"ชูวิทย์" ส่องกล้องวงจรปิดวันตำรวจบุกผับ "จินหลิง" พบ “ถาดไม้ที่ใช้แบ่งยา” มียาเสพติดอยู่บนถาดชัดเจน ถามเหตุใด ผบช.น.ถึงไม่เก็บถาดไม้นี้ออกไปจากที่เกิดเหตุ? ทั้งๆ ที่ยาเสพติดยิ่งมีหลักฐานมาก ยิ่งแสดงถึงความร้ายแรงของพฤติการณ์แห่งคดี ส่วนอีกคลิปมีการซื้อขายแลกเปลี่ยน “ยาเสพติด” ภายในผับอย่างเปิดเผย เป็นคลิปจากกล้องวงจรปิดถูกตัดออกจากสำนวนตั้งแต่ก่อน 21 ตุลาคม 2565 ส่วนเซิร์ฟเวอร์อยู่ที่ใคร ช่วยตอบทีก่อนถูกแฉอีกรอบ
วันที่ (3 ม.ค. 66) นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ อดีตนักการเมือง โพสต์คลิปภาพจากกล้อง CCTV ถัดไป
วันเกิดเหตุขณะตำรวจเข้า เวลาเที่ยงคืนครึ่ง
จะสังเกตเห็น “ถาดไม้ที่ใช้แบ่งยา” ในวงกลม ขนย้ายกันจ้าละหวั่น
เป็นภาพอีกมุมหนึ่ง เพื่อให้สังคมได้เห็น
หากมองให้ดี จะเห็นมียาเสพติดอยู่บนถาดชัดเจน
แต่ทำไม ผบช.น.ถึงไม่เก็บถาดไม้นี้ออกไปจากที่เกิดเหตุ?
โดยเหตุผลที่ให้คือ “มีหลักฐานมากพอแล้ว ที่เหลือไม่ต้องการ ทั้งๆ ที่ยาเสพติดยิ่งมีหลักฐานมาก ยิ่งแสดงถึงความร้ายแรงของพฤติการณ์แห่งคดี”
ต่อมา ตำรวจชุดทีมบิ๊กโจ๊กเพิ่งไปเปิดตรวจกับ ป.ป.ส. พบในรถตู้อัลพาร์ด หมายเลขทะเบียน 7กภ 1234 หลังเกิดเหตุไปแล้ว 2 เดือน (ตรวจซ้ำวันที่ 27 ธันวาคม แต่เกิดเหตุตั้งแต่ 26 ตุลาคม) ปรากฏว่ายังไม่ได้เปิดรถตรวจมาก่อน
ซึ่งรถคันนี้เป็นรถของนายตู้ห่าว ที่มีหลานเป็นคนขับ คืนนั้นอยู่ในที่เกิดเหตุด้วย แต่ตำรวจจับแล้วปล่อยหนีไป
ที่ไม่ได้เปิดรถ ผบช.น.อ้างว่า “ไม่มีกุญแจรถ” ต้องประกาศตามหาเจ้าของรถมาเปิด (เจ้าของที่ทีมตัวเองปล่อยไปในวันเกิดเหตุ)
แต่บิ๊กโจ๊กไปถึงเรียกช่างกุญแจมาเปิดได้หน้าตาเฉย
พบถาดมีคราบยาเสพติด แถมหลอดดูดยาที่ใช้แล้ว
ต่อมา ผบช.น.ยังโบ้ยว่า เลขาฯ ป.ป.ส.มีระเบียบไม่ให้เข้าที่เกิดเหตุ
แต่ดันเจอคนจริง เลขาฯ ป.ป.ส.บอกว่า “ทำงานมา 30 ปี ไม่เคยมีระเบียบห้ามตำรวจเข้าที่เกิดเหตุ และความจริงย่อมมีหนึ่งเดียวเท่านั้น”
ยิ่งเปิดกล้อง ยิ่งค่อยๆ พบเรื่องราวให้เห็นอะไรชัดขึ้น ว่าอะไรเป็นอะไร?
