xs
xsm
sm
md
lg

"ทนายตั้ม" พาสามีหัวใจช้ำแจ้งความอดีตรองนายกฯ ฐานแจ้งความเท็จ กล่าวหาฉ้อโกง ซัดเพิ่งหย่าเมียเมื่อ 7 ม.ค.

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ทีมข่าวอาชญากรรม



"ทนายตั้ม" พาสามีของสาวที่ตกเป็นข่าวคบชู้ แจ้งความตำรวจ สน.บางยี่ขัน เอาผิดอดีตรองนายกฯ ย. ฐานแจ้งความเท็จ อ้างถูกฉ้อโกงสูญเงินค่าสินสอดสู่ขอฝ่ายหญิงเกือบ 20 ล้านบาท ยันไม่มีหลักฐานเบิกเงิน ซัดเพิ่งไปจดทะเบียนหย่าเมียเมื่อ 7 ม.ค.66

วันนี้ (12 ม.ค.) ที่ สน.บางยี่ขัน นายษิทรา เบี้ยบังเกิด เลขาธิการมูลนิธิทีมงานทนายประชาชน พานายเอ (นามสมมุติ) อายุ 35 ปี สามีของหญิงสาวที่ตกเป็นข่าวฉาวกับอดีตรองนายก ชื่อย่อ ย. เข้าแจ้งความกับ ร.ต.ท.น่านนที บูรณะ รอง สว.(สอบสวน) สน.บางยี่ขัน เพื่อดำเนินคดีกับอดีตรองนายกรัฐมนตรี ชื่อ ย. ข้อหาแจ้งความเท็จ กรณีที่อ้างว่าสูญเงินค่าสินสอดสู่ขอฝ่ายหญิงเป็นจำนวนกว่า 20 ล้านบาท

นายษิทรา กล่าวว่า วันนี้ตนมาแจ้งความดำเนินคดีกับอดีตรองนายกรัฐมนตรีในเรื่องแจ้งความเท็จ และในเรื่องให้การเท็จต่อพนักงานสอบสวน เรื่องการสู่ขอฝ่ายหญิง หรือมีการหมั้นกัน โดยไม่มีเหตุการณ์นั้นเกิดขึ้นจริงเชื่อว่าเป็นการ แต่งเติมข้อเท็จจริงเพื่อให้เข้าข้อกฎหมายและเพื่อให้ตนเองเรียกทรัพย์สินคืนจากฝ่ายหญิงได้ ซึ่งอดีตรองนายกฯ มีภรรยาที่จดทะเบียนอยู่ด้วยกันมาเป็น 10 ปีโดยตลอด นอกจากนี้กรณีให้เงินไปซื้อคอนโดก็ไม่ใช่เรื่องจริงโดยตนมีหลักฐานกรรมสิทธิ์ รวมถึงทรัพย์สินต่างๆที่บอกว่าให้ฝ่ายหญิงก็ไม่ใช่เรื่องจริง โดยหลักฐานกรรมสิทธิ์การซื้อคอนโด ตั้งแต่ปี 2562 แต่ถ้าอดีตรองนายกเพิ่งมารู้จักกับฝ่ายหญิงเมื่อตอนปี 2565 ยืนยันว่า ไม่ได้เกี่ยวข้องกับทรัพย์สินส่วนนี้อย่างแน่นอน

นายษิทรา กล่าวต่อว่า ส่วนเงินที่อ้างว่า ให้ฝ่ายหญิงก็ไม่มีหลักฐานการเบิกถอน และเชื่อว่าตัวเลขอาจจะมีการให้จริง แต่ไม่ถึงหลัก 10 ล้านแต่มีการให้บ้างเพราะคบกับชู้รัก ซึ่งเมื่อวันที่ 7 ม.ค.ที่ผ่านมา ตนได้ออกมาเปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่า จะแถลงในวันที่ 9 ม.ค. ปรากฏว่า อดีตรองนายกฯได้ใช้เล่ห์กลด้วยการพาภรรยาไปหย่าร้างเพื่อที่จะขอคืนทรัพย์สินที่มีการไปหมั้นกับฝ่ายหญิง โดยทำตัวเองให้โสด เมื่อสักครู่ที่ผ่านมาตอนทราบมาว่า ทางอดีตรองนายกฯได้พาภรรยา ไปจดทะเบียนหย่าที่สำนักงานเขตสามพราน เพื่อใช้ในทางกฎหมาย ในการแจ้งความหรือเรียกทรัพย์สินต่างๆ คืนได้

