xs
xsm
sm
md
lg

เจาะคำพิพากษาศาลแพ่ง ฉีกหน้ากาก “แทนไท วัยรุ่นพนันพันล้าน” - ปปง.พบเส้นทางเงินโยง “นอท กองสลากพลัส-อั้ม พีเอสวี”

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



"สนธิ"เจาะรายละเอียดคำพิพากษาศาลแพ่ง ยึดทรัพย์ แทนไท 176 ล้าน ฐานเกี่ยวข้องพนันออนไลน์ ชี้ชัดข้ออ้างรวยจากขายขนมจีบ ทำตลาดออนไลน์ เทรดฟอร์เร็กซ์-คริปโต เลื่อนลอยไม่มีหลักฐาน ขณะที่เพื่อนสนิท-ลูกพี่ลูกน้องรับสารภาพทำเว็บพนันจริง ล่าสุด ปปง.ยืนยัน “นอท กองสลากพลัส” เร่งถอนเงินหนีอายัด ปลายทางไปเข้าบัญชี “แทนไท” และพบเส้นทางเงินโยงเครือข่ายพนัน “อั้ม พีเอสวี”

ในรายการ “คุยทุกเรื่องกับสนธิ” วันศุกร์ที่ 17 ก.พ.ที่ผ่านมา นายสนธิ ลิ้มทองกุล ผู้ก่อตั้งหนังสือพิมพ์เครือผู้จัดการ ได้เปิดเผยถึงรายละเอียดของคำพิพากษาศาลแพ่ง คดีหมายเลขดำที่ ฟ50/2564 , คดีหมายเลขแดงที่ ฟ101/2565 เมื่อ วันที่ 16 สิงหาคม 2565 ที่มีคำสั่งให้ยึดทรัพย์นายแทนไท ณรงค์กูล และพวก คิดเป็นเงินจำนวน 176,127,860.99 บาท โดยชี้ให้เห็นว่า คำแก้ต่างและร้องค้านของนายแทนไท พ่อ แม่ และผู้ที่เกี่ยวข้องรวม 8 คนนั้นฟังไม่ขึ้น


คำพิพากษาในคดีนี้มีความยาว 53 หน้า มีรายละเอียดที่ทำให้เห็นความเชื่อมโยงต่าง ๆ และเฉลยให้เห็นภาพที่มาของความร่ำรวยของเด็กหนุ่มคนหนึ่งที่มาอายุเพียง 26-27 ปีว่า สามารถร่ำรวยขึ้นมาได้อย่างไร เกิดจากการทำธุรกิจสีเทา หรือ สีดำอะไรบ้าง?

ทั้งนี้ ในคำฟ้องที่นายแทนไท ฟ้องนายสนธิทั้งในคดีอาญาและคดีแพ่ง ในข้อหาหมิ่นประมาท เมื่อวันที่ 3 ก.พ.ที่ผ่านมา ได้ระบุว่านายสนธิพูดใส่ร้ายเขาว่า เป็นเจ้าของเว็บพนันออนไลน์นั้นไม่เป็นความจริง จำเลย(นายสนธิ)โฆษณาข้อความและภาพ โดยเจตนาโน้มน้าวชักจูงให้บุคคลทั่วไปให้รู้สึกเกลียดชังว่าโจทก์(แทนไท)เป็นคนไม่ดี เป็นเจ้าของเว็บไซต์พนันออนไลน์ และร่ำรวยมาจากการทำเว็บไซต์พนันออนไลน์ ซึ่งไม่เป็นความจริง

นายสนธิ กล่าวว่านายแทนไทจะเป็นเจ้าของเว็บไซต์พนันออนไลน์ และร่ำรวยมาจากการเว็บไซต์พนันออนไลน์ หรือไม่นั้น คำพิพากษาศาลแพ่งเมื่อคดีหมายเลขดำที่ ฟ50/2564 , คดีหมายเลขแดงที่ ฟ101/2565เมื่อ วันที่ 16 สิงหาคม 2565 ได้ให้คำตอบไว้อย่างละเอียดแล้ว

เปิด 8 ผู้คัดค้าน (จำเลย) สำคัญเครือข่ายเว็บพนันฟอกเงินของแทนไท


สำหรับคดีนี้ เป็นคดีการกระทำผิดเกี่ยวกับการฟอกเงิน ตามพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ.2542 มีผู้คัดค้าน(หรือกล่าวอีกนัยหนึ่งหากเป็นคดีอาญาก็เป็น “จำเลย”)จำนวน 11 ราย ประกอบไปด้วย
  1. นายแทนไท ณรงค์กูล
  2. บริษัทแทนไท อินดัสตรี้ส์ จำกัด
  3. บริษัทณรงค์กูลเวิลด์ จำกัด
  4. นายอรุวัช ณรงค์กูล
  5. นางปรียาภรณ์ ณรงค์กูล
  6. นายณัฐวุฒิ แก้วสองสี
  7. นายธนพล ณรงค์กูล
  8. นายพิชญ์นันท์ สุวรรณโณ
  9. ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน)
  10. บริษัทราชธานี ลิสซิ่ง จำกัด (มหาชน)
  11. บริษัทฮอนด้า ลีสซิ่ง (ประเทศไทย) จำกัด

โดยในจำนวนนี้เป็นบุคคล และนิติบุคคลที่เกี่ยวข้องกับนายแทนไท ณรงค์กูล จำนวน 8 ราย ส่วนอีก 3 รายนั้น เป็นนิติบุคคลที่ประกอบธุรกิจปกติ ไม่ได้เกี่ยวข้องกับการกระทำผิดเรื่องเว็บพนัน และฟอกเงิน แต่เชื่อมโยงกับคดีนี้เพราะผู้คัดค้านส่วนแรกไปเช่าซื้อรถยนต์กับบริษัทเหล่านี้เท่านั้น

ศาลได้ชี้ให้เห็นว่าผู้ร้องคัดค้านที่เป็นบุคคลและนิติบุคคลทั้ง 8 ราย เกี่ยวข้องเกี่ยวกับเว็บพนันออนไลน์ และการฟอกเงินอย่างไร ดังนี้

เริ่มจากผู้คัดค้านลำดับที่ 1นายแทนไท ณรงค์กูล ลำดับที่ 4นายอรุวัช ณรงค์กูล (พ่อ) และลำดับที่ 5นางปรียาภรณ์ ณรงค์กูล (แม่)

ทั้ง 3 คน พ่อแม่ลูก ได้ก่อตั้งบริษัท และเป็นผู้ถือหุ้นของ 2 บริษัท คือ บริษัทแทนไท อินดัสตรี้ส์ จำกัดผู้คัดค้านลำดับที่ 2 ในคดีนี้ โดยในบริษัทนี้ นางปรียาภรณ์ ณรงค์กูล(แม่นายแทนไท)นอกจากจะถือหุ้นแล้วยังดำรงตำแหน่งกรรมการบริษัท และผู้มีอำนาจลงนามด้วย

อีกบริษัทหนึ่งคือผู้คัดค้านลำดับที่ 3บริษัท ณรงค์กูล เวิลด์ จำกัด โดยบริษัทนี้ พ่อ แม่ ลูก เป็นผู้ถือหุ้น แต่ให้ น.ส.กนกวรรณ วัชระ มาเป็นกรรมการบริษัท

ที่มาที่ไป สามคน พ่อ แม่ ลูก


นายแทนไท ณรงค์กูล มีชื่อเล่นว่า “เบ๊บ” ปัจจุบันอายุ 27 ปี เกิดในครอบครัวข้าราชการกรมป่าไม้ โดย “พ่อ” นายอรุวัช ณรงค์กูล หรือที่เพื่อนฝูงเรียกว่า “เฮียวัช ดอนเมือง” นั้น เป็นลูกจ้างชั่วคราว ตำแหน่งช่างสำรวจ สังกัดสำนักฟื้นฟูและพัฒนาพื้นที่อนุรักษ์ กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืช กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมได้รับเงินเดือน 17,000 บาท

ส่วน “แม่” นางปรียาภรณ์ ณรงค์กูล หรือ “เจ๊จิ๊บ” เป็นพนักงานราชการ สังกัดสำนักจัดการที่ดินป่าไม้ กรมป่าไม้ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม โดยข้อมูลจากคำพิพากษาศาลแพ่ง ระบุว่าทำงานตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม 2548 ถึงวันที่ 10 ตุลาคม 2562 ได้รับเงินเดือนอัตราสุดท้าย 25,440 บาท

ข้อมูลดังกล่าวสอดคล้องกับข้อมูลที่ นิตยสารเถ้าแก่ใหม่ ฉบับ 76 เดือนมีนาคม 2557 เคยกล่าวเกี่ยวกับ ครอบครัวนายแทนไทเอาไว้ดังนี้ คือ

“ ... ‘เบ๊บ’ อาจไม่ใช่คนยากจนแต่ก็ไม่ได้มาจากตระกูลที่ร่ำรวยหรือมีมรดกทิ้งไว้ให้ โดยพ่อแม่ของเขารับราชการกรมป่าไม้ ส่วน ‘เบ๊บ’ ยังศึกษาอยู่ระดับมัธยมปลาย เอกศิลป์-คำนวณ ที่โรงเรียนแห่งหนึ่งในกรุงเทพฯ ‘เบ๊บ’ เริ่มต้นจากการขายของออนไลน์เหมือนวัยรุ่นทั่วไปในยุค ‘โซเชียล ฟีเวอร์’ เขามีคุณสมบัติของนักธุรกิจที่กล้าลงทุน กล้าเสี่ยง และกล้าใช้เงินทำงาน!

