xs
xsm
sm
md
lg

#MGRTOP7 : ย.ยักษ์ใต้เตียงการเมือง | เสี่ยเบนท์ลีย์เมาไม่เป่า อ้างเจ็บหน้าอก | รวมไทยสร้างตู่

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



รวบตึงทุกเรื่องราว คัดข่าวเด็ด เบ็ดเสร็จในที่เดียว ... MGR Online ขอนำเสนอ “Top 7 ข่าวฮอตในรอบ 7 วัน” สรุปข่าวเด่น ประเด็นฮอตที่พลาดไม่ได้ เป็นประจำทาง mgronline.com

(สรุปข่าวประจำวันที่ 1 - 15 ม.ค. 2566)


อันดับ 1 : ย.ยักษ์ใต้เตียงการเมือง ทนายตั้มแฉอดีตรองนายกฯ สวมชู้ ยงยุทธสู้กลับอ้างไม่จริง งานนี้โต้กันนัว

เรื่องฉาวคาวน้ำกามการเมืองไทยสนั่นโซเชียลฯ เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 7 ม.ค. นายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือทนายตั้ม โพสต์ภาพและข้อความในเพจเฟซบุ๊ก ระบุว่า ผัวช็อก เจอภาพเมียเป็นชู้กับอดีตรองนายกรัฐมนตรี ต่อมาเปิดเผยอักษรย่อ "ย." เผยแชตไลน์ใช้คำว่า “จ๊ะผัว-จ๊ะเมีย” สืบเนื่องมาจากฝ่ายชายปรึกษาเรื่องฟ้องหย่าภรรยา ฟ้องชู้ที่เป็นอดีตรองนายกรัฐมนตรี แต่ถูกข่มขู่ ปรากฎว่าเมื่อทนายตั้มแถลงข่าวเสร็จ นายยงยุทธ วิชัยดิษฐ อดีตรองนายกรัฐมนตรี และอดีตหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ระบุว่า ทราบเรื่องนี้หมดทุกอย่างแล้ว กำลังจัดการอยู่ อยากให้พรรคเพื่อไทยขับนายษิทราออกมาจากพรรค ยืนยันไม่ใช่ตนแน่นอน

ต่อมามีรายงานข่าวว่า อดีตรองนายกรัฐมนตรี ย. แจ้งความกับ พ.ต.ท.วันชัย พันธพัฒน์ สว. (สอบสวน) สน.บางยี่ขัน ให้เอาผิดกับ น.ส.ธ. นาย ก. ผู้เป็นสามี นาง ข. มารดาของ น.ส.ธ. และนาย พ. บิดาของ น.ส.ธ ในข้อหาร่วมกันฉ้อโกง อ้างว่าฝ่ายหญิงหลอกว่ายังไม่ได้แต่งงาน จึงไปสู่ขอและมอบทรัพย์สินรวมเกือบ 20 ล้านบาท ทำให้ทนายตั้มตอบโต้ว่า ถ้ามีพิธีสู่ขอต้องมีภาพหลักฐาน ส่วนตัวเชื่อว่าไม่มี แต่เป็นการสร้างเรื่องเพื่อหาเหตุเอาทรัพย์สินคืน ก่อนที่วันต่อมานำชายผู้เสียหายแจ้งความกลับอดีตรองนายกรัฐมนตรีชื่อย่อ ย. ในข้อหาแจ้งความเท็จ และแฉว่าเพิ่งเซ็นใบหย่ากับภรรยาเมื่อวันที่ 9 ม.ค.ที่ผ่านมา


อันดับ 2 : เสี่ยเบนท์ลีย์ชนสนั่นทางด่วน อึ้งเมาไม่เป่าอ้างเจ็บหน้าอกขอตรวจเลือด ผงะพบสารเสพติดในร่างกาย

