้นอีก 2วันขระที่ตนกำลังยืนอยู่ตรงเก้าอี้นั่งนอกอาคารเอ. บ้านพระอาทิตย์ กำลังพูดคุยกับทีมงาน มีประจักษ์พยานบุคคลอยู่ประมาณ 3คน

“นายตำรวจคนนี้โทรศัพท์มาหาผมบอกว่าพี่ครับพี่จะให้ลูกน้องของนายแทนไทเข้ามาพบพี่ไหมผมบอกว่ามาทำเอี้ยอะไร (ขอโทษที่ต้องใช้คำนี้)ก็มาเจอแล้วไม่ใช่หรือไม่ครับพี่มันเอาเงินมาให้พี่ 10ล้านบาทผมบอกว่าเฮ้ยไอ้ ...มึงบอกให้มันกลับไปเลยนะกูไม่รับบาทนึงกูก็ไม่รับ

“ประจักษ์พยานบุคคลที่รับฟังยืนข้างๆผมรู้ว่าผมพูดโทรศัพท์แบบนี้มีตัวมีตนมี 3คนเอาไว้ขึ้นศาลแล้วผมจะเรียกมาเป็นพยาน

“คุณชูวิทย์ครับผมไม่ได้รับเงินคุณแทนไทจนทุกวันนี้ผมก็ยังสู้กับคุณแทนไทอยู่และผมกำลังจะยื่นฟ้องคุณแทนไทข้อหาแจ้งความเท็จ 2คดีแล้วคดีที่คุณแทนไทฟ้องผมผมกำลังจะขึ้นศาลมีการไต่สวนมูลฟ้อง 1คดีเรื่องการฟอกเงินอีกคดีหนึ่งคือเรื่องบริษัทไมนิ่งโปรหาว่าผมไปกล่าวหาคุณแทนไทว่าเขาลักไฟรัฐซึ่งผมไม่เคยกลัวเลยและผมชนะคดีอย่างแน่นอนที่สุด”


นายสนธิ กล่าวว่านายแทนไทเคยมาหาก่อนจริงแต่ตนก็ยังไม่ได้หยุดที่จะเปิดโปงนายแทไท และที่สำคัญไม่ได้รับเงินเลยแม้แต่บาทเดียวและตนไม่เอาด้วย

“ผมพูดชัดเจนบอกไอ้เอี้ยนั่นเอาเงินกลับไปอย่าเข้ามาในออฟฟิศกูเป็นอัปมงคลมีคนยืนยันและตำรวจคนนั้นก็ได้ยินเพราะตำรวจคนนั้นเป็นคนโทรมาหาผมเอง”

“ท่านผู้ชมครับคุณชูวิทย์ครับเป็นไปได้ไหมว่านายแทนไทเอาเงินมาให้ผม 10ล้านแล้วผมไม่รับเขาก็เลยวิ่งไปหาคุณแทนส่วนคุณจะรับหรือไม่รับผมไม่รู้แต่พฤติกรรมมันส่อให้อดคิดไม่ได้และจังหวะพอดีคุณก็เอาชื่อเขาเขียนลงในเฟซบุ๊กคุณด้วยก็เลยแสดงว่าลูกชายคุณนี่เก่งมากเที่ยวต้อนพวกเว็บพนันออนไลน์สีเทาเข้ามาหาคุณเรื่อยๆคุยรู้เรื่องได้ก็รู้เรื่องส่วนรู้เรื่องแล้วตกลงกันอย่างไรผมไม่รู้แล้วผมไม่ยืนยัน”

เคยปกป้อง “ชูวิทย์” ปมไถเงิน “ตู้ห่าว” 200 ล้าน


นายสนธิ กล่าวว่า จากเรื่องนายแทนไทพิสูจน์อย่างชัดเจนว่าจุดยืนของตนในเรื่องแก๊งพนันออนไลน์เป็นอย่างไรแตกต่างชัดเจนจากนายชูวิทย์ที๋โดนข้อกล่าวหา "แฉไปไถไป"คนเราถ้าจะทำงานอย่างบริสุทธิ์ด้วยจิตที่บริสุทธิ์ ที่บอกว่าถ้าไม่มีนายชูวิทย์เราจะรู้เรื่องทุนสีเทาได้อย่างไรแล้วเราจะเอาตำรวจที่ชั่วๆมาโดนปราบปรามได้อย่างไร

