xs
xsm
sm
md
lg

จับโป๊ะ “อดีตรองนายกฯ”เพิ่งขอหย่าภรรยาให้เข้าทางกฎหมาย “ทนายตั้ม”ไล่ไทม์ไลน์ เจอว่า“สู่ขอ-หมั้นทิพย์”-ทรัพย์สินก็ไม่ได้ให้ “ชู้รัก”จริง **“ลุงตู่”เสียงหาย!! วันเด็กปีนี้โดนแย่งซีน แถมส.ค.ส.จากเด็กๆ ก็น้อยลง

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



ข่าวปนคนคนปนข่าว

**จับโป๊ะ “อดีตรองนายกฯ”เพิ่งขอหย่าภรรยาให้เข้าทางกฎหมาย “ทนายตั้ม”ไล่ไทม์ไลน์ เจอว่า“สู่ขอ-หมั้นทิพย์”-ทรัพย์สินก็ไม่ได้ให้ “ชู้รัก”จริง


คดีเด็ดที่มีคนอย่าง “อดีตรองนายกฯ” ถูกกล่าวหาประพฤติผิดศีลธรรม “เล่นชู้” กับภรรยาของชาวบ้าน มิหนำซ้ำยังมีพฤติกรรมข่มขู่คุกคามสามีตัวจริง และต่อมาดูเหมือนว่า “อดีตรองนายกฯ” ที่ภายหลังมีคำใบ้เพิ่มว่ามีอักษรย่อ “ย.ยักษ์” ชอบเล่นกอล์ฟ-เกี่ยวข้องกับมท.และ เคยเป็นสมาชิกพรรคเพื่อไทยจะ “สู้กลับ” ด้วยการแจ้งความฝ่ายหญิงและพวกร่วมกัน “ฉ้อโกง” หลอกลวงเขาทำให้เรื่องนี้ทวีความสนใจจากสังคมมากขึ้นไปอีก

ขณะที่ “อดีตรองนายกฯ” สู้กลับด้วยข้อกล่าวหาฉ้อโกงพร้อมเอกสารของ สน.บางยี่ขัน ว่อนเน็ตออกมา นอกจากหลายๆ คนได้เห็นกันแล้วว่า “อดีตรองนายกฯ” นั้นชื่อเสียงเรียงนามอะไรไปเรียบร้อย โดยที่หลายๆ คนก็เปลี่ยนฝั่งเฮละโลตามอดีตรองนายกฯ ว่างานนี้จะมีรายการ “คดีพลิก” หรือไม่ หรือเปลี่ยนจากคนที่สังคมประณาม กลายเป็น “เหยื่อสูงวัย”ผู้น่าสงสาร

ก่อนที่กระแสเรื่องนี้จะตีกลับ ฟังว่าล่าสุด “ทนายตั้ม” ษิทรา เบี้ยบังเกิด เลขาธิการมูลนิธิทีมงานทนายประชาชน ได้พา “นาย ก.” สามีของหญิงสาวที่อดีตรองนายกฯตีท้ายครัว ไปที่ สน.บางยี่ขัน เข้าแจ้งความ เพื่อดำเนินคดีกับ “อดีตรองนายกฯ ย.” ข้อหาแจ้งความเท็จ กรณีที่อ้างว่าสูญเงินค่าสินสอดสู่ขอฝ่ายหญิงเป็นจำนวนกว่า 20 ล้านบาท

เนื่องเพราะทั้งเรื่องการสู่ขอหรือหมั้นกันกับฝ่ายหญิงนั้นไม่มีเหตุการณ์เกิดขึ้นจริง ซึ่ง “ทนายตั้ม”ขอท้าว่า ถ้าหากมีจริงมีญาติผู้ใหญ่หรือมีใครรับรู้บ้าง งานนี้เชื่อว่า เป็นการแต่งเติมข้อเท็จจริงเพื่อให้เข้าข้อกฎหมายและเพื่อให้ตนเองเรียกทรัพย์สินคืนจากฝ่ายหญิงได้ ซึ่งอดีตรองนายกฯ มีภรรยาที่จดทะเบียนอยู่ด้วยกันมาเป็น 10 ปีโดยตลอด

