xs
xsm
sm
md
lg

ห่วง "ซีเซียม-137" อยู่ยาว 30 ปี สลายครึ่งเดียว สธ.เฝ้าระวัง 3 อาการ ลุยตรวจสุขภาพคนงาน รอปรมาณูฯ ขีดเส้นกระจาย

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



ปลัด สธ.สั่งเฝ้าระวัง 3 กลุ่มอาการ ผิวหนังเนื้อตาย-ทั่วไป-เม็ดเลือดขาวต่ำ ในกลุ่มผู้สัมผัส-มีโอกาสสัมผัส "ซีเซียม-137" ชี้คนในโรงงานใกล้ชิดสุด ต้องตรวจสุขภาพ ตรวจหาสารในปัสสาวะ ส่วนในอำเภอให้เฝ้าระวังอาการ ส่วนตีวงไกลแค่ไหน ต้องรอดูข้อมูลสอบสวน และเฝ้าระวังจนกว่าสำนักงานปรมาณูฯ พิสูจน์ว่าปลอดภัย เผยสารรังสีสลายตัวเหลือครึ่งเดียวต้องใช้เวลา 30 ปี

เมื่อวันที่ 20 มี.ค. นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีท่อบรรจุสารซีเซียม-137 หายไปจากโรงไฟฟ้าใน อ.ศรีมหาโพธิ จ.ปราจีนบุรี และพบว่ามีการหลอมไปแล้วที่โรงหลอมเขตอุตสาหกรรมกบินทร์บุรี ว่า ขณะนี้สำนังานปรมาณูเพื่อสันติ และจ.ปราจีนบุรี กำลังสอบสวนอย่างใกล้ชิด สธ.ก็มีนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัด (นพ.สสจ.) ปราจีนบุรี ซึ่งเปิดหน่วยปฏิบัติการฉุกเฉิน (อีโอซี) ส่วนหน้าที่จังหวัด เพื่อติดตามสถานการณ์โดยเฉพาะในส่วนที่เกี่ยวข้องกับการดูแลสุขภาพประชาชน ผู้สัมผัส และผู้มีโอกาสสัมผัส รวมถึงเผยแพร่ข้อมูลข่าวสาร ทั้งนี้ สารกัมมันตรังสีมองไม่เห็น ไม่มีสี ไม่มีกลิ่น ไม่มีรส แต่ตรวจจับได้ด้วยเครื่องมือว่า แผ่รังสีหรือไม่ การเกิดพิษขึ้นกับสารแต่ละชนิดที่มีอันตรายแตกต่างกัน ความเข้มข้นสาร ระยะเวลาสัมผัส และระยะห่างในการสัมผัส ก็จะมีความรุนแรงแตกต่างออกไป

นพ.โอภาสกล่าวว่า อาการมีทั้งแบบเฉียบพลัน เช่น สัมผัสใกล้ชิด อยู่ในระยะที่ไม่ห่างนัก มีตั้งแต่อาการทำให้เซลล์มีการเปลี่ยนแปลง โดยเฉพาะเซลล์ที่ไปสัมผัส ผิวหนังอาจมีตุ่มพอง ตุ่มน้ำใส เกิดการอักเสบ หรือเนื้อตายได้ถ้าสัมผัสนานๆ หรืออาการทั่วไป เช่น คลื่นไส้ อาเจียน ปวดหัว ท้องเสีย อุจจาระร่วง ส่วนผลระยะกลาง และระยะยาว ส่วนใหญ่สารกัมมันตรังสีจะไวต่อเซลล์ที่มีการแบ่งตัว เช่น เซลล์เม็ดเลือดขาว หรือเส้นผม ก็จะมีการเฝ้าระวังเชิงรุกใน 3 กลุ่มนี้ คือ 1.กลุ่มมีอาการทางผิวหนังและเนื้อเยื่อ 2.กลุ่มอาการทั่วไป คลื่นไส้อาเจียน และ 3.อาการผิดปกติผิดสังเกต จะมีการลงรายละเอียด เช่น คนมีเม็ดเลือดขาวต่ำกว่าปกติจำนวนมาก ก็ให้ไปสอบสวนสาเหตุร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง


ส่วนขีดวงผู้เกี่ยวข้องนั้น คล้ายเวลาเกิดโรคติดต่อโรคระบาดต้องตีวงใครเสี่ยงสูงสุด ต่ำสุด ส่วนที่กังวลว่าจะกระจายออกไปไกลนอกจังหวัดนั้น ต้องประสานข้อมูลสำนักงานปรมาณูฯ ตรวจสอบ ว่าตัวสารพิษแหล่งก่อเกิดปัญหาขอบเขตอยู่แค่ไหน กระจายตรงไหนอย่างไร แต่อย่างน้อยโดยหลักๆ คือ 1.คนในโรงงานกับละแวกใกล้เคียง ใครสัมผัสกี่คน ซึ่งเป็นกลุ่มเสี่ยงที่สุด ต้องมีการตรวจสุขภาพร่างกายให้ครบถ้วนอย่างใกล้ชิด โดยมีการตรวจสุขภาพทั่วๆ ไป สารปนเปื้อนมีหรือไม่ เช่น ตรวจหาสารซีเซียมในปัสสาวะ เป็นต้น กำลังประสานใกล้ชิดกับสำนังกานปรมาณูเพื่อสันติ ซึ่งมีห้องปฏิบัติการในการตรวจ สธ.จะระดมผู้เชี่ยวชาญมาให้ความรู้ต่อไป

