"ชูวิทย์" เพลียคดี “ตู้ห่าว” ยิ่งคุ้ย ยิ่งเน่า โยนคำถาม ผบช.น.มัวทำอะไรอยู่? ผ่านไป 2 เดือนของกลาง หลักฐานเสพยา ยังอยู่ที่เดิม รถอีก 11 คันก็ยังไม่ได้ค้น เหน็บงานใหญ่แบบนี้ดันปล่อยให้ “มือสมัครเล่น” มาทำงาน วอนนายกฯ ช่วยย้าย ผบช.น.ออกไปจากกรุงเทพฯ ทีเถอะ!
เมื่อวันที่ 27 ธ.ค. 65 นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ อดีตนักการเมืองโพสต์เฟซบุ๊กเกี่ยวเนื่องคดี “ตู้ห่าว” โดยระบุว่า หลังจากประชาชนอย่างผม ทวงถามท่านนายกฯ ถึงความเอาใจใส่ต่อปัญหาบ้านเมืองเรื่อง “จีนเทา” อย่างนายตู้ห่าว ท่านก็สั่ง ครม. ให้ติดตามความคืบหน้า และรายงานทุก 15 วัน
หลังจากหน่วยงานรัฐอีนุงตุงนังกับผมอยู่ 2 เดือน จนผมไม่ได้กินไม่ได้นอน เรียกร้องให้ท่านพูดสักประโยคก็ยังดี ท่านจึงได้ตอบสนองให้มาประโยคหนึ่งจริงๆ ขอบคุณท่านที่สั่งลงมา
ขอให้ท่านช่วยย้าย ผบช.น.ด้วยครับ จะดีมาก ช่วยอีกสักประโยคเถอะครับ ไหนๆ ก็ไหนๆ แล้ว
ดดี “ตู้ห่าว” ยิ่งคุ้ย ยิ่งเน่า
วันนี้เลขา ป.ป.ส. อัยการ และตำรวจทีม “บิ๊กโจ๊ก” พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล ไปตรวจทรัพย์สินที่ถูกอายัดในที่เกิดเหตุคดี “จินหลิง”
มีรถยนต์หรูของกลางจำนวน 11 คัน จาก 35 คัน ที่พบว่าไม่ได้ตรวจมาก่อนจากทีม บช.น.
ไม่เหมือนที่ ผบช.น.เคยให้สัมภาษณ์ว่า “มีการตรวจทุกคันและถ่ายวิดีโอไว้เป็นหลักฐาน”
เพราะวันนี้ 27 ธันวาคม ผ่านมา 2 เดือนแล้ว
พบว่า “รถตู้อัลพาร์ด” ของนายหยาง เฉิน หลานนายตู้ห่าว ที่ปล่อยหนีไปในวันเกิดเหตุ 26 ตุลาคม ยังไม่เคยถูกค้น ของในรถยังอยู่ครบสภาพเดิม
ปรากฏพบเขียงไม้ที่แบ่งยาเสพติด มีร่องรอยคราบยาอยู่ มีหลอดดูดยา และที่ปั่นจมูก
หลักฐานทั้งหมด ยังอยู่ในรถตู้ของหลานตู้ห่าว และภายในจินหลิง ที่เพิ่งตรวจพบวันนี้นี่เอง
ทั้งที่ผ่านมากว่า 2 เดือนแล้ว ทำไม ผบช.น.ไม่ได้ตรวจยึดเอาไว้เป็นของกลาง?
และยังพบ ชิป อุปกรณ์การเล่นพนันอีก ที่แสดงถึงจำนวนเงินหมุนเวียนภายในเป็นจำนวนมาก
นับเป็นความ “สะเพร่าอย่างร้ายแรง” ของการทำงานในทีม ผบช.น.
หากเป็น “นักสืบมืออาชีพ” จริง มีอย่างที่ไหน ทิ้งของกลางในคดี ไม่เก็บไว้เป็นหลักฐาน
ไม่ได้สนใจ ไม่ให้ความสำคัญ หน่วยอื่นไปตรวจพบโดยบังเอิญ
ในวันนี้ 27 ธันวาคม ผ่านไป 2 เดือนแล้ว ยังพบร่องรอยของการใช้ยาเสพติดมากมาย
ทั้งในรถของหลานตู้ห่าว และภายในอาคาร “จินหลิง” ที่กลับถูกแม่บ้านกวาดออกมากองอยู่ด้านนอก
หลักฐานที่ต้องเก็บให้ดีในวันแรกกลับถูกละเลย เพิกเฉย ไม่สนใจ เช่นเดียวกับพยานสำคัญที่ปล่อยหลุดไปหมด
การทำ “สำนวน” ให้อ่อนปวกเปียกมีวิธีการทำมากมาย แต่ไม่เคยเห็นที่โจ๋งครึ่มแบบนี้มาก่อน
ขนาดเป็นเรื่องใหญ่ สังคมให้ความสนใจขนาดนี้ ยังแกล้งโง่ได้ถึงเพียงนี้
แม้อัยการจะเก่งขนาดไหน แต่เมื่อไม่เก็บพยานหลักฐาน ร่องรอยทั้งหมดไว้
ท้ายสุด ศาลจะไม่สามารถลงโทษได้อย่างปราศจากความสงสัย ว่าเหตุใดตำรวจถึงเว้นวรรคเรื่องที่ต้องทำ ต้องเก็บ
ยกเว้นว่า “ยกประโยชน์แห่งความสงสัยให้จำเลย”
ใครจะไปรู้ว่างานใหญ่แบบนี้
ดันปล่อยให้ “มือสมัครเล่น” มาทำงาน
เพราะยิ่งคุ้ย ยิ่งเละ