xs
xsm
sm
md
lg

WRS Group ส่ง 4 กลยุทธ์บุกตลาดลักชัวรีไลฟ์สไตล์ ตั้งเป้าขึ้นแท่นผู้นำธุรกิจทั่วอาเซียนภายในปี 2568

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



WRS Group ผู้นำด้านการบริการลักชัวรีไลฟ์สไตล์ของไทย ประกาศแผนขยายธุรกิจครั้งใหญ่ ส่ง 4 กลยุทธ์ขยายฐานตลาดให้บริการลูกค้ากลุ่มผู้มีความมั่งคั่ง (High Net Worth Individual - HNWI) ที่มีศักยภาพสูง นำธุรกิจก้าวขึ้นสู่การเป็นผู้นำของอาเซียนภายใน 3 ปี

กลยุทธ์ทั้ง 4 ด้านที่จะช่วยให้กลุ่มดับบลิวอาร์เอสสามารถขยายตลาดได้อย่างมั่นคง ได้แก่ การนำโมเดลความสำเร็จของธุรกิจในประเทศไทยไปสร้างธุรกิจใหม่ในประเทศเพื่อนบ้านที่มีศักยภาพสูงในอาเซียนและเมืองหลักในเอเชีย (Clone and Go Model) การต่อยอดธุรกิจการบริหารบริการด้านไลฟ์สไตล์ การเข้าซื้อกิจการลักชัวรีไลฟ์สไตล์ที่มีศักยภาพ และการทำธุรกิจอย่างยั่งยืน

นายจักรพันธ์ รัตนเพชร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มดับบลิวอาร์เอส (World Reward Solutions-WRS) กล่าวว่า “อาเซียนเป็นภูมิภาคที่มีการเติบโตสูงที่สุดแห่งหนึ่งของโลก โดยมีลูกค้าที่มีความมั่งคั่งสูง หรือ HNWI อยู่เป็นจำนวนมากและมีแนวโน้มที่จะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ กลุ่มดับบลิวอาร์เอสเองประสบความสำเร็จมากในธุรกิจลักชัวรีไลฟ์สไตล์ประเทศไทย เราได้รับความไว้วางใจจากองค์กรชั้นนำของไทยกว่า 50 แห่ง โดยธุรกิจ Luxury Concierge and Lifestyle Management ของกลุ่มดับบลิวอาร์เอสในประเทศไทยสร้างรายได้มากกว่า 150 ล้านบาทในปี 2565 และเชื่อมั่นว่าในปีนี้ จะทำรายได้ก้าวกระโดดไปอีกเป็น 250 ล้านบาท

“จากประสบการณ์และความสำเร็จตลอด 15 ปีที่ผ่านมาของผู้บริหาร และ 5 ปีของกลุ่มดับบลิวอาร์เอสในธุรกิจลักชัวรีไลฟ์สไตล์ เราเชื่อมั่นว่าจะสามารถขยายฐานธุรกิจไปทั่วภูมิภาคอาเซียน โดยใช้กลยุทธ์ Clone and Go Model เพื่อก้าวสู่ประเทศเพื่อนบ้านที่มีกลุ่มลูกค้า HNWI ในระดับใกล้เคียงกัน ประกอบกับลูกค้าที่บริษัทฯ ดูแลเป็นบริษัทหรือธนาคารระดับภูมิภาคที่มีสาขาอยู่ในอาเซียนและทวีปเอเชียอยู่แล้ว เราจึงได้รับความไว้วางใจและได้รับการแนะนำต่อให้ลูกค้าในต่างประเทศได้ไม่ยาก” นายจักรพันธ์กล่าว

กลุ่มดับบลิวอาร์เอส เป็นผู้นำด้านบริการลักชัวรีไลฟ์สไตล์ของไทยที่มีธุรกิจในเครือ 4 กลุ่ม ได้แก่ ธุรกิจจัดหาสิทธิพิเศษและสิทธิประโยชน์ทั่วโลก ธุรกิจการพัฒนาแพลตฟอร์ม แอปพลิเคชัน และเทคโนโลยี ธุรกิจการบริการขนส่งทางบก เช่น รถลิมูซีน การส่งของที่มีมูลค่าสูง และธุรกิจคอนเซียร์จ (Concierge) 