“ผมเริ่มต้นจากหุ้นกับเพื่อนเซ้งร้านเกมที่เคยเข้าไปใช้บริการประจำด้วยเงินเก็บที่มีอยู่และจ้างคนดูแลร้าน โดยทำเลตั้งอยู่ย่านหอพักหลัง ม.รังสิต มีนักศึกษาเยอะ ผมจึงคิดหาของมาขายเพื่อเสริมรายได้ซึ่งส่วนตัวรู้จักเพื่อนบ้านที่สนิทกันเขาทำขนมจีบขาย ผมจึงเข้าไปเสนอแนวคิดเพิ่มยอดขายให้โดยจะทำตลาดผ่านสื่อออนไลน์และแบ่งผลกำไรอย่างยุติธรรมและขอสร้างแบรนด์ขึ้นมาใหม่โดยใช้ชื่อของผม คือขนมจีบแทนไท...”


ศาลไม่เชื่อ รวยเพราะขายขนมจีบ-เสื้อยืด

ในปี 2556-2557 หรือเมื่อประมาณ 10 ปีที่แล้ว ขณะที่นายแทนไทยังเป็นวัยรุ่นอยู่ เขากับครอบครัว คงทำธุรกิจขายขนมจีบอย่างจริง ๆ จัง ๆ แต่ประเด็นก็คือ หลายปีต่อมาเมื่อเขาถูกจับข้อหาทำเว็บพนัน และฟอกเงินนั้นเขาดันใช้ข้ออ้างใน การทำธุรกิจขนมจีบแทนไท และขายเสื้อยืดขนมจีบแทนไท ที่มีสโลแกนคือ “ลองจีบแล้วจะติดใจ” ว่าเป็นต้นทางของที่มาของความร่ำรวยหลายร้อยล้านบาทตาม คำพิพากษาศาลแพ่งในหน้าที่ 9-10 ดังนี้

“ผู้คัดค้านที่ 1 (นายแทนไท) ชอบทำธุรกิจมาตั้งแต่อายุ 17 ปี เมื่อประมาณปี 2556 ผู้คัดค้านที่ 1 (นายแทนไท) เริ่มขายขนมจีบ และผลิตเสื้อขนมจีบแทนไทขาย จนประมาณปี 2558 มีรายได้คงที่หลายแสนบาทต่อเดือนและมีเงินเก็บ”


นายสนธิกล่าวว่า ประเด็นคือ ทำธุรกิจขายขนมจีบ กับ ขายเสื้อยืดแบบทำก๊อก ๆ แก๊ก ๆ ปล้วมีเงินรวยเป็นร้อย ๆ ล้านเป็นไปไม่ได้ เพราะ ขนมจีบแทนไทขายลูกละ 3 บาท 50 สตางค์ ซึ่งเขาก็ยอมรับเองกับนิตยสารเถ้าแก่ใหม่เดือนมีนาคม 2557 ว่า ขายได้วันละ 1,500-2,000 ลูก ก็คือ ยอดขาย ตกวันละ 5,000-7,000 บาท(แบบยังไม่หักต้นทุน)ซึ่งถ้าจะมีเงินร้อยล้านจากรายได้จากการขาย “ขนมจีบแทนไท” ต้องขายขนมจีบแบบโดยไม่ต้องหักต้นทุนใด ๆ ไป 14,000 กว่าวัน หรือประมาณ 40 ปี

ด้วยเหตุนี้เพื่อตอบโจทย์ที่มาของความร่ำรวยอย่างมหาศาลกับศาลแพ่ง ให้ได้นายแทนจึงต้องหาสรรหาคำอธิบายต่าง ๆ นา ๆ มารองรับโดยได้ให้การต่อศาลว่าตัวเองนำรายได้จากการขายขนมจีบ และเสื้อยืดขนมจีบแทนไท ไปก่อตั้งบริษัทเพื่อทำการตลาดออนไลน์ คือ บริษัท ณรงค์กูลเวิลด์ จำกัด โดยมีบิดา และมารดาเป็นผู้ถือหุ้นในบริษัทด้วย

บริษัท ณรงค์กูลเวิลด์ จำกัด ประกอบธุรกิจเป็นนายหน้าเกี่ยวกับการตลาด และการสื่อสารออนไลน์ ครอบคลุมโซเชียลเน็ตเวิร์ค และเว็บไซต์ รับโฆษณาสินค้า มีพนักงานทำงานหลายฝ่ายและต้องติดต่อลูกค้าจำนวนมาก และมีการเช่าพื้นที่เพื่อติดตั้งเว็บไซต์ในการดำเนินธุรกิจ รายได้หลักของ บ.ณรงค์กูลเวิลด์ เกิดจากการให้บริการข้อมูลผ่านระบบข้อความตอบรับอัตโนมัติ (sms) ซึ่ง บ.ณรงค์กูลเวิลด์ ทำสัญญารับจ้างมาจากบริษัท เอดี เวนเจอร์ จำกัด (มหาชน)


ในปี 2561 บ.ณรงค์กูลเวิลด์ มีรายได้เป็นเงินรวม 26,122,418.52 บาท และปี 2562 มีรายได้เป็นเงินรวม 36,449,485.25 บาท ต่อมา นายแทนไท ในฐานะกรรมการ บ.ณรงค์กูลเวิลด์ จะถอนเงินสดออกมาเก็บเพื่อรวบรวมไว้สำหรับซื้อทรัพย์สินและลงทุนต่อไป โดยใช้เงินส่วนหนึ่งประมาณ 10 ล้านบาท นำไปลงทุนซื้อขายค่าเงินระหว่างประเทศล่วงหน้าหรือเทรดค่าเงิน (Forex) ตั้งแต่วันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2562 จนได้กำไรจำนวนมาก

โดยในวันที่ 1 ธันวาคม 2563 ได้กำไรคิดเป็นสกุลเงินประมาณ 334,206,390 บาท(จากเงินต้น 10 ล้านบาท งอกเป็น 334 ล้านบาท หรือ ทำกำไรได้ 30 กว่าเท่าในระยะเวลาเพียงปีกว่า ๆ) ซึ่งนายแทนไท ทยอยถอนเงินกำไรออกมาใช้จ่ายและซื้อทรัพย์สินต่าง ๆ รวมมอบให้ พ่อ ตั้งแต่ประมาณเดือนเมษายน 2563 ถึงวันที่ 8 ธันวาคม 2563 รวม 7 ครั้งเป็นเงินรวม 29 ล้านบาทและมอบให้ แม่ ตั้งแต่ประมาณเดือนตุลาคม 2562 ถึงวันที่ 8 ธันวาคม 2563 รวม 8 ครั้งเป็นเงินรวม 28 ล้านบาทเพื่อทดแทนคุณบิดามารดา

เท่ากับว่าในระยะเวลาประมาณปีเดียว ให้เงินพ่อแม่รวมกัน 57 ล้านบาท


นอกจากเอาเงินให้พ่อแม่ 57 ล้านบาทแล้ว นายแทนไทยังเอาไปซื้อรถยนต์หรูอีก 5 คันประกอบไปด้วย
  1. รถ Porsche Macan 2.0 หมายเลขทะเบียน ฉฉ1688 กรุงเทพราคา 3,885,000 บาท
  2. รถ Nissan รุ่น GT-R 50th Anniversary หมายเลขทะเบียน 1ขผ1437 กรุงเทพราคา 8,270,000 บาท
  3. รถ Lamborghini รุ่น Aventador SVJ Roadster หมายเลขทะเบียน ป้ายแดง ก9999 กรุงเทพราคา 49 ล้านบาท
  4. เช่าซื้อรถ Porsche รุ่น 911 Carrera S Coupe หมายเลขทะเบียน จจ1688 กรุงเทพราคา 6,331,794.48 บาท
  5. เช่าซื้อรถ Mclaren รุ่น 720s Coupe หมายเลขทะเบียน 1ขณ5493 กรุงเทพราคา 28,037,383.18 บาท

สรุปรวมแล้วในระยะเวลาเพียงปีเศษ(ตั้งแต่เดือนมิถุนายน 2562 - กรกฎาคม 2563)นายแทนไทเอาเงินซื้อรถจำนวน 5 คันคิดเป็นเงินเกือบ 100 ล้านบาท



นอกจากนี้ยังอ้างกับศาลแพ่งอีกว่า เอากำไรจากการเทดค่าเงินต่างประเทศไปลงทุนซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัล กับ บิทคับ ออนไลน์ จำกัดของนายท้อป จิรายุส ทารัพย์ศรีโสภา จนได้กำไรหลายสิบล้านบาท

สรุปที่มาของความร่ำรวยของนายแทนไทที่อ้าง และให้การกับ “ศาลแพ่ง” ระบุว่ามาจาก
  1. ขายขนมจีบ และเสื้อยืด
  2. ทำการตลาดออนไลน์
  3. กำไรจากการเทรดเงินตราต่างประเทศ (Forex)
  4. กำไรจากการซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัล หรือ เทรดคริปโตนั่นแหละ

ข้ออ้างสาเหตุความร่ำรวยเหล่านี้ของนายแทนไท มีหลักฐานใด ๆ มาสนับสนุน ศาลเชื่อถือหรือไม่?