2.บริเวณอำเภอนั้นๆ ให้ดูอาการตนเองมีอาการเกี่ยวข้องไหม และ 3.ใน จ.ปราจีนบุรี เบื้องต้นหลังจัดระบบเฝ้าระวังยังไม่มีอาการผิดปกติใน 3 กลุ่ม แต่คงไปเจาะข้อมูลให้ละเอียดขึ้น ซึ่งหลังจากวันนี้เหตุการณ์ชัดขึ้น ประชาชนตื่นตัวมากขึ้นก็คงต้องทบทวนว่า ระบบเฝ้าระวังเรามีความไวเพียงพอหรือไม่ เพื่อตรวจจับความผิดปกติที่เกิดขึ้นได้ ตอนนี้ต้องปูพรมลงไปตรวจสอบให้แน่ชัดโดยเฉพาะบริเวณละแวกใกล้เคียงโรงงาน ทั้งนี้ จะเฝ้าระวังจนกว่าเหตุการณ์เข้าสู่ภาวะปกติ หรือสำนักงานปรมาณูเพื่อสันติหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิสูจน์ทราบได้ว่ากัมมันตรังสีหมดไปหรือยัง หรือถูกเก็บเรียบร้อยหรืออยู่ในระยะปลอดภัยหรือยัง เหมือน PM 2.5 ต้นเหตุคือแหล่งเกิดสารพิษ ก็ต้องมีการกำจัดหรือทำให้หมดสภาพจึงถือว่าปลอดภัย

"โรคนี้เกิดผลกระทบจากความเข้มข้นกัมมันตรังสี ระยะที่รับสาร ซึ่งคนหนุ่มสาวเกิดอาการได้หมด เราเฝ้าระวังทุกคนที่อยู่ในพื้นที่เกี่ยวข้อง หรือคนมีโอกาสสัมผัส เด็ก ผู้สูงอายุ โรคเรื้อรัง ร่างกายไม่ค่อยดี เวลารับสารต่างๆ อาจทำให้โรคเดิมกำเริบมากขึ้น แต่ย้ำว่าโรคนี้เป็นได้ทุกคน ไม่ได้แปลว่าแข็งแรงแล้วไม่เกิดโรค การเฝ้าระวังต้องอาศัยความเข้มข้น อย่าคิดว่าตัวเองแข็งแรงสัมผัสแล้วจะไม่เป็นอะไร แต่จับตาดูคนกลุ่มเสี่ยงเปราะบางเป็นพิเศษ ส่วนต้องอพยพออกหรือไม่ ให้เป็นการพิจารณาและแถลงจากทางปราจีนบุรีและสำนักงานปรมาณูเพื่อสันติ แต่ สธ.เตรียมทุกอย่างไว้พร้อม ส่วนการตรวจสอบเฝ้าระวังในสิ่งแวดล้อมต้องอาศัยเครื่องมือพิเศษ เป็นหน้าที่ จ.ปราจีนบุรี และสำนักงานปรมาณูเพื่อสันติเฝ้าระวัง" นพ.โอภาสกล่าว


ถามถึงระยะเวลาคงอยู่ของซีเซียม-137 นพ.โอภาสกล่าวว่า ซีเซียม-137 มีครึ่งชีวิต 30 ปี คือ กว่าจะสลายตัวเหลือครึ่งเดียวใช้เวลา 30 ปี ไม่ว่าจะปนเปื้อนอยู่ที่ไหนทั้งสิ่งแวดล้อมหรือร่างกาย ทั้งนี้ หากเทียบเคียงกับเหตุการณ์เมื่อหลายสิบปีก่อนที่สารโคบอลต์ 60 ที่ใช้รักษkคนไข้หลุดรอดหายไป มีคนไปเก็บมามีผู้เสียชีวิต 3 ราย และประสบภัยจำนวนหนึ่ง ซึ่งกรณีซีเซียม-137 ความเข้มข้นไม่เท่ากับโคบอลต์ 60

ถามถึงกรณีนักท่องเที่ยวยกเลิกจองบุ๊กกิ้งมาเที่ยวเพราะกังวล นพ.โอภาสกล่าวว่า ความชัดเจนอยู่ที่จังหวัด ไปสอบสวนโรคแล้ว สารกัมมันตรังสีอยู่ตรงไหนอย่างไร หลอมไปแล้วหรือยัง การตรวจจับกัมมันตรังสีที่มีการรั่วไหลหรือปนเปื้อนในสิ่งแวดล้อมมีมากแค่ไหน หัวใจสำคัญ สธ.กำลังติดตามข้อมูลเรื่องนี้ คนอื่นไม่ต้องกังวลมากเกินไป ต้องติดตามข้อมูลว่าหากอาการผิดปกติ ย้ำว่าไม่แน่ใจไปพบเจ้าหน้าที่สาธารณสุข เพื่อรวบรวมข้อมูลต่างๆ ดูว่ามีความเชื่อมโยงหรือไม่


กำลังโหลดความคิดเห็น