“ท่านผู้ชมครับหยุดคิดสักนิดหนึ่งผมเคยพูดกับท่านผู้ชมใช่ไหมว่าผมได้ข่าวมาว่าในยุคที่คุณชูวิทย์โจมตีตู้ห่าวนั้นตู้ห่าวแจ้งมาจากคนที่เกี่ยวพันกันแล้วมาเข้าหูผมบอกว่าคุณชูวิทย์ไปเรียกทรัพย์สินจากคุณตู้ห่าว 200ล้านบาทถ้าท่านผู้ชมจำได้ผมด่าไอ้หมอนั่นไปบอกว่าไม่จริงเพราะคุณชูวิทย์ไม่ใช่คนอย่างนั้นคุณชูวิทย์ครับผมปกป้องคุณไปแล้วทีหนึ่งแต่พฤติกรรมอย่างนี้มันก็อดทำให้คนที่ฟังผมพูดคิดไม่ได้ว่ามันจะมีความเป็นจริงได้แค่ไหนผมไม่ยืนยันเรื่องนี้แต่ผมเล่าให้ฟัง

“คือผมก็มีคนเข้ามาหาเช่นกันเพื่อชี้แจงหรือแก้ตัวใดๆก็ตามแต่ผมได้กล่าวเตือนไว้อย่างแรกเลยเกี่ยวกับคนรู้จักที่เขามารับนัดให้หนึ่งไม่ต้องเอาเงินทองมาให้ผมเพราะสิ่งที่ผมทำรายการที่ผมทำผมทำอาชีพของผมอยู่คืออาชีพสื่อมวลชนการที่คุณจะให้ผมพูดหรือไม่พูดเรื่องโน้นเรื่องนี้คือการขอร้องไม่ให้ผมทำตามอาชีพผมซึ่งเป็นสิ่งที่ผมยึดมาปฏิบัติมาตลอดชีวิตซึ่งจะเอาเงิน 10ล้าน 100ล้านมาแลกผมก็ไม่ยอม” นายสนธิ กล่าว

เปิดโปงทุกจุดอาณาจักรพนันออนไลน์

นายสนธิได้กล่าวถึง ผังอาณาจักรพนันออนไลน์ที่เคยเสนอผ่านรายการ "คุยทุกเรื่องกับสนธิ" ตอนที่ 180วันศุกร์ที่ 10มีนาคม 2566 ซึ่งพบว่าในภาพรวมอาณาจักรพนันออนไลน์นั้นต่างฝ่ายต่างมีแบ็กหรือเบื้องหลังที่ใหญ่โตกันทั้งคู่

“การที่จะออกมาแฉหรือไม่แฉนั้นเหมือนเดินไต่เส้นเพราะบางครั้งก็เหมือนกับเตะหมูเข้าปากหมาการแฉหรือไม่แฉนั้นมันอยู่ที่ความบริสุทธิ์ใจของเราท่านผู้ชมหลายท่านคงจำได้ว่าเส้นแดงที่ผมขีดคั่นเฉียงๆให้ดูนั้นหมายความว่าอะไร


“ตอนนั้นผมตั้งข้อสังเกตว่าการที่คุณชูวิทย์ซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญในการพนันวงการสีเทาจู่ๆก็ออกมาแฉเรื่องนี้แต่คุณชูวิทย์เลือกแฉเป็นจุดๆละเว้นหลายๆจุดบางคนเอาไว้บางคนพูดแค่หนึ่งครั้งพอลูกชายพามาพบก็หยุดพูดหรือสองครั้งแล้วลืมไปเลยแต่บางคนกลับเลือกที่จะจองล้างจองผลาญเลือกแฉจนสุดซอยอย่างนี้หมายความว่าอย่างไรท่านผู้ชมไปคิดเอาเองก็แล้วกัน

“ผมได้ทำผังอาณาจักรการพนันออนไลน์นี่ขึ้นมาเพื่อตอบโจทย์ดังกล่าวคือผมเอาไฟสปอตไลต์ส่องที่บุคคลเหล่านี้ว่าใครมีบทบาทอะไรอยู่ตรงไหนเกี่ยวกับเรื่องนี้เพื่อสร้างความรู้เท่าทันในสังคมส่วนคนที่มีภาพมีชื่อในแผนผังนี้จะทำอะไรก็ต้องคิดแล้วคิดอีกเมื่อจะทำหรือไม่ทำอะไรโดยแผนผังนี้จะมีการอัปเดตกันไปเรื่อยๆแบบไม่มีที่สิ้นสุดและจะไม่มีการกั๊กด้วยสื่อประชาชนหรือใครต้องการนำไปเผยแพร่ต่อผมยินดีครับ”

คืบหน้าคดี “แทนไท”

