เทสลาเปิดเผยค่าธรรมเนียมการจอดค้างในช่องจอดสำหรับชาร์จ Supercharger หลังเปิดให้บริการในประเทศไทยเป็นแห่งแรกที่ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์ หากสถานีมีการใช้งานมากกว่า 50% คิด 12 บาทต่อนาที แต่ถ้ามีผู้ใช้งานเต็ม 100% คิด 24 บาทต่อนาที ถ้าไม่อยากถูกปรับต้องนำรถออกภายใน 5 นาทีไม่เสียเงิน
วันนี้ (16 ก.พ.) จากกรณีที่บริษัท เทสลา (ประเทศไทย) จำกัด (Tesla) ผู้จัดจำหน่ายรถยนต์ไฟฟ้าเปิดสถานีชาร์จรถยนต์ที่ชื่อว่า Supercharger แห่งแรกในกรุงเทพฯ อย่างเป็นทางการ ที่ลานจอดรถชั้นใต้ดิน ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์ ถนนราชดำริ เขตปทุมวัน กรุงเทพฯ โดยมีแท่น Supercharger จำนวน 9 ตัวเปิดให้บริการ ผู้ขับขี่สามารถชาร์จได้ระยะทางสูงสุด 308 กิโลเมตร ในเวลาเพียง 15 นาที และจะเปิดตัวป็อปอัพสโตร์แห่งใหม่ในศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์ ชั้น 1 บริเวณ Beacon Zone
อ่านประกอบ : Tesla เปิด สถานี Supercharger แห่งแรกที่ เซ็นทรัลเวิลด์
รายงานข่าวเพิ่มเติมระบุว่า เทสลาได้เปิดเผยค่าธรรมเนียมการจอดค้างในช่องจอดสำหรับชาร์จ Supercharger บนเว็บไซต์ https://www.tesla.com/th_TH/support/supercharger-idle-fee เพื่อให้ช่องจอดมีความพร้อมใช้งานสำหรับลูกค้าคนอื่นๆ และแก้ปัญหากรณีที่ลูกค้าบางคนจอดรถทิ้งไว้ในช่องจอด ทำให้ผู้ใช้รถยนต์เทสลาคนอื่นไม่มีช่องจอดสำหรับชาร์จไฟดังกล่าว
สำหรับประเทศไทย เทสลาได้กำหนดค่าธรรมเนียมการจอดค้างในช่องจอดสำหรับชาร์จ หากสถานีมีการใช้งานมากกว่า 50% จะคิดเป็นจำนวน 12 บาทต่อนาที และเมื่อสถานีมีลูกค้าใช้งานเต็ม 100% จะคิดเป็นจำนวน 24 บาทต่อนาที แต่หากเคลื่อนย้ายรถภายใน 5 นาที จะยกเว้นค่าธรรมเนียมการจอด
ทั้งนี้ แอปพลิเคชัน Tesla จะมีการแจ้งเตือนเมื่อการชาร์จใกล้จะเสร็จสมบูรณ์ และเตือนอีกครั้งเมื่อชาร์จเต็มแล้ว โดยค่าธรรมเนียมจะมีผลก็ต่อเมื่อเซสชันซูเปอร์ชาร์จเสร็จสมบูรณ์แล้วเท่านั้น ในจุดนั้นรถจะไม่มีการซูเปอร์ชาร์จอีกต่อไป และจุดสำหรับคนขับรถคนต่อไปน่าจะใช้บริการได้ โดยจะเรียกเก็บเงินอัตโนมัติผ่านบัญชี Tesla ของลูกค้า
อย่างไรก็ตาม ทางเทสลาได้ขอให้เคลื่อนย้ายรถออกจาก Supercharger เมื่อชาร์จเต็มแล้ว และไม่ควรจอดรถทิ้งไว้ ซึ่งเทสลาคาดหวังว่าจะไม่ทำรายได้จากค่าธรรมเนียมเหล่านี้ แต่เป็นไปเพื่อสร้างประสบการณ์ที่ดียิ่งขึ้นสำหรับเจ้าของรถทุกคน เพิ่มประสิทธิภาพเครือข่าย Supercharger และประสบการณ์ของลูกค้าให้ดียิ่งขึ้นไปอีก