xs
xsm
sm
md
lg

นักวิชาการดังเผยความจริงที่ต้องยอมรับ เหตุ Cs137 ถูกหลอม ชี้ระยะยาวกระทบหนัก

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



นักวิชาการสิ่งแวดล้อมเผยความจริงที่ต้องยอมรับ 5 ข้อเกี่ยวกับสาร “ซีเซียม-137” ถูกหลอม ชี้ในระยะยาวชาวบ้านได้รับผลกระทบแน่ หนักสุดอาจเป็นมะเร็งได้ใน 5-10 ปี วอนภาครัฐเฝ้าระวังสุขภาพของพนักงานและประชาชนและสิ่งแวดล้อม

จากกรณีมีการประกาศตามหาท่อขนาดใหญ่ที่มี “ซีเซียม-137” สารกัมมันตรังสีที่อาจก่อให้เกิดอันตรายต่อสุขภาพหากไม่ได้อยู่ในท่อ หรือถูกแกะออก ซึ่งหายไปจากโรงไฟฟ้าแห่งหนึ่งในพื้นที่ปราจีนบุรี ตั้งแต่วันที่ 14 มีนาคมที่ผ่านมา

ก่อนจะมีการเปิดเผยว่า ท่อสารซีเซียม-137 หายไปตั้งแต่วันที่ 23 กุมภาพันธ์ 2566 แต่โรงไฟฟ้าดังกล่าวเพิ่งทราบเรื่องและแจ้งให้หน่วยงานราชการทราบในวันที่ 10 มีนาคม 2566 จนนำไปสู่การประกาศตามหา ต่อมาผู้ว่าฯ ปราจีนบุรีแถลงยืนยันแท่งเหล็กบรรจุ "ซีเซียม-137" ถูกหลอมในโรงงานพื้นที่กบินทร์บุรี จ.ปราจีนบุรี เบื้องต้นสั่งปิดพื้นที่-หยุดงานทันที เตรียมตรวจเลือดกลุ่มเสี่ยง พนักงานอย่างน้อย 70 คน และชาวบ้านใกล้เคียง

อย่างไรก็ตาม เมื่อวันที่ 20 มี.ค. นายสนธิ คชวัฒน์ นักวิชาการสิ่งแวดล้อมชื่อดัง ได้ออกมาโพสต์ข้อความลงในเฟซบุ๊กส่วนตัว "Sonthi Kotchawat" ระบุ ความจริงที่ต้องยอมรับเพื่อนำไปสู่การจัดการสำหรับ Cs137 ที่ถูกหลอมไปแล้ว โดยได้ระบุข้อความว่า

"1. ข้อมูลกรมโรงงานแท่ง Cs137 ถูกหลอมกับเศษเหล็กแล้วที่โรงงานเคพีพีซึ่งเป็นโรงงานหลอมเหล็กใน อ.กบินทร์บุรี จ.ปราจีนบุรี แล้วได้นำฝุ่นแดง 12.4 ตันในโรงงานไปสู่กระบวนการรีไซเคิลที่ จ.ระยอง ตั้งแต่วันที่ 2 มี.ค. 66

2. กระบวนการหลอมเหล็กในเตาหลอม จะนำเศษเหล็ก (ซึ่งกรณีนี้มีแท่ง Cs137 มารวมด้วย) มาอัดกันเป็นก้อนแล้วเทเข้าสู่เตาหลอมที่มีอุณหภูมิสูงถึง 1,200 องศา ขณะที่เพิ่มความร้อนจะมีฝุ่นเหล็กละเอียดออกมาลอยผ่าน Hood ขึ้นไปสู่ถุงกรองฝุ่น หรือ Baghouse filter ซึ่งจะทำการกรองฝุ่นละเอียดไว้ได้ถึง 90% อีก 10% จะลอยออกไปที่ปลายปล่องสู่บรรยากาศขณะที่ก้นเตาหลอมจะมีตะกรันเหล็ก หรือ Slag ที่เผาไหม้ไม่หมดกองอยู่ด้วย

3. ดังนั้น ที่ปลายปล่องมีฝุ่นละเอียดกับ Cs137 ระบายออกไปสู่บรรยากาศรอบๆ โรงงานหลอมเหล็กซึ่งอาจไปไกลมากกว่า 5 กม. ส่วนฝุ่นแดงกับ Cs137 ในถุงกรองหรือ Baghouse filter จะถูกบรรจุในถุงขนาดใหญ่นำไปรีไซเคิลยังโรงงานบริษัท เอ็น เอฟ เอ็ม อาร์ จำกัด หนองแฟบ ห้วยโป่ง จ.ระยอง เพื่อสกัดธาตุสังกะสีออกมา ซึ่งการสกัดต้องใช้การถลุงที่ใช้ความร้อนสูงจึงอาจมี Cs137 ปนเปื้อนออกมาที่ปลายปล่องสู่บรรยากาศรอบๆ โรงงานนั้นใน จ.ระยองด้วย ส่วนตะกรันเหล็ก หรือ Slag ทราบว่าโรงงานหลอมเอาไปฝังกลบไว้รอบๆ โรงงาน ดังนั้นจึงอาจมีสาร Cs137 ปนเปื้อนในดิน น้ำผิวดิน และน้ำใต้ดินได้

4. สิ่งที่จะเกิดขึ้นในอนาคตหากสาร Cs137 ปะปนในสิ่งแวดล้อมทั้งอากาศ ดิน น้ำผิวดิน น้ำใต้ดิน และอาจเข้าสู่ห่วงโซ่อาหารในระบบนิเวศวิทยาเข้าสู่ร่างกายของมนุษย์ทั้งการหายใจและทางอาหาร เช่น Cs137 ลงในน้ำเข้าสู่ตัวปลาและมนุษย์จับปลามากิน เป็นต้น หรือหายใจเอาฝุ่นของ Cs137 เข้าไปจะสะสมอยู่ในร่างกาย ซึ่งสาร Cs137 จะปล่อยรังสีแกมมาและเบตาออกมา การสลายตัวครึ่งชีวิตใช้เวลาถึง 30 ปี รังสีที่แผ่ออกมาจากฝุ่น Cs137 จะทำให้เซลล์ในร่างกายเกิด Mutation หรือกลายเป็นเซลล์ที่ผิดปกติ บางส่วนของรังสีจะไปกระตุ้นโครโมโซมในยีนส์ให้เปลี่ยนรูป สุดท้ายประมาณ 5-10 ปีก็อาจกลายเป็นมะเร็งได้

5. ผลกระทบต่อสุขภาพในปัจจุบันอาจไม่ค่อยเห็น แต่ระยะยาวหากรับสารนี้เข้าไปไม่ว่าทางการหายใจหรือการกินมีผลกระทบแน่ ดังนั้น ภาครัฐต้องเฝ้าระวังสุขภาพของพนักงานและประชาชนรวมทั้งในสิ่งแวดล้อมและในอาหารสัตว์น้ำ พืช ผัก ผลไม้ที่ปลูกใกล้เคียงโรงงานอย่างน้อย 1-2 ปี ให้แน่ใจว่าไม่มีสาร Cs137 ตกค้างในห่วงโซ่อาหารแล้วจึงค่อยวางมือ ขณะเดียวกันต้องบอกความจริงเกี่ยวกับผลของการตรวจวัดรังสีและผลกระทบต่อสุขภาพให้ประชาชนทราบ รวมทั้งเฝ้าระวังสุขภาพประชาชนกลุ่มเสียงในรัศมี 5 กิโลเมตรอย่างน้อย 5 ปีด้วย"


กำลังโหลดความคิดเห็น