อุบัติเหตุเสี่ยคนดังซิ่งรถหรูชนสนั่นทางด่วน เกิดขึ้นเมื่อเวลา 01.00 น. วันที่ 8 ม.ค. เกิดอุบัติเหตุรถยนต์หรูยี่ห้อเบนท์ลีย์ รุ่นคอนติเนนตัล จีที สีเทา ที่มีนายสุทัศน์ สิวาภิรมย์รัตน์ นักธุรกิจ และนายทุนพรรคเศรษฐกิจใหม่ สมัยที่นายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์ เป็นหัวหน้าพรรค ชนกับรถยนต์มิตซูบิชิ ปาเจโร่ สีดำป้ายแดง และรถกระบะดับเพลิง อปพร.บางรัก บนทางพิเศษเฉลิมมหานคร มุ่งหน้าดินแดง แขวงช่องนนทรี เขตยานนาวา กรุงเทพฯ มีผู้บาดเจ็บ 8 ราย ปรากฎว่านายสุทัศน์ปฏิเสธเป่าตรวจวัดปริมาณแอลกอฮอล์ในเลือด อ้างว่าเจ็บหน้าอก แต่ขอตรวจเลือดแทน ก่อนที่ผลการตรวจอยู่ที่ระดับเพียง 10 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์

เรื่องนี้เป็นที่เคลือบแคลงสงสัยแก่สังคมว่าตำรวจเอื้อประโยชน์ให้แก่นายสุทัศน์หรือไม่ ทำให้ พล.ต.ต.จิรสันต์ แก้วแสงเอก รอง ผบช.น. ออกแถลงการณ์ว่า แจ้งข้อหาเมาแล้วขับเพิ่มเติม ฝากขังต่อศาลอาญากรุงเทพใต้ ศาลอนุญาตให้ประกันตัวตีราคา 1 แสนบาท วันต่อมาตำรวจแถลงเปิดเผยผลการตรวจเลือดของนายสุทัศน์ พบสารเสพติด ประเภทยาไอซ์ ยาเค และพบยานอนหลับในปัสสาวะ ซึ่งตำรวจเตรียมเรียกแจ้งข้อกล่าวหาเพิ่ม ขณะที่นายสุทัศน์ยอมจ่ายค่ารักษาพยาบาลผู้บาดเจ็บจากรถยนต์มิตซูบิชิ ปาเจโร่ สีดำป้ายแดง พร้อมปิดค่างวดรถรวม 2 ล้านบาท ส่วนเจ้าหน้าที่กู้ภัยชดใช้ 8 แสนบาท


อันดับ 3 : รวมไทยสร้างตู่ ลั่นไม่อยากอยู่ต่อ แต่ประเทศต้องไปต่อ บิ๊กป้อมเผยเบื้องหลังดันสุดใจ-อวยพรให้โชคดี

ฤกษ์งามยามดีดิถีเพ็ญ 9 ม.ค. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เปิดตัวร่วมกิจกรรมทางการเมืองกับพรรครวมไทยสร้างชาติ ซึ่งมีนายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค เป็นหัวหน้าพรรค และนายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ อดีตแกนนำ กปปส. เป็นเลขาธิการพรรค ในการประชุมใหญ่สามัญประจำปี ที่ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ไม่ได้อยากเป็นใหญ่ อยากมีอำนาจ แต่เป็นเพราะเคารพในกระบวนการประชาธิปไตย ไม่ได้มาเพราะอยากอยู่ต่อ แต่ประเทศไทยต้องไปต่อ บนพื้นฐานความมีศักยภาพ ความมั่นคง เพื่อเดินหน้าสู่การเมืองที่เป็นประชาธิปไตย ตลอดจนการพัฒนาประเทศ