คำตอบ อยู่ในคำพิพากษาศาลแพ่ง ระบุแยกเป็นประเด็นดังนี้นี้

1.ที่นายแทนไท นำสืบว่าในปี 2556 เริ่มทำธุรกิจขายขนมจีบ และผลิตเสื้อยืดขายมาตั้งแต่อายุ 17 ปี จนในปี 2558 มีรายได้คงที่หลายแสนบาทต่อเดือน และมีเงินเก็บมากพอที่จะทำธุรกิจใหญ่ขึ้น ก็ไม่ปรากฎว่ามีเอกสารที่เป็นหลักฐานบัญชีเงินฝากธนาคาร หรือ บุคคคลภายนอกมาเบิกความรับรอง

2.ที่มีการนำสืบว่านายแทนไท ถอนเงินสดออกจากบัญชีสะสมทรัพย์ของ บ.ณรงค์กูลเวิลด์ มาเก็บเพื่อรวบไว้สำหรับซื้อทรัพย์สินและลงทุนต่อไป ศาลระบุว่า ก็เป็นเพียงการเบิกความลอย ๆ ไม่มีเอกสารใด ๆ อ้างอิงเช่นกัน


3.ส่วนที่เบิกความว่านำเงินไปลงทุนซื้อขายเงินต่างประเทศล่วงหน้าหรือเทรดค่าเงินระหว่างประเทศ (Forex) ตั้งแต่วัน 1 กุมภาพันธ์ 2562 เรื่อยมาจนกระทั่ง ณ วันที่ 1 ธันวาคม 2563 ได้กำไรเป็นเงินประมาณ 334 ล้านบาท แล้วถอนเงินกำไรเมื่อวันที่ 28 ธันวาคม 2563 เป็นเงินประมาณ 302 ล้านบาท จากนั้นำเงินไปซื้อทรัพย์สินต่างๆ นั้น จะเห็นได้ว่าการลงทุนซื้อขายเงินต่างประเทศล่วงหน้า หรือ เทรดค่าเงินระหว่างประเทศ (Forex) ที่นายแทนไท กล่าวอ้างว่าสามารถทำกำไรในช่วงระยะเวลา 1 ปี 10 เดือนเศษ เป็นเงินสูงถึง 334 กว่าล้านบาท นับเป็นเรื่องเกินคาดหมายตามปกติที่บุคคลใดจะสามารถลงทุนด้วยเวลาไม่นาน แต่ได้กำไรเป็นยอดเงินสูงมากถึง 300 ล้านบาทเศษ แต่นายแทนไท กลับไม่นำพยานบุคคลผู้รู้เห็นเกี่ยวข้องกับการลงทุนซื้อขายเงินต่างประเทศล่วงหน้า หรือ เทรดค่าเงินระหว่างประเทศ (Forex) มาเบิกความยืนยัน ทั้ง ๆ ที่เป็นเรื่องสำคัญในคดี

4.คงมีเพียง นายวรวัฒน์ นาคแนวดี ซึ่งเป็นพยานนำของผู้คัดค้านที่ 1(นายแทนไท) เบิกความกล่าวอ้างตนเอง ว่าเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการลงทุนทางการเงิน และการซื้อขายล่วงหน้าอัตราแลกเปลี่ยนค่าเงินระหว่างประเทศสนับสนุนเท่านั้น โดยไม่มีเจ้าพนักงานของรัฐที่เกี่ยวข้องกับการดูแลค่าเงินระหว่างประเทศซึ่งส่งผลกระทบต่อระบบเศรษฐกิจของประเทศไทย เช่น เจ้าหน้าที่กระทรวงการคลัง ธนาคารแห่งประเทศไทย หรือ กระทรวงการต่างประเทศ และไม่นำบุคคลที่เกี่ยวข้องกับการลงทุนและถอนเงินดังกล่าว ได้แก่ พนักงานของบริษัทตัวแทนในการลงทุนซื้อขายเงินต่างประเทศล่วงหน้าของนายแทนไท ที่อ้างว่าอยู่ที่ฮ่องกง และนายหน้าอิสระที่อ้างว่าเป็นผู้รับแลกเงินสดที่เป็นกำไร มาเบิกความรับรองโดยปราศจากเหตุผล

นายวรวัฒน์ นาคแนวดี
5.คำพิพากษาศาลแพ่งยังระบุเกี่ยวกับเรื่อง “การไม่เสียภาษี” ด้วยว่า นายแทนไทนำสืบว่าไม่ได้ยื่นภาษีเงินได้จากการซื้อขายเงินต่างประเทศล่วงหน้า เพราะไม่มีความรู้ว่าจะต้องเสียภาษีหรือไม่อย่างไร เพราะไม่อยู่ในระบบภาษีของประเทศไทยนั้น ก็เป็นเพียงความเข้าใจส่วนตัวของนายแทนไทเอง ส่วนความจริงเป็นอย่างไรนั้น นายแทนไทก็มิได้นำสืบให้ข้อเท็จจริงปรากฎ ทั้ง ๆ ที่อยู่ในวิสัยที่จะทำได้ ด้วยการขอให้ศาลหมายเรียกเจ้าพนักงานสรรพากร อันเป็นหน่วยงานที่รับผิดชอบโดยตรงมาเบิกความอธิบาย ทั้งขัดกับหลักกฎหมายทั่วไปที่ว่า เมื่อบุคคลสัญชาติไทยใดมีเงินได้ บุคคลนั้นจะต้องเสียภาษีอากรให้ประเทศไทย

6.คำพิพากษาศาลแพ่งยังระบุถึงเรื่องน่าเคลือบแคลงสงสัยในการซื้อและเช่าซื้อรถยนต์ราคาแพงเกือบ 100 ล้านบาทของนายแทนไท ในช่วงระยะเวลาเพียงไม่กี่เดือนด้วยว่า “เมื่อพิจารณาช่วงระยะเวลานับตั้งแต่เดือนกรกฎาคม 2562 ถึงเดือนสิงหาคม 2563 ที่นายแทนไท ได้มาซึ่งกรรมสิทธิ์และสิทธิครอบครองรถยนต์ตามทรัพย์สินรายการที่ 5-9 จำนวน 5 คัน ซึ่งล้วนเป็นรถยนต์ราคาแพง มีราคารวมกันเป็นเงินสูงถึง 100 ล้านบาทเศษ นับว่ามีความน่าเคลือบแคลงสงสัยว่า ในช่วงเวลาเพียง 1 ปีเศษ นายแทนไทได้เงินจำนวนมากดังกล่าวมาจากไหน อย่างไร?”


7.ในส่วนของ พ่อ นายอรุวัช ณรงค์กูล และ แม่ นางปรียาภรณ์ ณรงค์กูล ซึ่งนำเงินที่ได้จากลูกไปฝาก และซื้อหุ้นในสหกรณ์ออมทรัพย์ กรมป่าไม้ จำนวนคนละหลายสิบล้านบาท คำพิพากษาศาลแพ่งระบุว่า


“เมื่อพิจารณาถึงอาชีพและรายได้ของ นายอรุวัช และ นางปรียาภรณ์ ณรงค์กูลแล้ว นายอรุวัช ไม่น่ามีเงินออมเหลือเก็บสูงถึง 30 ล้านบาท และ นางปรียาภรณ์ไม่น่ามีเงินออมเหลือเก็บสูงถึงหลักสิบล้านบาท ทั้งมีข้อสังเกตว่า นายอรุวัชนำเงินไปฝากและซื้อหุ้นพิเศษกับสหกรณ์ออมทรัพย์กรมป่าไม้ จำกัด ในช่วงเดือนมีนาคม 2563 ใช้เวลาเพียง 4 เดือนเศษ มียอดเงินสูงถึง 30 ล้านบาท ส่วนนางปรียาภรณ์ นำเงินไปฝากไว้กับสหกรณ์ดังกล่าวตั้งแต่เดือนตุลาคม 2562 ถึงเดือนธันวาคม 2563 เป็นเงินสูงถึง 28 ล้านบาทเศษ


“และจากการตรวจสอบข้อมูลการทำธุรกรรมทางการเงินพบว่า นายอรุวัช เคยมีการฝากเงินเข้าบัญชีเงินฝากธนาคารของนายแทนไท และมีการทำธุรกรรมเชื่อมโยงกับบัญชีเงินฝากของนางปรียาภรณ์ ซึ่งมีความเชื่อมโยงกับบัญชีเงินฝากธนาคารของนายแทนไท ที่เป็นบัญชีเงินฝากวงรอบที่ 4 ที่เกี่ยวข้องกับเว็บไซต์การพนัน www.sagame1688.com และบัญชีธนาคารของนางปรียาภรณ์ มีการทำธุรกรรมเชื่อมโยงกับบัญชีเงินฝากธนาคารของนายแทนไท ที่เป็นบัญชีเงินฝากวงรอบที่ 4 ที่เกี่ยวข้องกับเว็บไซต์พนันเว็บเดียวกันด้วย !!!”