นายษิทรา กล่าวอีกว่า ส่วนข้อมูลส่วนตัวต่างๆของอดีตรองนายกฯ จะไม่มีทางโซเชียลเนื่องจากเป็น VIP แต่เนื่องจากมีผู้หวังดีเห็นว่า เรื่องนี้ไม่ได้รับความเป็นธรรม และได้แจ้งกับตนมาว่า ก่อนหน้าที่ตนจะมาแถลงข่าว 1 ชั่วโมงทางอดีตรองนายกฯได้ไปจดทะเบียนหย่าร้างกับภรรยาที่สามพราน ซึ่งตนก็นำหลักฐานตรงนี้มาแจ้งความกับพนักงานสอบสวนด้วย ควรออกมารับผิดชอบอย่างลูกผู้ชายว่า ตนเองทำผิดพลาดก็จบแล้ว ไม่ใช่โยนความผิดให้คนอื่นโดนข้อหาร่วมกันฉ้อโกงเป็นขบวนการด้วย ซึ่งตัวพ่อของผู้หญิงมีคดีอื่นอยู่และไม่มาพบพนักงานสอบสวนอยู่แล้วทางอดีตรองนายกฯจะรู้ดี และการที่ตำรวจมีความเห็นสั่งฟ้องในข้อหาร่วมกันฉ้อโกง เป็นเพียงความเห็นเบื้องต้น แล้วตนก็ได้ทำเรื่องขอความเป็นธรรมที่พนักงานอัยการไปแล้ว ไม่ใช่ว่าพอโดนคดีแล้วครอบครัวนี้จะมีความผิดไป คือศาลยกฟ้องไปแล้วร้อยละ 70 ที่มีคำสั่งฟ้องไป

นายษิทรา ยืนยันว่า ไม่มีพิธีสู่ขอและขอท้าว่าถ้าหากมีจริงมีญาติผู้ใหญ่หรือมีใครรับรู้บ้าง ส่วนกรณีของการตบทรัพย์ ซึ่งยังไม่มีการต่อรองใดๆ หากมีจริงคงมีหลักฐานมายืนยัน ส่วนทรัพย์สินที่บอกว่ามีจำนวนมากถึง 19 ล้านบาทนั้น เชื่อว่ามีการให้จริงแต่มูลค่าไม่ถึงขนาดนั้น ส่วนก่อนหน้านี้ที่สามีของฝ่ายหญิงมาปรึกษาตน เนื่องจากทางสามีขอหย่ากับฝ่ายหญิงแต่ทางฝ่ายหญิงไม่ยอมหย่าด้วย แต่ทางสามีเลยตอบว่าหากไม่ยอมหย่าก็จะฟ้องหย่าและฟ้องชู้คืออดีตรองนายกด้วย ทำให้ทางฝ่ายหญิงได้ไปบอกกับทางอดีตรองนายกทางอดีตรองนายกจึงเดินทางมาแจ้งความกลับทางฝ่ายหญิงด้วย

ส่วนประเด็นเรื่องคอนโดมิเนียมที่อดีตรองนายกฯ รายนี้อ้างว่าซื้อให้กับหญิงสาววัย 25 ปี คนนี้ ทนายตั้มยืนยันว่าไม่เป็นความจริง พร้อมแสดงหลักฐานหนังสือกรรมสิทธิห้องชุดย่านวงเวียนใหญ่ เขตคลองสาน กรุงเทพฯ ขนาดประมาณ 35 ตารางเมตร ซึ่งจดจำนองตั้งแต่ปี 2562 ก่อนที่ทั้งสองคนจะรู้จักและคบชู้กัน

ทั้งนี้อดีตนายกฯ เคยจดทะเบียนสมรสแล้ว และเพิ่งจดทะเบียนหย่าเมื่อวันที่ 9 มกราคมที่ผ่านมา ที่อำเภอสามพราน จ.นครปฐม ก่อนหน้าที่ตัวเองจะแถลงข่าวเปิดประเด็นเรื่องนี้เพียงหนึ่งชั่วโมง ส่วนตัวมองว่าเป็นการจดทะเบียนหย่าเพื่อเปลี่ยนสถานะตัวเอง ให้เอื้อต้องการดำเนินคดีเพื่อเรียกเอาทรัพย์สินคืนจากฝ่ายหญิง


กำลังโหลดความคิดเห็น