ด้านเฟซบุ๊กของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ระบุว่า พล.อ.ประยุทธ์แสดงความประสงค์จะทำงานการเมือง อ้างว่าเพื่อสานต่อภารกิจที่ดำเนินการไว้ให้สำเร็จ จึงตัดสินใจสนับสนุนให้ตั้งพรรคพลังประชารัฐ เพื่อสู้ศึกเลือกตั้งและเสนอชื่อ พล.อ.ประยุทธ์ให้กลับมาเป็นนายกฯ มาบัดนี้ชัดเจนแล้วว่า พล.อ.ประยุทธ์แสดงจุดยืนทางการเมืองแยกทางจากพรรค เมื่อตัดสินใจเด็ดขาดแล้วก็ขอแสดงความยินดี และจะไม่ทอดทิ้งสมาชิกพรรคพลังประชารัฐทุกคนที่เคยทำงานการเมืองมาด้วยกัน เข้าสู่การเลือกตั้งต่อไป เพื่อกลับมาเป็นพรรคแกนนำจัดตั้งรัฐบาลอีกครั้ง

อีกด้านหนึ่งพบว่า ที่พรรคภูมิใจไทย ได้ดึงนายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ อดีต รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมเข้าร่วมงานกับพรรค ขณะที่พรรคพลังประชารัฐเตรียมเปิดตัว นายสกลธี ภัททิยกุล อดีตแกนนำ กปปส. รับผิดชอบการเลือกตั้ง ส.ส.กทม.


อันดับ 4 : ดีลร้อนพลังงานไทย บางจากเทกโอเวอร์เอสโซ่ ได้ทั้งปั๊มน้ำมันและโรงกลั่นศรีราชา ปิดตำนาน 129 ปี

ในที่สุดบริษัทพลังงานที่มีอายุในไทยมากถึง 129 ปี ก็เปลี่ยนมือ เมื่อวันที่ 12 ม.ค. บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) เจ้าของธุรกิจปิโตรเลียม ได้ทำสัญญาซื้อขายหุ้นสามัญของบริษัท เอสโซ่ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ ESSO จากเอ็กซอนโมบิล เอเชีย โฮลดิง พีทีอี ลิมิเต็ด สัดส่วน 65.99% ด้วยมูลค่ากิจการ 55,500 ล้านบาท และเตรียมทำคำเสนอซื้อหลักทรัพย์แก่ผู้ถือหุ้นทั่วไป หรือเทนเดอร์ ออฟเฟอร์ (Tender Offer) เพื่อซื้อหุ้นเอสโซ่ทั้งหมดต่อไป ส่งผลทำให้บางจากมีพอร์ตสถานีบริการน้ำมันเพิ่มอีก 780 แห่ง เป็น 2,100 แห่ง และโรงกลั่นน้ำมันศรีราชาเพิ่มขึ้นอีกหนึ่งแห่ง

ขณะที่เอ็กซอนโมบิล ประกาศว่า ได้ขายหุ้นเอสโซ่ ประเทศไทย ครอบคลุมถึงโรงกลั่นน้ำมันศรีราชา เครือข่ายสถานีบริการเอสโซ่ในไทย และคลังน้ำมันบางแห่ง แต่ยังคงจัดหาผลิตภัณฑ์หล่อลื่นและเคมีภัณฑ์ในประเทศไทยต่อไป ส่วนศูนย์ธุรกิจระดับโลกกรุงเทพ ซึ่งมีพนักงานประมาณ 2,000 คน กิจกรรมสํารวจและผลิตปิโตรเลียม ไม่ได้รับผลกระทบจากการขายหุ้น โดยการซื้อขายหุ้นดังกล่าว คาดว่าจะเสร็จสิ้นในช่วงครึ่งหลังของปี 2566 สำหรับเอสโซ่ ประเทศไทย มีต้นกำเนิดมาจากบริษัท แสตนดาร์ดออยล์แห่งนิวยอร์ก เปิดสาขาในไทยที่ตรอกกัปตันบุช เพื่อจำหน่ายน้ำมันก๊าดตราไก่และตรานกอินทรีในปี 2437