8.คำพิพากษาศาลแพ่ง ยังระบุด้วยว่า นายอรุวัช พ่อนายแทนไท มีเงินฝากมหาศาล หลายสิบล้านบาท แต่ในช่วงระยะเวลา 7 ปี คือระหว่าง ปี 2556-2562 แจ้งสรรพากรว่า ตนมีรายได้ในแต่ละปีไม่ถึง 2 แสนบาท

นายสนธิกล่าวว่าการมอบเงินทดแทนคุณบิดา-มารดาเพื่อแสดงความ “ความกตัญญู” ของนายแทนไทจะกลายเป็นการแสดง “ความอกตัญญู” แทน เพราะได้ข่าวมาว่าทั้ง ป.ป.ง. และดีเอสไอ กำลังจะแยกคดีเกี่ยวกับความสัมพันธ์ทางการเงินระหว่างนายแทนไทกับ พ่อ กับ แม่ รวมไปถึงบริษัทแทนไท อินดันตรี้ส์ และณรงค์กูลเวิลด์ ขึ้นมาเป็นคดีอาญา อีกคดีหนึ่ง เป็นคดีอาญา เนื่องจากมีความเกี่ยวพันกับ ฐานความผิดเกี่ยวกับการฟอกเงิน ตาม พ.ร.บ.ฟอกเงิน มาตรา 5

ซึ่ง คำพิพากษาศาลแพ่ง ก็ระบุไว้อย่างชัดเจนใน หน้าที่ 45 ว่า “เมื่อข้อเท็จจริงฟังได้ว่าบรรดาทรัพย์สินของนายแทนไท เป็นทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำความผิดตามข้อสันนิษฐานตาม พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ.2542

“... ดังนั้น ทรัพย์สินตามรายการที่ 1, 2 ถึง 4, 26 และ 27 ซึ่งเป็นเงินในบัญชีเงินฝากสหกรณ์ หุ้นสหกรณ์ และบัญชีเงินฝากธนาคารที่นายแทนไท ได้มอบหรือโอนให้แก่ นายอรุวัช และ นางปรียาภรณ์ จึงเป็นทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำความผิดตาม พ.ร.บ.ฟอกเงิน พ.ศ.2542 มาตรา 3 ดังกล่าว”


“คุณแทนไทครับคุณอรุวัชคุณปรียาภรณ์คุณรอรับหมายได้เลยรอรับแรงกระแทกเรื่องคดีอาญาความเกี่ยวข้องเกี่ยวกับการกระทำผิดเรื่องฟอกเงินตรงนี้ให้ดีๆก็แล้วกันแล้วถ้าพนักงานสอบสวนที่เกี่ยวข้องกับคดีนี้ยังดึงเช็งเกี่ยวกับการดำเนินคดีอาญาซึ่งเกี่ยวกับนายแทนไทนายอรุวัชนางปรียาภรณ์ซึ่งศาลแพ่งระบุชัดเจนแล้วว่าเป็นการกระทำความผิดตามพ.ร.บ.ฟอกเงินไหนๆคุณจะมีเรื่องกับผมแล้วผมก็จะมีเรื่องกับคุณต่อผมจะไล่ฟ้องมาตรา 157เจ้าหน้าที่เหล่านั้นให้หมดว่าพวกเขาละเว้นการปฏิบัติหน้าที่” นายสนธิกล่าว


9.ในส่วน บริษัทแทนไท อินดัสตรี้ส์ จำกัด และ บริษัทณรงค์กูลเวิลด์ จำกัด ซึ่งเป็นผู้คัดค้านที่ 2 และ 3 ในคดีนี้ ศาลแพ่งก็ชี้ให้เห็นชัดเจนว่า น่าสงสัยว่าอาจมีการจัดตั้งขึ้นมาโดยมีวัตถุประสงค์อื่นที่แอบแฝงมากกว่า และมีพยานระบุชัดว่า บริษัท ณรงค์กูล เวิลด์ นั้นประกอบธุรกิจเกี่ยวกับเว็บพนันออนไลน์ โดยคำพิพากษาในหน้าที่ 40-42 ระบุข้อความเกี่ยวกับเรื่องนี้ดังนี้

“บริษัทแทนไท อินดัสตรี้ส์ จำกัด ประกอบธุรกิจเช่นเดียวกับ บริษัทณรงค์กูลเวิลด์ จำกัด มีการจดทะเบียนตั้งขึ้นเมื่อวันที่ 27 มิถุนายน 2561 โดยไม่ปรากฎเหตุผลว่าเหตุใดจึงต้องมีการจัดตั้ง บริษัทแทนไท อินดัสตรี้ส์ จำกัดขึ้นมาประกอบธุรกิจเช่นเดียวกับ บริษัทณรงค์กูลเวิลด์ จำกัด ที่จดทะเบียนจัดตั้งขึ้นมาก่อนแล้ว คือ เมื่อวันที่ 27 เมษายน 2558 ทั้ง ๆ ที่บริษัททั้งสอง มีนายแทนไท เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่เช่นกัน สถานที่ตั้งก็อยู่ไม่ห่างไกลกัน

“นอกจากนี้เมื่อพิจารณาภาพถ่ายสถานที่ตั้งของ บริษัทแทนไท อินดัสตรี้ส์ จำกัด ตามภาพถ่ายในรายงานการสืบสวนครั้งที่ 11 เอกสารหมาย ร.24 ซึ่งเป็นบ้านเดี่ยว 2 ชั้น ลักษณะเหมือนเป็นที่ใช้พักอาศัยเพียงอย่างเดียว ไม่น่าจะใช้เป็นสถานที่ประกอบธุรกิจจริง กรณีจึงเป็นที่สงสัยว่าอาจมีการจัดตั้ง บ.แทนไท อินดัสตรี้ส์ จำกัด ขึ้นมาโดยมีวัตถุประสงค์อื่นที่แอบแฝงมากกว่า พยานหลักฐานของ บ.แทนไท อินดัสตรี้ส์ จำกัด จึงมีน้ำหนักน้อยไม่สามารถหักล้างข้อสันนิษฐานตาม พ.ร.บ.ฟอกเงิน พ.ศ.2542 มาตรา 51 วรรคสามได้”

นอกจากนี้ในส่วนของ บ.ณรงค์กูลเวิลด์ จำกัด คำพิพากษาศาลแพ่งในหน้า 41 ระบุว่า มีบุคคลชื่อ นายวีกิตติ์ มานะกุล เคยให้ถ้อยคำแก่เจ้าพนักงานตำรวจว่า ตนทำงานให้กับ บ.ณรงค์กูลเวิลด์ จำกัด ซึ่งประกอบธุรกิจเกี่ยวกับเว็บพนันออนไลน์ โดยมีผู้คัดค้านที่ 6ในคดีนี้ คือ นายณัฐวุฒิ แก้วสองสี เป็นหัวหน้าพนักงาน

สรุปแล้วคำพิพากษาของศาลแพ่งชี้ให้เห็นว่า ที่มาของความร่ำรวยนับร้อย ๆ ล้านบาทที่นายแทนไทกล่าวอ้างนั้น ไม่มีหลักฐาน หรือ พยาน ที่น่าเชื่อถือมายืนยันทั้ง ๆ ที่สามารถนำมาเบิกความได้ ขณะที่ในส่วนของการไม่เสียภาษีรายได้จากการซื้อขายเงินตราต่างประเทศ ก็ไม่เคยยื่นแจ้งภาษีใด ๆ โดยอ้างว่าไม่รู้ว่าต้องแจ้ง


เพื่อนสนิท – ลูกพี่ลูกน้อง สารภาพทำเว็บพนัน บัญชีม้า ฟอกเงิน

ส่วนรายละเอียดคำพิพากษาในส่วนของผู้คัดค้านลำดับที่ 6 นายณัฐวุฒิ แก้วสองสี ลำดับที่ 7นายธนพล ณรงค์กูล และลำดับที่ 8นายพิชญ์นันท์ สุวรรณโณ มีดังนี้