นอกจากนี้ กรณีอดีตรองนายกฯ อ้างให้เงินไปซื้อคอนโดฯ ก็ไม่ใช่เรื่องจริงโดยมีหลักฐานกรรมสิทธิ์ รวมถึงทรัพย์สินต่างๆ ที่บอกว่าให้ฝ่ายหญิง ก็ไม่ใช่เรื่องจริง โดยหลักฐานกรรมสิทธิ์การซื้อคอนโด มีตั้งแต่ปี 2562 แต่ถ้าอดีตรองนายกฯ เพิ่งมารู้จักกับฝ่ายหญิงเมื่อตอนปี 2565 ยืนยันว่า ไม่ได้เกี่ยวข้องกับทรัพย์สินส่วนนี้อย่างแน่นอน

ส่วนเงินที่อ้างว่า ให้ฝ่ายหญิงก็ไม่มีหลักฐานการเบิกถอน และเชื่อว่าตัวเลขอาจจะมีการให้จริง แต่ไม่ถึงหลัก10 ล้าน แต่มีการให้บ้างเพราะคบกับชู้รัก ซึ่งเมื่อวันที่ 7 มกราคมที่ “ทนายตั้ม” ได้ออกมาเปิดเผยว่า จะแถลงในวันที่ 9 มกราคม ปรากฏว่า อดีตรองนายกฯ ได้ใช้เล่ห์กลด้วยการพาภรรยาไป “จดทะเบียนหย่า” เพื่อที่จะขอคืนทรัพย์สินที่มีการไปหมั้นกับฝ่ายหญิง โดยทำตัวเองให้โสด ต่อมาทราบมาว่า อดีตรองนายกฯได้พาภรรยาไปจดทะเบียนหย่า ที่สำนักงานเขตดุสิตสดๆ ร้อนๆ เพื่อใช้ในทางกฎหมาย ในการแจ้งความหรือเรียกทรัพย์สินต่างๆ คืนได้!

งานนี้มีผู้หวังดีทนเห็นความไม่ยุติธรรมในสังคมไม่ไหวจึงแจ้งไปที่ทนายคนดัง ยืนยัน อดีตรองนายกฯ ก่อนหน้าที่จะมาแถลงข่าวแค่ 1 ชั่วโมง

“ทนายตั้ม”ษิทรา เบี้ยบังเกิด
คดีนี้ ความจริงควรจะจบกันได้ อดีตรองนายกฯ ควรออกมารับผิดชอบอย่างลูกผู้ชายว่าตัวเองทำผิดพลาดก็จบแล้ว ไม่ใช่โยนความผิดให้คนอื่นโดนข้อหาร่วมกันฉ้อโกงเป็นขบวนการด้วย ซึ่งตัวพ่อของผู้หญิงมีคดีอื่นอยู่ และไม่มาพบพนักงานสอบสวนอยู่แล้วซึ่งอดีตรองนายกฯจะรู้ดี

จุดที่ทำให้ “อดีตรองนายกฯคนดีย์” สู้กลับ “ทนายตั้ม” ฟันธงว่า ก่อนหน้านี้ที่สามีของฝ่ายหญิงมาปรึกษาตัวเอง โดยจะขอหย่ากับฝ่ายหญิง แต่ทางฝ่ายหญิงไม่ยอมหย่าด้วย ซึ่งสามีตอบไปว่าหากไม่ยอมหย่าก็จะฟ้องหย่าและฟ้องชู้คืออดีตรองนายกด้วย ทำให้ฝ่ายหญิงคาบข่าวไปบอกกับอดีตรองนายกฯชู้รัก อดีตรองนายกฯ จึงเดินทางมาแจ้งความกลับทางฝ่ายหญิง

ฟังว่า เมื่อวันที่ 9 มกราคมที่ผ่านมา อดีตรองนายกฯ ย. จดทะเบียนหย่าด่วนกับภรรยาที่อำเภอสามพราน จ.นครปฐม เพื่อให้เข้ากฎหมายเรียกสินสอดคืนตามที่แจ้งความกับผู้หญิงและครอบครัว ซึ่งไม่เป็นผลช่วยในการทวงสิทธิ์คืน ทุกอย่างเป็นไปด้วยความฉุกละหุก ในออนไลน์ไม่มีประวัติเกี่ยวกับภรรยาอดีตรองนายกฯ ไม่สามารถสืบค้นได้ด้วย สืบค้นไม่มีหน้า ไม่มีสถานะ