ใครจะพูดจริง พูดเท็จ ท่านทั้งหลายพิจารณาเอาเองก็แล้วกัน เดี๋ยวจะหาว่าผมถล่มอีก
แต่ที่แน่ๆ กล้องวงจรปิด มันโกหกไม่ได้ครับ
ชูวิทย์โพสต์ทิ้งท้ายว่า ผบช.น.ยิ่งพูด ยิ่งเละ ดูหลักฐานจากกล้องดีกว่า 100 คำพูดไม่เท่าภาพจากกล้องวงจรปิด ท่านผู้ชมโปรดใช้วิจารณญาณในการรับชม และดูที่ท่าน ผบช.น.ให้สัมภาษณ์แล้วกันครับ
อย่างไรก็ดี ก่อนหน้านี้นายชูวิทย์ได้โพสต์คลิปเหตุการณ์วันที่ 25 ตุลาคม 2565 เวลาใกล้เที่ยงคืน ก่อนตำรวจทีม ผบช.น. บุกจับ
พบมีการซื้อขายแลกเปลี่ยน “ยาเสพติด” ภายใน “จินหลิง” บริเวณหน้าห้องคาราโอเกะอย่างเปิดเผย
คลิปจากกล้องวงจรปิดถูกตัดออกจากสำนวนตั้งแต่ก่อน 21 ตุลาคม 2565 ส่วนเซิร์ฟเวอร์อยู่ที่ใคร ช่วยตอบทีก่อนถูกแฉอีกรอบ
แต่ “แผนเหนือเมฆ” ยังมีเหนือกว่า เพราะการทำงานไม่เป็นทีมของ ผบช.น.เอง
จากภาพที่ผมนำมาแสดงในโพสต์ก่อน จะเห็นสภาพ “จินหลิง” เป็นเสมือน “เอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์” ที่ประกอบด้วยบ่อนการพนันขนาดใหญ่ ห้องวีไอพี คาราโอเกะไว้เสพยา ผู้หญิงบริการ
นี่มันสมบูรณ์แบบยิ่งกว่า “กาสิโน” แห่งไหนในโลก
โดยจะมีคลิปอื่นๆ อีกมาก
ผบ.ตร.ไม่ต้องรีบมาสอบผม ให้ผมทยอยเปิดข้อมูลไปเรื่อยๆ ก่อน เดี๋ยวเรียกสอบทีเดียวได้ เผอิญช่วงนี้ผมไม่ได้ไปไหน ว่างๆ อยู่พอดี
แต่ที่ ผบ.ตร.ต้องรีบสอบก่อน คือ ผบช.น.ครับ เพราะออกอาการรั่วๆ อยู่
โดยตั้งแต่วันนี้จะทยอยปล่อยคลิปภายในจินหลิง ทั้งก่อนและหลังตำรวจบุก พร้อมตั้งข้อสังเกตในช่วงการทำสำนวนคดีต่างๆ ว่า
“หากไม่ผิดปกติ ก็ย่อมมีการช่วยเหลือกัน”
โดยจะไล่กล้องวงจรปิดให้ดูทีละช็อตว่า เกิดเหตุการณ์อะไรในคืนวันที่ 26 ตุลาคม
คลิปภาพวงจรปิดยังมีอีกเป็นร้อย เด็ดๆ ทั้งนั้น รอทีเดียวเลยดีกว่า
จะมันกว่ามากเลยครับ เดี๋ยว “หลักฐาน” มันตกหล่นหายไปอีก หรือไม่ก็บอกมีมากพอแล้ว
หลักฐานในมือผม จะหนาวไปถึงไหน คอยดูตอนต่อไปครับ
นายชูวิทย์โพสต์ทิ้งท้ายด้วยว่า ผบ.ตร.ควรให้ ผบช.น.เงียบ และรีบตั้งคณะกรรมการสอบสวนความผิดพลาดในฐานะ “หัวหน้าพนักงานสอบสวน” ด่วน
ไม่ใช่ยังให้สัมภาษณ์ปกป้องตัวเอง แล้วอย่าสอบกันเองนะครับ เอาที่สังคมเขาไว้วางใจ เพราะถึงไม่ได้เป็น “มวยล้ม” แต่เรื่อง “ต้มคนดู” นี่แน่นอนจริงครับ