นายณัฐวุฒิ แก้วสองสี เป็นเพื่อนสนิทกับนายแทนไท เคยมีคนให้การกับเจ้าหน้าที่ตำรวจว่า บ.ณรงค์กูลเวิลด์ จำกัด ของนายแทนไทกับครอบครัวนั้นประกอบธุรกิจเกี่ยวกับเว็บพนันออนไลน์ โดยมี นายณัฐวุฒิ เป็นหัวหน้าพนักงาน ทั้งยังเป็น “คนรวบรวมเงิน” ที่เก็บรวบรวมมาจากบัญชีม้าต่าง ๆนอกจากนี้ โดยส่วนตัว นายณัฐวุฒิ ยังเคยมีประวัติในการถูกดำเนินคดีเกี่ยวกับการพนันออนไลน์ และศาลตัดสินไปแล้ว


ส่วน นายธนพล ณรงค์กูล และ นายพิชญ์นันท์ สุวรรณโณ ผู้คัดค้านลำดับที่ 7 และ 8 นั้นมีศักดิ์เป็นลูกพี่ลูกน้องกับนายแทนไท โดยข้อมูลและหลักฐานจากเจ้าหน้าที่ระบุว่า ทั้งสองคนมีหน้าที่ตระเวน กดเงินสดจากบัญชีม้าออกจากระบบ เพื่อนำไปมอบให้นายณัฐวุฒิ

โดย นายธนพล ณรงค์กูล อ้างต่อศาลว่า เข้ามาทำงานใน บ.ณรงค์กูลเวิลด์ ในตำแหน่งพนักงานการตลาดออนไลน์ มีหน้าที่ติดต่อประสานงานกับลูกค้า ได้รับเงินเดือน 20,000 บาท และค่าคอมมิชชันต่างหาก เป็นข้ออ้างคล้ายกับนายแทนไท ที่อ้างว่าขายขนมจีบจนรวย


แต่เรื่องของ นายธนพล มาโป๊ะแตก เมื่อวันที่ 12 ตุลาคม 2563 เมื่อเจ้าหน้าที่นำหมายค้นเข้าตรวจห้องชุดของนายธนพล แล้วพบเงินสด 1 ล้านบาท เครื่องตรวจนับธนบัตร สมุดบัญชีธนาคาร และบัตรเอทีเอ็ม โดยเจ้าตัวอ้างว่าเป็นเงินสดจากการขายสาหร่ายอบแห้ง และรับจ้างโฆษณา แต่เมื่อศาลขอพยานหลักฐานเกี่ยวกับการทำธุรกิจสาหร่ายอบแห้ง และรับจ้างโฆษณาเพื่อมายืนยัน นายธนพลกลับไม่มีเอกสารใด ๆ มาแสดง


ส่วน นายพิชญ์นันท์ สุวรรณโณ ซึ่งเป็นลูกพี่ลูกน้องกับนายแทนไท เช่นกันนั้นก็อ้างว่า เข้าทำงานกับ บ.ณรงค์กูลเวิลด์ ในตำแหน่งผู้ผลิตคอนเทนต์ออนไลน์ ได้รับเงินเดือนเดือนละ 16,000 บาท โดยไม่รวมค่าคอมมิชชัน

โดยเรื่องของ นายพิชญ์นันท์ ก็มาโป๊ะแตกอีกเช่นกัน เมื่อ วันที่ 12 ตุลาคม 2563 โดยขณะที่เจ้าตัวถูกตำรวจเรียกตรวจรถยนต์ฮอนด้า ซีวิค หมายเลขทะเบียน 8 กพ 6930 กรุงเทพฯ อยู่ในย่านดอนเมือง ก็พบเงินสด 4 ล้านบาทซุกซ่อนอยู่ พร้อมกับบัตรเอทีเอ็มอีก 26 ใบ

ในเอกสารคำพิพากษาหน้าที่ 27ของศาลแพ่งระบุชัดเจนว่า
“จากการสอบถามปากคำนายพิชญ์นันท์ ให้ข้อเท็จจริงว่าตนเองได้รับการว่าจ้างจากนายณัฐวุฒิ แก้วสองสี เพื่อนสนิทนายแทนไท ให้ทำหน้าที่ในการนำบัตรเอทีเอ็มไปรายการถอนเงินสด และนำไปส่งมอบให้กับนายณัฐวุฒิ โดยนายพิชญ์นันท์ ก็ทราบว่าเงินที่ถอนมานั้นเป็นเงินที่ได้มาจากการเล่นพนันผ่านระบบอินเทอร์เน็ต


“นอกจากนี้ยังมีนายสหพล หรือ โอม ไม่ทราบนามสกุล เกี่ยวข้องกับการดำเนินการขอนายณัฐวุฒิด้วย ซึ่งเมื่อเจ้าพนักงานตำรวจตรวจสอบแอปฯ ไลน์ของนายพิชญ์นันท์ พบว่าเมื่อนายพิชญ์นันท์ไปถอนเงินสดแล้ว จะต้องถ่ายภาพเงินสด และสรุปยอดจำนวน เพื่อแจ้งข้อมูลให้นายณัฐวุฒิทราบ ทั้งนี้ยอดเงินที่มีการถอนออกมานั้นมีพยานหลักฐานเชื่อมโยงว่า ยังมีเงินที่เกี่ยวข้องกับการพนันของเว็บไซต์อื่นด้วย”

ที่สำคัญ ในเอกสารคำพิพากษาของศาลแพ่งหน้าที่ 33 ยังระบุชัดเจนถึงความเชื่อมโยง ระหว่างนายแทนไท กับ ว่า

“จากการตรวจสอบข้อมูลการใช้งานเฟซบุ๊กและอินสตราแกรมของนายแทนไท และแม่ นางปรียาภรณ์ พบว่า นายแทนไทมีความสนิทสนมกับนายณัฐวุฒิ แก้วสองสี, นายธนพล ณรงค์กูล และนายพิชญ์นันท์ สุวรรณโณ โดยเคยมีการร่วมรับประทานอาหาร ร่วมเดินทางโดยนั่งเครื่องบินเจ็ทส่วนตัวเหมาลำ และเคยนำรถยนต์ราคาแพงไปร่วมทดสอบที่สนามแข่งด้วยกัน

“นายแทนไท เองก็เบิกความรับว่า นายณัฐวุฒิเป็นเพื่อนสนิทมานานหลายปี นายณัฐวิฒเป็นผู้คอยช่วยเหลือนายแทนไท ในการเริ่มก่อตั้งบริษัท โดยนายแทนไทไว้วางใจให้นายณัฐวุฒิ ให้ช่วยดูแลการเงินและติดต่อลูกค้า”


คำพิพากษาระบุชัด ขบวนการบัญชีม้า – ฟอกเงิน แบ่งเป็น 4 วงรอบ ก่อนถอนเงินรวบรวมให้ “แทนไท”

ตามคำพิพากษาศาลแพ่งหน้าที่ 46-49ระบุชัดเจนเกี่ยวกับข้อมูลการทำธุรกรรมจากระบบรายงานการทำธุรกรรมผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ของสถาบันการเงิน และ สำนักงาน ป.ป.ง. พบว่าข้อมูลความเชื่อมโยงของเว็บพนันออนไลน์เครือข่ายนายแทนไท ณรงค์กูล นั้นแบ่งเป็น 4 วงรอบ คือ


วงรอบที่ 1 เว็บไซต์ Sagame1688.com ได้ใช้บัญชีเงินฝาก 4 บัญชี ในการรับโอน และถอนเงินให้แก่สมาชิก โดยเป็นบัญชีเงินฝากธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) ทั้งหมด ประกอบไปด้วย2 บัญชี ในการรับโอนเงินจากสมาชิกที่โอนมาเพื่อแลกเป็นเครดิตในการเล่นพนัน คือ ในชื่อน.ส.อวตานนท์และน.ส.พัชรีและอีก 2 บัญชี ในการโอนเงินให้แก่สมาชิกที่ประสงค์จะถอนเงินออกจากระบบเป็นของนายประทิม และนางทองม้วน

วงรอบที่ 2 ใช้บัญชีเงินฝากธนาคารไทยพาณิชย์ อีกเช่นกัน จำนวน 2 บัญชี โดยเป็นชื่อบัญชีของนายจักรพงศ์ พรมมาและนายกมล สุวรรณโชติ

วงรอบที่ 3 โดยบัญชีในวงรอบที่ 2 มีการเชื่อมโยงในการทำธุรกรรมกับบัญชีอื่นอีกหลายบัญชีซึ่งเป็นบัญชีวงรอบที่ 3 ก่อนที่จะเชื่อมโยงไปในบัญชีเงินฝากในวงรอบที่ 4

“พบว่าบัญชีเงินฝากในวงรอบที่ 2 นี้มีการทำธุรกรรมกับบัญชีเงินฝากอื่นอีกหลายบัญชีซึ่งเป็นบัญชีวงรอบที่ 3 และบัญชีเงินฝากวงรอบที่ 3 มีการทำธุรกรรมระหว่างบัญชีเงินฝากวงรอบที่ 3 ด้วยกัน และทำธุรกรรมเชื่อมโยงกับบัญชีเงินฝากวงรอบที่ 1 และวงรอบที่ 2 และยังทำธุรกรรมเชื่อมโยงไปยังบัญชีเงินฝากวงรอบที่ 4 อีก ...”
คำพิพากษาศาลแพ่งในหน้าที่ 47 ระบุ