นายสนธิได้กล่าวถึงความคืบหน้ากรณีนายแทนไทณรงค์กูลส่งทนายมาฟ้องคดีอาญาและคดีแพ่งข้อหาหมิ่นประมาทเรียกเงินค่าเสียหาย 1,000ล้านบาทตนไม่ได้กังวลอะไรเลยแม้แต่นิดเดียวแล้วนายแทนไทและทนายความนายแทนไทก็รู้เหมือนกันว่าคำให้การของทนายที่รับมอบอำนาจมาให้การนั้นถูกข้อมูลของตนตีตกอย่างแน่นอนที่สุดเมื่อถึงเวลาที่จะต้องเผชิญหน้ากันในศาล


วันพุธที่ 1มีนาคม 2566นายแทนไทให้ทนายคือนายสมพงศ์ตั่นไพบูลย์ผู้รับมอบอำนาจจากบริษัทไมนิ่งโปรให้ยื่นฟ้องคดีอาญาว่าหมิ่นประมาทโดยเอาผิดกับนายสนธิลิ้มทองกุลเรียกค่าเสียหาย 29ล้านบาทตอนนี้ลดจาก 1,000ล้านเหลือ 29ล้านบาทหลังจากถูกกล่าวหาลักไฟหลวงขุดบิตคอยน์ข้อเท็จจริงเป็นอย่างไรจะเอามาเปิดให้ดู

ทั้งนี้ รายการ "คุยทุกเรื่องกับสนธิ"ตอนที่ 177ออกอากาศวันที่ 17กุมภาพันธ์ 2566ได้เปิดคำพิพากษาศาลแพ่งระบุรายละเอียดชัดเจนชี้ให้เห็นว่าจริงๆแล้วที่มาของการร่ำรวยของนายแทนไทกับครอบครัวนั้นไม่ได้มาจากการขายขนมจีบเทรดเงินค่า FOREXหรือเทรดคริปโตอะไรแต่มาจากการพนันออนไลน์นั่นคือคำพิพากษาของศาลแพ่งซึ่งพิพากษาจบเสร็จสิ้นทุกกระบวนการแล้วพิสูจน์ชัดเจนว่าศาลท่านเชื่อว่านายแทนไทเกี่ยวข้องกับการพนันออนไลน์


นอกจากนี้ เมื่อวันพุธที่ 29มีนาคมที่ผ่านมาดีเอสไอได้ประชุมพิจารณาพยานหลักฐานและสรุปความคืบหน้าคดีพิเศษ 6/2566ร่วมกันจัดให้มีการเล่นการพนันและร่วมกันฟอกเงินและดีเอสไอมีมติออกหมายเรียกให้คุณแทนไทมารับทราบข้อกล่าวหาพร้อมพวกอีก 4คนมีนิติบุคคลเป็นชื่อบริษัทที่เกี่ยวข้องกับนายแทนไทและนายแทนไทและผู้ถือหุ้นอีก 2คนรวมอยู่ด้วย

“นี่ไงล่ะครับคุณชูวิทย์ท่านผู้ชมครับนายแทนไทที่คุณชูวิทย์บอกว่าเขาทำงานอาชีพสุจริตเขาแปลงร่างแล้วเขาไม่ได้ยุ่งเกี่ยวโน่นนี่นั่นแต่ในที่สุดแล้วดีเอสไอกำลังจะออกหมายเรียกมาเพื่อรับทราบข้อกล่าวหาวันพุธนี้เองผมเข้าใจว่าไม่เกินอาทิตย์หน้าหมายเรียกคงไปถึงเมื่อหมายเรียกไปถึงคุณแทนไทก็ต้องมามอบตัวแล้วก็ประกันตัวออกไป

“นี่คือคุณแทนไทที่คุณชูวิทย์ออกมาการันตีที่คุณชูวิทย์เขียนลงในเฟซบุ๊กของตัวเองถึงคุณแทนไทแล้วลูกชายของคุณชูวิทย์ซึ่งสนิทกับคุณแทนไทก็พาานายแทนไทมาเจอพ่อเจอแล้วตกลงอะไรกันผมไม่มีสิทธิ์ไปรู้เพราะรู้กันระหว่างคุณชูวิทย์กับคุณแทนไทแต่เอาเป็นว่าหลังจากนั้นแล้วเฟซบุ๊กของคุณชูวิทย์ที่เคยเปิดโปงคนอยู่เบื้องหลังเว็บพนันออนไลน์เงียบสนิทมิหนำซ้ำยังออกมาปกป้องนายแทนไทอีกว่าแปลงร่างแล้ว”