อันดับ 5 : ฉาวโฉ่การศึกษาไทย ช้อปปิ้งงานวิจัยซื้อตำแหน่งผู้แต่ง-ผู้นิพนธ์ หวังเคลมผลงานวิชาการ-ขอทุนฯ

เรื่องฉาวโฉ่ในแวดวงการศึกษาไทย เมื่อวันที่ 8 ม.ค. ดร.อนันต์ จงแก้ววัฒนา นักไวรัสวิทยา ออกมาเปิดเผยว่า มีนักวิจัยในไทยไปซื้อขายงานวิจัยที่ตนเองไม่ได้ทำ เช่น ไปอ่านงานที่คิดว่าอยากมีชื่อตัวเองในเอกสารวิจัย แล้วใช้เงินไปซื้อตำแหน่งผู้แต่ง หรือผู้นิพนธ์ หวังเคลมผลงานทางวิชาการ หรือไปใช้ขอทุนจากหน่วยงานต่างๆ สอดคล้องกับ รศ.ดร.วีรชัย พุทธวงศ์ อาจารย์ประจำภาควิชาเคมี เปิดเผยว่า มีอาจารย์คนหนึ่งไปตีพิมพ์งานวิจัยเรื่องวัสดุนาโน โดยจ่ายค่าตีพิมพ์ไป 30,000 บาท ทั้งที่สายงานอยู่เทคนิคการแพทย์ ไม่ใช่วัสดุศาสตร์ แล้วนำบทความที่ตีพิมพ์นั้นมาเบิกกับมหาวิทยาลัยจำนวน 120,000 บาท

ขณะที่นักวิชาการไทยในต่างประเทศรายหนึ่ง ระบุว่า พบนักวิจัยรุ่นใหม่แค่ปี 2565 มีผลงานวิจัยตีพิมพ์กว่า 40 ฉบับ เฉลี่ยแล้ว 9 วันออก 1 ฉบับ พร้อมกับมีเครือข่ายนักวิจัยทั้งในและนอกประเทศที่น่าสนใจ บางคนเป็นถึงอดีตผู้บริหารบัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยชื่อดัง เรื่องนี้ทำให้นายเอนก เหล่าธรรมทัศน์ รมว.อุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ส่งหนังสือด่วนถึงทุกมหาวิทยาลัยขอให้เร่งรัดฃตรวจสอบข้อมูลของบุคลากรในสังกัดอย่างใกล้ชิด หากฃพบว่ามีบุคลากรเกี่ยวข้องกับกรณีดังกล่าว ให้มหาวิทยาลัยดำเนินการตามหน้าที่และอำนาจตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด และหาแนวทางป้องกันไม่ให้เกิดขึ้นอีก


อันดับ 6 : สะพัดแพงไป 33 ล้านเปลี่ยนป้าย สถานีกลางบางซื่อ  ศักดิ์สยามสั่งสอบ การรถไฟฯ ต้องขอระงับไปก่อน

กลายเป็นที่วิจารณ์สนั่นโซเชียลฯ เมื่อวันที่ 2 ม.ค. มีรายงานข่าวว่าการรถไฟแห่งประเทศไทย ลงนามสัญญาจ้างบริษัท ยูนิค เอ็นจิเนียริ่ง แอนด์ คอนสตรัคชั่น จำกัด (มหาชน) จ้างก่อสร้างโครงการปรับปรุงป้ายชื่อสถานีกลางบางซื่อเป็นสถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์ และตราสัญลักษณ์ของการรถไฟฯ มูลค่าโครงการ 33,169,726.39 บาท ทำให้สังคมวิจารณ์ว่าแพงและสิ้นเปลืองหรือไม่ ขณะที่นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคม แต่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง โดยมีนายสรพงศ์ ไพฑูรย์พงษ์ รองปลัดกระทรวง (หัวหน้ากลุ่มภารกิจด้านการขนส่ง) เป็นประธาน โดยให้ดำเนินการแล้วเสร็จภายใน 15 วัน