วงรอบที่ 4 เป็นบัญชีเงินฝากของหลายธนาคารทั้ง ธนาคารกรุงศรีอยุธยา, ธนาคารกสิกรไทย โดยใช้ชื่อของนายธเนศพล บางนิ่มน้อย, นายโชติก์วัฒน์ ตันติคะเนดี และนายพลพงศ์นิเวศ ฉัตรมงคลโชค

ที่สำคัญคือ ในบรรดาบัญชีวงรอบที่ 4 นี้มี บัญชีของ นายณัฐวุฒิ แก้วสองสี เพื่อนสนิทซี้ย่ำปึ้กของนายแทนไท และตัวนายแทนไทเองด้วย


ทั้งนี้ทั้งนั้น เพื่อนสนิท และลูกพี่ลูกน้องของนายแทนไท เป็นคนควบคุมการทำธุรกรรมของบัญชีทั้ง 4 วงรอบ รวมถึงมีบัญชีของตนเองอยู่ในวงรอบที่ 4 ด้วย โดย นายธนพล ณรงค์กูล และ นายพิชญ์นันท์ สุวรรณโณ ซึ่งมีศักดิ์เป็นญาตินายแทนไทนั้นเป็นคนไปตระเวนกดเงินสดตามตู้ ATM ต่าง ๆ เพื่อไปรวบรวมไว้ที่ นายณัฐวุฒิ แก้วสองสี โดยสุดท้ายเงินที่ได้จากการพนันก็ไปตกอยู่ที่นายแทนไท ณรงค์กูล หัวหน้าขบวนการ และเจ้าของเว็บพนัน sagame1688.com

หลักฐานข้อเท็จจริงเหล่านี้เป็นที่มาของการที่ศาลแพ่งพิพากษาเมื่อวันที่ 16 สิงหาคม 2565 สั่งให้ยึดทรัพย์นายแทนไท รวมทั้งหมด 31 รายการ คิดเป็นมูลค่า 176,127,860.99 บาท ซึ่งส่วนใหญ่มีชื่อผู้ครอบครองเป็น นายแทนไท ณรงค์กูล สมทบด้วย นายธนพล ณรงค์กูล นางปรียาภรณ์ ณรงค์กูล นายอรุวัช ณรงค์กูล นายพิชญ์นันท์ สุวรรณโณ และ นายณัฐวุฒิ แก้วสองสี


คำถามถึง“อัยการสูงสุด” กำลังช่วยคนทำผิด เอามือปิดฟ้า !?!

นายสนธิกล่าวต่อว่า ตนได้คำถามไว้ตั้งแต่สัปดาห์ที่แล้วว่า ด้วย พยาน หลักฐาน ที่หนักแน่น และแน่นหนาขนาดนี้ เหตุใดการพิจารณา อัยการ และอัยการสูงสุดในยุคนายสิงห์ชัย ทนินซ้อนซึ่งเพิ่งเกษียณอายุไปเมื่อวันที่ 30 กันยายน 2565จึงสั่งไม่ฟ้องคดีอาญานายแทนไท?

ยิ่งเมื่อมาอ่านคำพิพากษาศาลแพ่งอย่างละเอียดแล้ว ก็ยิ่งเหมือนเป็นคำพิพากษาที่ออกมาการตบหน้า อัยการสูงสุด ที่ก่อนหน้านั้น 6 เดือนมีคำสั่งไม่ฟ้องนายแทนไท

นายสิงห์ชัย ทนินซ้อน
ในการหาคำตอบว่าเหตุใด อัยการสูงสุดในยุค นายสิงห์ชัย ทนินซ้อน จึงมีคำสั่งไม่ฟ้องนายแทนไท ณรงค์กูล ในคดีอาญา จากการทำเว็บพนันออนไลน์ และการฟอกเงิน ผมได้ไล่ย้อน Timeline ไล่เรียง ลำดับเหตุการณ์คดีอาญา และคดีแพ่งของนายแทนไท ณรงค์กูล ข้อหาทำเว็บพนัน และการฟอกเงินเพื่อความเข้าใจง่าย ๆ ดังนี้

วันที่ 13 ตุลาคม 2563 - นายแทนไท ณรงค์กูล กับพวกเจ้าหน้าที่ตำรวจถูกจับกุม โดยในทางคดีนั้นมีการแบ่งแยกคดีออกเป็น 2 สายคือคดีอาญา และคดีแพ่ง

ในส่วนของคดีอาญาแบบคร่าว ๆ หลังถูกจับราว 5 เดือน วันที่ 24 มีนาคม 2564 เจ้าหน้าที่ สน.พญาไท ก็ส่งหนังสือโดยอ้างอิงถึง สำนวนการสอบสวนคดีอาญาที่ 1660/2563 คดีระหว่าง พ.ต.ท.ชิษณุพงศ์ ไหวดี ผู้กล่าวหา กับนายแทนไท ณรงค์กูลและพวก ผู้ต้องหาเกี่ยวกับการพนันออนไลน์ และฟอกเงิน ให้อัยการพิจารณาส่งฟ้อง ก่อนที่อัยการจะตีกลับสำนวน


วันที่ 8 กุมภาพันธ์ 2565 สำนักงานอัยการพิเศษฝ่ายคดีพิเศษ 1 สำนักงานอัยการสูงสุด ลงนามโดยนายสมคิด สายเจริญ อัยการพิเศษฝ่ายคดีพิเศษ 1 ได้ส่งหนังสือ ที่ อส.0016.1/75 ถึงผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ แจ้งคำสั่งเด็ดขาดไม่ฟ้อง นายแทนไท ผู้ต้องหาที่ 1 กับนายวสันต์ ขาวสะอาด ผู้ต้องหาที่ 2 ในความผิดหลายข้อหา

พอรู้ว่าอัยการสูงสุดสั่งไม่ฟ้องในคดีอาญา เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2565 นายแทนไทก็ลิงโลด พอรอดคดีอาญา ในช่วงเวลาเดียวกันก็ก่อตั้ง บริษัท ไททัน แคปปิตอล กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด โดยเพิ่มทุนจดทะเบียนจาก 5 ล้านบาท เป็นเป็น 900 ล้านบาทภายในระยะเวลาเพียงแค่ 7-8 เดือน โดยยังไม่มีการตอบคำถามว่าได้เงินมาจากไหน


นอกจากนี้นายแทนไทยังเอาเงินไปก่อตั้ง และลงทุนในบริษัทต่างๆ คิดเป็นเงินรวมเป็นพันล้านบาท

นอกจากนี้ยังมีหลักฐานชัดว่า บ.ไททัน แคปปิตอล กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด ได้ทำสัญญาร่วมลงทุน และสัญญาค้ำประกัน กับบ.ลอตเตอรี่ออนไลน์ จำกัดของนายนอท พันธ์ธวัช นาควิสุทธิ์ แห่งกองสลากพลัส ซึ่งเป็นผู้ต้องหาคดีฟอกเงิน และถูกยึดทรัพย์อยู่ ณ ปัจจุบัน


ในส่วนของคดีแพ่งเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2564 คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) มีคำสั่งอายัดทรัพย์นายแทนไท และพวกหลายครั้ง และส่งต่อให้อัยการยื่นฟ้องต่อศาล ไม่ทราบว่าระหว่างทางนั้นมีการดึงเช็ง รอให้"คำสั่งเด็ดขาดไม่ฟ้องของอัยการสูงสุด"ออกมาก่อน ในเดือนกุมภาพันธ์ 2565 หรือไม่ จึงค่อยมีการยื่นฟ้องต่อศาลแพ่งเพื่อหวังว่าจะใช้คำสั่งเด็ดขาดไม่ฟ้องของอัยการสูงสุดไปอ้างอิงในศาลแพ่ง

แต่ในที่สุดศาลแพ่งก็ระบุชัดเจนว่า แม้อัยการสูงสุดจะสั่งไม่ฟ้อง แต่พยานหลักฐานต่าง ๆ ที่เชื่อมโยงว่า นายแทนไทกับพวกนั้นกระทำผิดเกี่ยวกับการพนันออนไลน์ และฟอกเงินนั้นชัดเจน จึงมีคำสั่งยึดทรัพย์รวม 31 รายการ เป็นเงิน 176 ล้านบาท ในวันที่ 16 สิงหาคม 2565!