อดีตภรรยาของอดีตรองนายกฯ ก็รีบจัดจนเอาลืมบัตรประชาชนมา ต้องทำบัตรประชาชนใหม่ เพื่อใช้ในการจดทะเบียนหย่า ต่อมาวันที่10- 11 มกราคม อดีตภรรยา ได้มาที่สำนักงานเขตดุสิตอีกครั้ง แล้วทำบัตรประชาชนใหม่อีกรอบ โดยเปลี่ยนไปให้นามสกุลเดิมของตัวเอง

ทนายดังยังว่า มีหลักฐานที่เป็นแชต ที่เห็นว่าฝ่ายหญิงมีสามีอยู่แล้ว ขณะคบ “อดีต รองนายกฯย.” ซึ่ง ย.รู้เรื่องฝ่ายหญิงมีสามี และเชื่อว่า ที่อ้างว่ามีพิธีสู่ขอนั้นไม่มีภาพหลุดออกมาเลยผิดปกติวิสัย เพราะชอบถ่ายรูปโชว์เพื่อน ตามประสานคนแก่บอกว่าตัวเองมีเมียสาว เป็นการสร้างเรื่องเพื่อเอาเงินคืน ซึ่งขอท้าเลย ความสัมพันธ์ระหว่างอดีตรองนายกฯ เริ่มหลังจากออกจากเรือนจำ เมื่อปลายปี 2565

สรุปว่า งานนี้ “ทนายตั้ม” เชื่อว่ามีไคลแม็กซ์ที่ 3 รออยู่ในช่วงสงครามข้อมูลข่าวสาร จะต้องดำเนินต่อไป ซึ่งนี่เราๆ ท่านๆ ก็ต้องติดตามดูกันต่อไปยาวๆ

** “ลุงตู่”เสียงหาย!! วันเด็กปีนี้โดนแย่งซีน แถมส.ค.ส.จากเด็กๆ ก็น้อยลง

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา
วันเด็กแห่งชาติปีนี้ ตรงกับวันที่ 14 มกราคม “ลุงตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ได้มอบคำขวัญให้กับเด็กๆ เยาวชนไทย ผู้เป็นอนาคตของชาติ เพื่อเป็นข้อคิด คติเตือนใจว่า... “รู้หน้าที่ มีวินัย ใฝ่ความดี”

คำขวัญที่ว่านี้ มีความหมายตรงตัว คือต้องการให้ เด็กๆรับผิดชอบต่อหน้าที่ ยึดมั่นในการทำความดี เป็นคนมีระเบียบวินัยในการใช้ชีวิต โตขึ้นเป็นผู้ใหญ่จะได้เป็นคนที่มีคุณภาพของประเทศชาติ ...

แต่คำขวัญที่คิดขึ้นจากคำคล้องจองของนายกฯ ดูเชยไปทันที เมื่อถูกมือดีมาแย่งซีน แย่งแสง

เขาผู้นั้นคือ “ชช.” ชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าฯกทม. ที่มอบคำขวัญวันเด็ก 2566 ว่า "เรียนอย่าแบด แซดอย่าบ่อย สู้อย่าถอย ค่อยๆสร้างพลังใจ"

คำขวัญดังกล่าวนี้ อิงเนื้อเพลงของเพลงดัง “ทรงอย่างแบด” ของวงร็อก Paper Planes ที่กำลังได้รับความนิยมในหมู่เด็กวัยอนุบาล และประถมศึกษาตอนต้น ที่ท่อนฮุกร้องว่า "ทรงอย่างแบด แซดอย่างบ่อย เธอไม่อินกับผู้ชายแบดบอย" ซึ่งมิวสิกวิดีโอเพลงดังกล่าวมียอดเข้าชมในเว็บไซต์ยูทูบแล้วกว่า 44 ล้านครั้ง หลังจากเผยแพร่มาราว 2 เดือน