สำหรับกลยุทธ์แรก คือ การนำโมเดลความสำเร็จจากประเทศไทยไปสู่ประเทศเพื่อนบ้าน โดยกลุ่มดับบลิวอาร์เอสตั้งเป้าจะขยายธุรกิจให้ครอบคลุมภูมิภาคอาเซียนและเมืองหลักในเอเชีย เริ่มจากประเทศเวียดนาม กัมพูชา และสิงคโปร์ในปี 2566 นี้ และจะขยายไปยังตลาดสำคัญอื่นๆ ทั่วเอเชีย เช่น ฮ่องกง จีน ซาอุดีอาระเบีย และดูไบ ภายในปี 2568

นายจักรพันธ์กล่าวเสริมว่า เวียดนามเป็นประเทศที่มีศักยภาพสูง และมีการเติบโตทางเศรษฐกิจสูงที่สุดในอาเซียน โดยมี GDP สูงถึง 8% กลุ่มลูกค้า HNWI ในเวียดนามมีการขยายตัวอย่างรวดเร็ว เห็นได้ชัดจากการที่แบรนด์สินค้าลักชัวรีระดับโลกได้เริ่มเข้ามาทำตลาด รวมถึงธนาคารที่มีเครือข่ายทั่วโลกก็ได้เข้ามาให้บริการมากขึ้นโดยเฉพาะกับกลุ่ม HNWI นอกจากนี้ การท่องเที่ยวยังเป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ผลักดันให้เศรษฐกิจของเวียดนามมีการขยายตัวอย่างรวดเร็ว

ในการบุกตลาดเวียดนาม บริษัทฯ ได้ร่วมเป็นพันธมิตรกับโอเรียนทอล มีเดีย กรุ๊ป ซึ่งทำธุรกิจสื่อไลฟ์สไตล์ชั้นนำของเวียดนาม และเป็นเจ้าของนิตยสารไลฟ์สไตล์ระดับไฮเอนด์ เพื่อเจาะเข้าสู่กลุ่มลูกค้าเป้าหมาย และเริ่มวางรากฐานการให้บริการต่างๆ ของกลุ่มดับบลิวอาร์เอส อาทิ บริการ Concierge หรือผู้ช่วยส่วนตัว โดยเจ้าหน้าที่ที่มีประสบการณ์ของกลุ่มดับบลิวอาร์เอสจะเป็นผู้ช่วยอำนวยความสะดวกต่างๆ ด้านไลฟ์สไตล์ เช่น การจองตั๋ว ร้านอาหาร บริการรถลิมูซีน บริการขนส่งของที่มีมูลค่าสูง

นอกจากนี้ กลุ่มดับบลิวอาร์เอสยังได้ร่วมเป็นพันธมิตรกับบริษัทชั้นนำในตลาดเป้าหมาย ได้แก่ กลุ่มพรีเมียร์กรุ๊ป ในประเทศกัมพูชา และกลุ่ม Omnia Group ในประเทศสิงคโปร์ เพื่อให้บริการไลฟ์สไตล์มีระดับ

กลยุทธ์ที่ 2 ซึ่งเป็นการต่อยอดธุรกิจการบริหารบริการด้านไลฟ์สไตล์ในประเทศไทยนั้น กลุ่มดับบลิวอาร์เอสได้ขยายเครือข่ายพันธมิตรที่เป็นผู้ให้บริการไลฟ์สไตล์ระดับลักชัวรีเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง เพื่อสนับสนุนการให้บริการแบบมีระดับ เช่น ร้านอาหารแบบไฟน์ไดนิ่ง หรือกิจกรรมไลฟ์สไตล์อื่นๆ

นอกจากนี้ กลุ่มดับบลิวอาร์เอสยังจะใช้กลยุทธ์การเข้าซื้อกิจการลักชัวรีไลฟ์สไตล์อื่นๆ ที่มีศักยภาพเพื่อเสริมฐานธุรกิจให้แข็งแกร่งมากขึ้น สามารถให้บริการที่ครอบคลุมและตอบโจทย์ลูกค้ากลุ่ม HNWI ได้ตรงจุดมากยิ่งขึ้น โดยในปัจจุบันบริษัทฯ กำลังศึกษาความเป็นไปได้ที่จะเข้าซื้อกิจการที่มีศักยภาพเหล่านี้ 