ปปง.ยันชัด “นอท กองสลากพลัส” โอน-ถอนเงิน 300 ล้านเลี่ยงหนีอายัดเข้าบัญชี “แทนไท” ส่อเกลือเป็นหนอน

ล่าสุด เมื่อวันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2566 นายเทพสุ บวรโชติดารา รองเลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินได้รายงานผลการปฏิบัติงานของสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน ประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2564 ต่อที่ประชุมวุฒิสภา


นายเทพสุ กล่าวว่า ชี้แจงกรณีตอนหนึ่งถึง การดำเนินคดีสำคัญ โดยอ้างถึงคดีฟอกเงินของ นายแทนไท ณรงค์กูล นายพันธ์ธวัช นาควิสุทธิ์ หรือ นอท กองสลากพสัส ด้วยนั้น

โดย กรณีนายแทนไท ป.ป.ง. ได้มีการยึดอายัดทรัพย์สินไป 2 ครั้งในข้อหาจัดให้มีการเล่นการพนันทางสื่ออิเล็กทรอนิกส์ ศาลตัดสินถึงที่สุดให้ทรัพย์ตกเป็นของแผ่นดินจำนวน 176 ล้านบาทเศษ ต่อมาพฤติการณ์ของนายแทนไท ที่สังคมรับรู้เป็นการทั่วไป ในการประมูลซื้อป้ายทะเบียน ก็สงสัยว่านำเงินจากไหนมา?


นายเทพสุ กล่าวว่า ตนมีข้อสั่งการให้พนักงานเจ้าหน้าที่ไปตรวจสอบนายแทนไทกับพวกอีก ขอเรียนว่าในการดำเนินการเกี่ยวกับทรัพย์สิน จุดเริ่มต้นของการดำเนินการ คือ ต้องมีประเด็นความผิดมูลฐาน แล้วมีการรายงานตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการประสานงาน เรื่องก็จะเข้าสู่ ป.ป.ง. โดยกองข่าวกรองทางการเงินก็มีหน้าที่สืบสวน เสนอคณะกรรมการธุรกรรม เพื่อมีมติให้ตรวจสอบธุรกรรมหรือทรัพย์สินในแต่ละรายคดีไป ก็คือตรวจสอบเชิงลึกนั่นเอง

โดย คดีนายแทนไท ซึ่งคณะกรรมการธุรกรรมมีมติมอบหมายแล้ว คำสั่งมอบหมาย หรือคำสั่ง ม. ไม่มีกรอบการสิ้นสุด คือในกรณีที่เราพบพฤติการณ์การกระทำความผิดอีก ไม่ว่าจะเป็นความผิดมูลฐานเดิมที่เคยกระทำผิดไว้ หรือเป็นมูลฐานใหม่เราก็ต้องมีการตรวจสอบต่อไป การตรวจสอบเพื่อยึดอายัดทรัพย์สินในครั้งต่อ ๆ ไปที่เราพบ

ในหลักการที่ศาลฎีกาวางไว้คือไม่เป็นการฟ้องซ้ำ ไม่เป็นการฟ้องซ้อน ไม่ดำเนินกระบวนการพิจารณาซ้ำ นั่นก็คือว่าเมื่อพบทรัพย์สินเพิ่มเติมหรือพบการกระทำผิดอีก ก็สามารถยึดอายัดทรัพยสินต่อไปได้ กรณีของนายแทนไทได้มีการสั่งการไปเรียบร้อยแล้วว่าให้ไปตรวจสอบ นอกจากการที่นำเงินจากตรงไหนไปซื้อป้ายทะเบียน ต้องตรวจสอบภาพรวมทั้งหมด

นายเทพสุ กล่าวต่ออีกว่ากรณีของนายแทนไท ยังพบความเชื่อมโยงไปถึงกรณีคดีนายนอท กองสลากพลัส ซึ่งในคดีกองสลากพลัส ปปง. ทำงานร่วมกันกับ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ-กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ)


แต่เนื่องจากคดีนี้ DSI รับเป็นคดีพิเศษแล้ว เขาก็มีหน้าที่หลักในการตรวจสอบพฤติการณ์การกระทำผิดทางอาญา ขณะที่ในส่วนของ ปปง. ตนก็ได้ออกคำสั่งตรวจสอบเบื้องต้น คือในชั้นกองข่าวกรองทางการเงินจะมีคำสั่งซึ่งไม่ใช่ทุกคดีจะมีคำสั่งนี้ ถ้าเป็นคดีที่เราจำเป็นต้องได้รับความร่วมมือจากสถาบันการเงินต่าง ๆ ในชั้นก่อนที่คณะกรรมการธุรกรรมจะมีมติให้ตรวจสอบเชิงลึก เราต้องอาศัยคำสั่งในการตรวจสอบ

ส่วนกรณีที่ นายสมชาย แสวงการ สมาชิกวุฒิสภา ระบุว่า มีข่าวว่าเงินไหลออกไปจากบัญชีนายนอท กองสลากพลัส ทั้ง ๆ ที่ถูกอายัดนั้น ปปง. ยอมรับว่าเป็นความจริง เพราะ ปปง. ในฐานะเป็นหน่วยงานที่กำกับดูแลสถาบันการเงิน ก็ได้รับข้อมูลการรายงานจากธนาคารด้วย ข้อมูลตรงกันพบว่า

ธนาคารรายงาน ปปง. เมื่อ วันที่ 30 มกราคม 2566 ว่าข้อมูล ณ วันที่ 29 มกราคม 2566 บัญชีของ บ.ลอตเตอรี่ออนไลน์ จำกัดมีเงินคงเหลืออยู่ 316 ล้านบาทเศษ

แต่พอ วันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2566มียอดเงินคงเหลือ 10,064 บาทสองวันมีเงินไหลออกไป


ซึ่งในส่วน ปปง. คดีนายนอท คณะกรรมการธุรกรรมมีมติเมื่อวันอังคารที่ผ่านมา (7 ก.พ.) ให้ตรวจสอบสอบธุรกรรม หรือทรัพย์สินนายนอทกับพวก เหตุแห่งการตรวจสอบคือความผิดมูลฐาน เราพบว่ากรณีนายนอทมีเส้นทางการเงินที่เชื่อมโยงไปกับบุคคลที่เคยถูก ปปง. ยึดอายัดในเรื่องยาเสพติด เชื่อมโยงไปถึงนายแทนไท


นอกจากนี้ยังพบว่าเชื่อมโยงไปกลุ่มพนันออนไลน์ คือ กลุ่มนายอั้ม พีเอสวี ด้วย จึงเสนอคณะกรรมการธุรกรรมมีมติโดยไม่มีข้อสงสัยเพราะเชื่อเรื่องข้อมูลทางการเงินที่พบ

หลังจากที่ ปปง. พบว่าใน วันพุธที่ 1 กุมภาพันธ์ 2566 เงินในบัญชี บ.ลอตเตอรี่ออนไลน์ จำกัด เหลืออยู่หมื่นกว่าบาท

ประเด็นต่อมา พบว่ามีข้อมูลการไหลของเงินอย่างรวดเร็วภายใน 2 วัน คือ วันจันทร์ที่ 30 มกราคม 2566 มีการถอนเงินรวม 2 รายการ 22 ล้านบาท วันอังคารที่ 31 มกราคม 2566มีการถอนเงิน 81 ล้านบาท


รวมการทำธุรกรรมถอนเงินโดยไม่ใช่โอนเงินทั้งสิ้น 103 ล้านบาท พบว่าเป็นการโอนเงินจากบัญชี ธ.กสิกรไทย ไป ธ.ไทยพาณิชย์ ซึ่งเป็นชื่อบัญชีของ บริษัทจำกัด ลอตเตอรี่ออนไลน์ รวม 227 ล้านบาท

ประเด็นที่อยู่ระหว่างตรวจสอบ ต้องไปไล่เส้นทางการเงินต่อไปว่า เงินที่ไหลจาก ธ.กสิกรไทย ไป ธ.ไทยพาณิชย์ จากนั้นไปไหนต่อ โดยข้อมูลธุรกรรมทางการเงินของ ปปง. ตรวจสอบพบว่าไหลไปที่ บ.ไททัน แคปปิตอล กรุ๊ป ของนายแทนไท จำนวน 94 รายการ จำนวน 188 ล้านบาท

“อย่างที่ กล่าวคือ นายนอท พันธ์ธวัช แถลงใน วันที่ 31 มกราคม ว่าเขาถูกอายัดทุกบัญชี แล้วทำไมยังมีการทำธุรกรรมได้ เราคงต้องตรวจสอบว่าการแจ้งคำสั่งของพนักงานเจ้าหน้าที่กรมสอบสวนคดีพิเศษแจ้งเวลาไหน เงินไหลออกเวลาไหน นี่คือการตรวจสอบจากฐานข้อมูลที่ ปปง.มี เราต้องขยายผลในทุกมิติในการตรวจสอบ ซึ่งตอนนี้เรามีอำนาจในการดำเนินการแล้ว ที่ผมสะท้อนให้ทุกท่านเห็นว่า เจ้าหน้าที่รัฐเกี่ยวข้องหรือไม่ เพราะเงินไหลออกเพียงแค่ 2 วัน ข้อมูลรั่วไหลหรือเปล่า เราคงไม่ก้าวล่วงไปหน่วยงานที่มีหน้าที่โดยตรง แต่ในการทำงานของ ปปง. เมื่อมีการดำเนินการพบการฟอกเงิน ซึ่งถ้าเชื่อมโยงไปเจ้าหน้าที่รัฐอันนี้ต้องมาพิจารณาเรื่องโทษ 3 เท่าด้วย” นายเทพสุ กล่าว