ชัชชาติ สิทธิพันธุ์
คำขวัญจาก “ชัชชาติ” ที่โหนกระแสเพลงนี้ จะถูกใจเด็กๆหรือไม่ ไม่รู้ แต่ก็ถูกพูดถึงมาก ว่าน่าจะเป็นครั้งแรกที่ผู้ว่าฯกทม. มอบคำขวัญวันเด็กแข่งกับนายกฯ

ย้อนกลับมาที่ทำเนียบรัฐบาล ปีนี้ก็ยังคงจัดงานวันเด็กเหมือนเช่นเคย หลังจากปีที่ผ่านมาได้งดไป เนื่องจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 ซึ่งปีนี้ นอกจากจะมีกิจกรรมให้เด็กๆ ได้เข้าร่วมสนุกเพื่อรับของขวัญ ของรางวัลกันแล้ว “ไฮไลต์” ที่ถือว่าเป็นกิจกรรมยอดฮิต คือ นั่งเก้าอี้นายกรัฐมนตรี ซึ่งเด็กๆบางคนก็มีโอกา สได้ถ่ายรูปกับนายกรัฐมนตรีด้วย

นอกจากนี้ ทางสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ยังได้นำ ส.ค.ส. ของเด็กๆ ที่ส่งมาจากทั่วประเทศ ถึงนายกรัฐมนตรีเพื่ออวยพรปีใหม่ 2566 ที่ได้รับการคัดเลือกมาติดบอร์ด โดยส.ค.ส.ส่วนใหญ่ จะเป็นภาพที่เด็กๆ วาดขึ้นเอง มีทั้งรูปนายกรัฐมนตรี แบบการ์ตูนน่ารักๆ รูปหัวใจ รูปธงชาติไทย ระบายสีสัน สดใส พร้อมเขียนอวยพร ตามความคิดของเด็กๆ ที่บางครั้งอ่านแล้วก็ต้องอมยิ้มตามไปด้วย อาทิ

...บ้านหนูสนับสนุนให้ลุงตู่เป็นนายกฯต่อไป, ขอบคุณลุงตู่ที่ทำให้ประเทศสงบสุข , ขออวยพรให้นายกฯ มีสุขภาพแข็งแรง นายกฯ เป็นคนเก่ง ซื่อสัตย์ ซื่อตรง และรักสถาบัน ผมชื่นชมที่ดูแลผม และประเทศมาตลอด , ใจเย็นๆ หน่อยนะคะลุง คนใจเย็นได้เปรียบค่ะ , คนดีตกน้ำไม่ไหล ตกไฟไม้ไหม้, ลุงเก่งมากที่จัดประชุมเอเปค เป็นสิ่งที่การันตีว่า ลุงมีความสามารถ , รักลุงตู่ ขอให้มีความสุข , ขออย่าไปไล่ลุง ลุงมีหัวใจ ขอให้ลุงยิ้ม ไปไหน ให้ระวังตัวด้วย...

ส.ค.ส.จากเด็กๆ ถึงนายกรัฐมนตรี
สำหรับปีนี้ มีการตั้งข้อสังเกตจากเจ้าหน้าที่ว่า ส.ค.ส.ที่ส่งมาถึง “ลุงตู่” นั้นมีจำนวนน้อยกว่าปีก่อนๆ และที่คัดเลือกนำมาติดที่บอร์ดก็มีเพียง 20 กว่าฉบับเท่านั้น ส่วนใหญ่มาจากภาคใต้

ขณะที่ “ลุงตู่”ในช่วงนี้ มีงานหนัก งานเยอะ หลังจากโดดลงไปเป็นนักการเมืองเต็มตัวก็มีวาระให้ต้องปราศรัย โชว์ผลงานกันรัวๆ เล่นเอา “เสียงหาย” จนสังเกตได้ วันเสาร์นี้ ไม่รู้จะมีเสียงมาพูดคุย หยอกล้อ กับเด็กๆได้หรือไม่...

มีคนตั้งข้อสังเกตว่า ดูจากจำนวน ส.ค.ส.ของเด็กๆ ที่ลดลง นี่จะเกี่ยวกับเรตติ้งของลุงตู่ในช่วงปลายรัฐบาลหรือเปล่าหนอ .


กำลังโหลดความคิดเห็น