นายสนธิกล่าวต่อว่าการฟอกเงินของนายแทนไทนั้นผ่านนายนอทกองสลากพลัสซึ่งในข้อเท็จจริงนายชูวิทย์ก็คงรู้หรือเปล่า นายชูวิทย์ควรถามลูกชายว่าสนิทสนมกับนายนอทกองสลากพลัสมากถ่ายรูปคู่กันเยอะแยะไปหมดเลยหรืออีกนัยหนึ่งลูกชายนายชูวิทย์สนิทสนมกับกลุ่มทุนสีเทาเยอะมากพอพ่อโจมตีกลุ่มทุนสีเทาลูกชายก็มีหน้าที่พาคนพวกนี้มาพบพ่อ


คดีของนายแทนไทนั้นเป็นการฟอกเงินก้อนใหญ่เพราะว่ามีเงินเข้ามากถึง 200-300ล้านบาทอาจจะเป็นข้อหาการฟอกเงินขาเข้าเอามาให้กู้ยืมเพื่อซื้อสลากแต่เมื่อฟอกแล้วก็เอากลับเข้าไปสู่ระบบกลับเข้าสู่บริษัทไททันแคปปิตอลกรุ๊ปโฮลดิ้งส์ที่อ้างว่าไปลงทุนในบริษัทโน้นบริษัทนี้ทำธุรกิจโน่นทำธุรกิจนี่ทำภาพยนตร์ทำเครื่องดื่มทำธุรกิจออนไลน์มีมูลค่าหลายพันล้านบาท

“แต่ประเด็นที่ผมถามคุณมาตั้งแต่วันแรกที่คุณไปประมูลป้ายทะเบียนรถยนต์ด้วยเงิน 45ล้านบาทแล้วยังไม่ได้รับคำตอบจากคุณเลยว่าคุณเอาเงินมาจากไหนคุณเพิ่้มทุนจดทะเบียนบริษัทของคุณจาก 5ล้านบาทใน 11เดือนเป็น 900ล้านบาทคุณเอาเงินมาจากไหน

“แล้วล่าสุดตามข้อกล่าวหาของดีเอสไอคุณแทนไทกับบบริษัทไททันฯเอาเงินมาจากไหน 200-300ล้านบาทมาให้นอทกองสลากพลัสกู้ยืมจนในที่สุดโดนดีเอสไอจับเส้นทางการเงินแล้วแจ้งข้อกล่าวหา


“นี่ล่ะครับเรื่องราวและวิบากกรรมของคุณแทนไทณรงค์กูลที่เมื่อวันพฤหัสบดีที่แล้ว(นายชูวิทย์)ออกมาแถลงข่าวแก้ตัวแทนคุณแทนไทบอกว่าที่ไม่แฉนายแทนไทต่อและตัดชื่อออกจากสารบบขาใหญ่คนทำธุรกิจพนันออนไลน์ก็เพราะว่านายแทนไทได้แปลงร่างโดยการที่เขาได้ไปทำแปลงในธุรกิจที่ถูกต้อง

“คุณชูวิทย์ครับถ้าทำธุรกิจที่ถูกต้องมันก็มีคำถามต่อ 2คำถามคำถามแรกเงินที่คุณเอาไปทำธุรกิจที่ถูกต้องนั้นเอามาจากไหนนี่เป็นเชือกเส้นแรกที่คล้องคอคุณแทนไทไว้แล้วข้อที่สองถ้าเป็นอย่างที่คุณชูวิทย์อ้างมาเพื่อหาความชอบธรรมในการไม่พูดถึงคุณแทนไทอีกต่อไปหลังจากที่ลูกชายพาคุณแทนไทมาพบคุณแล้วครั้งหนึ่งแล้วคุณชูวิทย์ไม่พูดถึงอีกเลยแล้วบอกว่าเขาแปลงร่างถ้าแปลงร่างอย่างถูกต้องทำไมถึงโดนอีกคดีหนึ่งล่ะจากดีเอสไอข้อหาฟอกเงินแล้วคดีนี้จำนวนเงินที่ฟอกใหญ่มาก

“ท่านผู้ชมครับมีคำพูดหนึ่งในวงการพนันออนไลน์ว่าถ้าแทนไทไม่มีคดีฟอกเงินพัวพันตัวและสามารถวิ่งเคลียร์เรื่องอื่นๆกับผู้มีอำนาจได้แล้วเมื่อสารวัตรซัวถูกกำจัดและกำจัดเครือข่ายเป็นต่อออกจากสารบบคนที่จะผงาดขึ้นมาเป็นใหญ่เจ้าพ่อเว็บพนันไซส์ XLแทนสารวัตรซัวก็คือคุณแทนไทนี่ล่ะครับ” นายสนธิกล่าว




กำลังโหลดความคิดเห็น