ต่อมาการรถไฟฯ ชี้แจงว่า ดำเนินการตามระเบียบการจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐ ไม่ได้มีเพียงแค่การเปลี่ยนป้ายชื่อ แต่ยังรวมถึงการจัดทำระบบไฟ งานรื้อถอนที่มีความละเอียดอ่อน ต้องปรับปรุงอย่างระมัดระวัง รวมถึงมีการรับประกันความชำรุดบกพร่องเป็นเวลา 12 เดือน ซึ่งได้กำหนดจุดติดตั้งจำนวน 2 ฝั่ง และจำเป็นต้องเปลี่ยนผนังกระจกที่ติดตั้งไว้เรียบร้อยแล้วด้วยผนังกระจกใหม่ที่ต้องสั่งหล่อเป็นพิเศษ อย่างไรก็ตาม เมื่อวันที่ 9 ม.ค. นายนิรุฒ มณีพันธ์ ผู้ว่าการรถไฟฯ ทำหนังสือถึงผู้รับจ้าง ขอให้ระงับการรื้อย้าย จัดหา และติดตั้งงานก่อสร้างไปก่อน เพื่อรอผลการพิจารณาของคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง


อันดับ 7 : สุดอาลัย 24 ชีวิต สูญหายอีก 5 เรือหลวงสุโขทัยอับปาง ความสูญเสียครั้งใหญ่กองทัพเรือ

ความสูญเสียครั้งใหญ่ของกองทัพเรือ เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 18 ธ.ค. 2565 เรือหลวงสุโขทัย ซึ่งมีอายุการใช้งานกว่า 36 ปี กำลังเดินทางไปยังศาลหาดทรายรี จ.ชุมพร เพื่อร่วมงานฉลองครบรอบ 100 ปี กรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ โดยมีลูกเรือทั้งหมด 105 นาย ประสบเหตุอับปางกลางทะเลอ่าวไทย เขตพื้นที่ อ.บางสะพาน จ.ประจวบคีรีขันธ์ ห่างจากฝั่งไปประมาณ 19 ไมล์ทะเล หลังเจอคลื่นลมบริเวณอ่าวไทยกำลังแรง คลื่นทะเลและน้ำเริ่มรั่วเข้าบริเวณพื้นห้องชั้นล่าสุด ทำให้ระบบไฟฟ้าและเครื่องสูบน้ำล้มเหลว จากนั้นเรือได้โน้มเอียงก่อนที่จะจมลงทะเลเมื่อเวลา 23.30 น. โดยมีลูกเรือทั้งหมดสละเรือ

เหตุการณ์นี้ทำให้มีผู้เสียชีวิต 24 ราย ล่าสุดคือ ว่าที่ น.ต.พลรัตน์ สิโรดม หรือต้นเรือพลับ ตำแหน่งต้นเรือ เรือหลวงสุโขทัย พบร่างเป็นรายที่ 24 ที่บริเวณเกาะง่ามใหญ่ จ.ชุมพร เมื่อวันที่ 28 ธ.ค. 2565 กระทั่งมีการพิสูจน์อัตลักษณ์บุคคล ต่อมาวันที่ 12 ม.ค. ผลพบว่าเป็นต้นเรือพลับ ทั้งนี้ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ศพอยู่ในพระบรมราชานุเคราะห์ โดยศพไปประกอบพิธีทางศาสนาที่วัดศรีเอี่ยม เขตบางนา กรุงเทพฯ มีพิธีสวดพระอภิธรรม ระหว่างวันที่ 14-20 ม.ค. เวลา 18.30 น. และจะมีพิธีพระราชทานเพลิงศพในวันที่ 21 ม.ค. เวลา 16.00 น. ส่วนผู้รอดชีวิตมี 76 ราย สูญหาย 5 ราย


กำลังโหลดความคิดเห็น