กลยุทธ์ที่ 4 คือ การให้ความสำคัญต่อการพัฒนาธุรกิจอย่างยั่งยืนด้วยความใส่ใจสิ่งแวดล้อมและบริหารงานด้วยธรรมาภิบาล บริษัทฯ ให้ความสำคัญต่อการเลือกคู่ค้าที่มีปรัชญาในการทำธุรกิจที่ให้ความสำคัญด้านสิ่งแวดล้อม เพราะตระหนักดีว่าการอยู่ร่วมกันในสังคมโลก ทุกองค์กรต้องปฏิบัติตามกฎกติกาที่ร่วมกันกำหนดขึ้น เพื่อรักษาและใช้ทรัพยากรธรรมชาติที่มีอยู่อย่างจำกัดให้เกิดประโยชน์สูงสุด สามารถอนุรักษ์
และส่งต่อไปยังคนรุ่นต่อๆ ไปในอนาคตได้ นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังมุ่งเน้นการเป็นผู้นำด้านการสร้างสรรค์บริการ กิจกรรมเพื่อสังคม ความยั่งยืน เพื่อเพิ่มคุณค่าให้ลูกค้าทั้งที่เป็นองค์กรและบุคคลเกิดความมั่นใจและสนับสนุนแบรนด์ดับบลิวอาร์เอสในระยะยาว

ทั้ง 4 กลยุทธ์หลักเหล่านี้เป็นการพัฒนาขึ้นมาจากความสำเร็จ ประสบการณ์ในการดำเนินงาน และวิสัยทัศน์ของผู้บริหาร ที่ทำให้บริษัทฯ มีการปรับตัวได้อย่างรวดเร็ว เช่น ในช่วงที่โควิด-19 เริ่มระบาด กลุ่มดับบลิวอาร์เอสได้สร้างแบรนด์ White Glove Service ที่นำส่งสินค้าแบรนด์เนม อาหารจากร้านระดับมิชลินหรือโรงแรม 5 ดาวส่งตรงถึงบ้านลูกค้ากลุ่ม HNWI ของไทยที่มีมากกว่า 50,000 ราย ซึ่งเป็นการเติมเต็มช่องว่างในตลาดที่ผู้ให้บริการส่วนใหญ่จับเฉพาะกลุ่มผู้บริโภคทั่วไป หลังจากนั้น กลุ่มดับบลิวอาร์เอสได้ปรับโมเดลธุรกิจเป็นแบบไฮบริด ผสานการดูแลลูกค้าทั้งแบบออนไลน์และออนไซต์ เช่น การนำเชฟระดับมิชลินไปปรุงอาหารถึงบ้านลูกค้า การเปิดบริการ Health Butler พร้อมรถรับส่งดูแลผู้ใหญ่ไปทำธุระ ไปพบแพทย์โดยมีบัตเลอร์เป็นผู้ดูแล การจองสิทธิประโยชน์ต่างๆ ผ่านแอปพลิเคชันที่บริษัทพัฒนาขึ้น เป็นต้น ซึ่งความสำเร็จเหล่านี้ทำให้ดับบลิวอาร์เอสได้รับเลือกให้เป็นผู้ให้บริการ Smart Concierge Application ในการประชุม APEC CEO Summit 2022 ที่ประเทศไทยเป็นเจ้าภาพในปีที่ผ่านมา รวมถึงการดูแลแขกวีไอพีจากต่างประเทศให้แก่หน่วยงานรัฐบาล

“ตลอดระยะเวลาหลายปีที่ผ่านมา ความสำเร็จของกลุ่มดับบลิวอาร์เอสเกิดจากความสามารถในการปรับตัวและมองหาช่องทางที่จะสร้างโอกาสทางธุรกิจ กลุ่มดับบลิวอาร์เอสหวังเป็นอย่างยิ่งว่าเราจะสามารถใช้ประสบการณ์เหล่านี้ไปต่อยอดเพื่อสร้างความสำเร็จและการเติบโตอย่างยั่งยืนได้ในอนาคต” นายจักรพันธ์กล่าวสรุป
กำลังโหลดความคิดเห็น