นายสนธิกล่าวถึงประเด็นนี้ว่า ตนได้ข้อมูลเชิงลึกมาว่างานนี้ทั้งนายนอท พันธ์ธวัช และนายแทนไท พลาดอย่างแรง เพราะการถอนเงินที่เกิดขึ้นชัดเจนว่า นายนอท รู้ตัวว่าจะโดนคดี จึงใช้เวลาสองวัน(วันจันทร์ที่ 30 มกราคม และ อังคารที่ 31 มกราคม 2566)ในการเบิกถอนเงิน เอาไปคืน นายแทนไท


ความผิดที่เกิดขึ้น สำเร็จแล้ว คือ “นอท พันธ์ธวัช” พลาด เพราะพยายามเบิกถอนเงินหนีช่วงโดนสอบสวน และถูกอายัดบัญชี ซึ่งเมื่อตามเส้นเงินไปก็จะพบนายทุน ซึ่งก็คือนายแทนไท ซึ่งนายแทนไทซึ่งรับโอนเงินดังกล่าวก็ย่อเจอข้อหาร่วมกันฟอกเงินด้วย

อย่างไรก็ตาม มีคำถามเพิ่มเติมดังต่อไปนี้
  • ทำไมอายัดบัญชีแล้วถึงยังปล่อยให้มีการถอนเงินไปได้ เจ้าหน้าที่เกี่ยวข้องหรือไม่อย่างไร?
  • ธนาคารที่เกี่ยวพัน โดยเฉพาะธนาคารกสิกรไทย และธนาคารไทยพาณิชย์ ที่ปล่อยให้มีการธุรกรรม ถอนเงินมากผิดปกติ โดยเฉพาะกาถอนเงินโดยไม่ใช่โอนเงินทั้งสิ้น 103 ล้านบาท



นอกจากนี้ หลักฐานจากหน่วยงานต่าง ๆ นั้นปรากฎเป็นที่แน่ชัดว่า นายแทนไทกับพวกยังทำธุรกิจผิดกฎหมายอยู่ จนทำให้มีเงินเป็นพัน ๆ ล้าน โดยในคำฟ้องนายสนธิเรียกเงินชดเชย 1 พันล้านบาท นายแทนไทระบุชัดเจนว่าเขาอายุ 26 ปี มีเงินลงทุนในบริษัทต่าง ๆ มากกว่า 1 พันล้านบาท มีทรัพย์สินทั้งในประเทศ และต่างประเทศอีกหลายพันล้านบาท โดยเขาสามารถใช้เงินทุนที่มีอยู่ดังกล่าวสร้างรายได้อีกไม่น้อยกว่า 1 หมื่นล้านบาท การที่นายสนธิไปแฉ เรื่องของเขา เกี่ยวกับกรณีนายแทนไททำเว็บพนันออนไลน์ และฟอกเงินจนร่ำรวยนั้น เป็นการละเมิดเขารวมแล้วทำให้เขาเสียหายไม่ต่ำกว่า 2 พันล้านบาท แต่เขาประสงค์ ขอเรียกค่าเสียหายแค่ 1 พันล้านบาทพอ

นายสนธิกล่าวย้ำว่า ความวุ่นวาย และความฉิบหายของบ้านเมือง ณ เวลานี้ ที่เกิดขึ้นกับสังคมไทย จากฝีมือของแก๊งพนันออนไลน์ และแก๊งฟอกเงินที่เชื่อมโยงกับนายแทนไท ณรงค์กูล - นายนอท พันธ์ธวัช นาควิสทธิ์ ส่วนหนึ่งก็เป็นผลกระทบที่ตามมาจากความผิดปกติในกระบวนชั้นอัยการ ในยุคอัยการสูงสุดที่ชื่อ นายสิงห์ชัย ทนินซ้อน ที่นำมาสู่“คำสั่งเด็ดขาดไม่ฟ้อง”นายแทนไท กับพวกใน วันที่ 8 กุมภาพันธ์ 2565 เหมือนการปล่อยผีร้ายออกจากหลุม ปล่อยสุนัขออกจากกรง ให้มาหลอกหลอน ไล่กัด และมอมเมาประชาชนด้วยการพนันออนไลน์ จนตัวเองกับพวกร่ำรวยจนสะสมทรัพย์สินได้หลายพันล้านบาท ตนได้เรียกร้องไปแล้วถึง อัยการสูงสุด และหน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้อง ให้มีการหยิบคดีขึ้นมาทบทวนและตรวจสอบใหม่อีกครั้ง

นอกจากคดีนายแทนไท ณรงค์กูล ที่อัยการสูงสุดในยุคนายสิงห์ชัยสั่งไม่ฟ้องแล้ว ในช่วงเวลาใกล้ๆ กัน อัยการสูงสุดยุคเดียวกัน ยังมีการปล่อยขาใหญ่ในวงการเว็บพนันชื่อ mawinbet ซึ่งปัจจุบันเปลี่ยนชื่อเป็น movewinbet ของ “เสี่ยฟลุ๊ค” ซึ่งอายุ 26 ปี พ่อแม่อาชีพขายข้าวแกง ชื่อจริงคือ นายเกียรติศักดิ์เจริญสุข ซึ่งมีอายุอานามไล่เลี่ยกับนายแทนไท แต่มีเงินทองเป็นหมื่นๆ ล้าน และหลุดรอดจากคดีจัดให้มีการเล่นพนันออนไลน์และฟอกเงินไปด้วย


“จริงๆ แล้วเรื่องราวนายฟลุ๊คเสี่ยฟลุ๊คนายเกียรติศักดิ์เจริญสุขเจ้าของเครือข่ายเว็บพนันมาวินเบทมีรายละเอียดน่าสนใจอีกมากและสนุกสนานไม่แพ้นายแทนไทใจเย็นๆผมเข้าไปแตะต้องคุณแน่นอนนายฟลุ๊คผมได้ข่าวว่าคุณมีปู่บุญธรรมไม่ใช่หรือที่ปกป้องคุณอยู่ตอนนี้ผมอยากจะรู้ว่าปู่บุญธรรมของคุณจะปกป้องคุณได้อย่างไรและผมรู้ว่าปู่บุญธรรมของคุณคือใครด้วยแต่ผมขี้เกียจเอ่ยชื่อ

“ผมได้ข่าวว่าหลังจากเสี่ยฟลุ๊คมาวินเบทหลุดรอดคดีไปได้จากคำสั่งอัยการสูงสุดที่สั่งไม่ฟ้องก็เข้าไปสวามิภักดิ์กับผู้ใหญ่คนหนึ่งแล้วก็เรียกผู้ใหญ่คนนั้นว่าปู่บุญธรรมจ่ายเงินให้ประจำเดือนละสิบล้านบ้างยี่สิบล้านบ้าง” นายสนธิกล่าว


ในตอนท้ายรายการ นายสนธิ ได้แสดง "แผนผัง" ที่เคยเปิดเผยบางส่วนในรายการเมื่อสองสัปดาห์ที่แล้ว คือ วันศุกร์ที่ 3 กุมภาพันธ์ สัปดาห์นี้จึงขอขยายภาพแผงผังนี้ให้ชัดเจนขึ้น ซึ่งจะเห็นภาพใหญ่ว่าใครเป็นใคร ใครอยู่ตรงไหนของอาณาจักรมือ วงการพนันออนไลน์ ไม่ว่าจะเป็น
  • นอท กองสลากพลัส
  • แทนไท ณรงค์กูล
  • เอ็ดดี้ พันธ์ณรงค์
  • พี่น้อง 4 บ. เบนซ์-บอส-บิ๊ก-ไบรท์ แห่ง “มาเก๊า 888”
  • ดาบมานัส บ่อนลอยฟ้า กับลูกหลาน ทั้ง ลุค และเฟย
  • รวมไปถึง สารวัตรซัว แห่งเป็นต่อกรุ๊ป ที่กำลังถูกไล่ล่าอยู่ ณ ปัจจุบัน ฯลฯ


“แผนผังนี้มีแค่ภาพกว้างๆ ที่สามารถลงรายละเอียดได้อีกมากแต่ละจุดโดยผมสัญญาว่าจะเอาภาพรวมของผังอาณาจักรมืดวงการพนันออนไลน์มาเล่าให้ฟังว่าเหตุใดณวันนี้อาณาจักรของการพนันออนไลน์จึงเกิดแรงสั่นสะเทือนอย่างมากและต่อเนื่องยาวนานไปหลายเดือนแล้วตั้งแต่ปลายปี 2565 จนถึง 2566 ก็ยังไม่จบ” นายสนธิกล่าว


กำลังโหลดความคิดเห็น