หญิงรายหนึ่งโพสต์เล่าย้อนอดีตปี 2543 ที่ตนเองได้เข้าร่วมกับขบวนสหพันธ์นิสิตนักศึกษาแห่งประเทศไทย ก่อนจะถูกชายสนับสนุนม็อบข่มขืนและขอให้ปิดเป็นความลับ ต่อมาชายรายนี้ได้เป็นถึงศิลปินแห่งชาติ
เมื่อวันที่ 25 พ.ย. ผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่งได้ออกมาโพสต์ข้อความแฉเคยถูกชายสนับสนุน "ม็อบ น.ศ.ปี 43" แถมได้เป็นศิลปินแห่งชาติ ข่มขืนแต่ขอให้ปิดเป็นความลับ โดยเจ้าตัวได้ระบุข้อความเล่าว่า
"ความจริงของมนุษย์คนหนึ่ง: ฉันเป็นผู้หญิงที่รอดจากการเคยถูกข่มขืนซึ่งกระทำโดยผู้ชายที่เป็นเหยื่อของระบบสังคมชายเป็นใหญ่ ขอให้ความจริงเยียวยาเราทุกคน ทั้งผู้ถูกกระทำและผู้เผลอกดขี่คนอื่น
สวัสดีค่ะทุกคน สิ่งที่กานต์กำลังจะเล่าต่อไปนี้มีเนื้อหาเกี่ยวกับความรุนแรง หากรู้สึกไม่สบายใจ สามารถหยุดอ่านได้ทุกเมื่อ และอาจกระตุ้นความทรงจำเลวร้ายเกี่ยวกับประสบการณ์เคยได้รับความรุนแรงโดยเฉพาะความรุนแรงทางเพศ แนะนำว่าเตรียมรับมืออาการทรอมาไว้ก่อนก็ดีนะคะ กานต์ขอบคุณความกล้าหาญของผู้หญิงแรงงานข้ามชาติที่ตัดสินใจฟ้องคดีเพราะถูกผู้ชายไทยข่มขืนและเขาก็ถูกศาลพิพากษารับโทษแล้วเมื่อสิบกว่าปีก่อน
ขอบคุณความกล้าหาญของคุณเอิน-นลินรัตน์ ตู้ทับทิม ผู้หญิงที่ออกมาเปิดเผยเมื่อวันที่ 21 พฤศจิกายน 2563 ในการชุมนุม #บ๊ายบายไดโนเสาร์ ซึ่งจัดขึ้นโดยกลุ่มนักเรียนเลว คือเรื่องเมื่อครั้งคุณเอินเรียนอยู่ชั้นมัธยมปลาย ที่เธอถูกครูผู้ชายคนหนึ่งลวนลาม การได้อ่านเรื่องราวของเธอทำให้ภาพวันที่กานต์ถูกข่มขืนไหลผ่านเข้ามาในความรู้สึกนึกคิดอย่างหยุดไม่ได้ จนกานต์ตัดสินใจรวบรวมพลังทั้งหมดเท่าที่มีออกมาเล่าความจริงของกานต์ในวันนี้ได้
เรื่องที่ถูกข่มขืน
เมื่อหน้าร้อนปี 2543 หลังตัดสินใจเข้าร่วมการชุมนุมครั้งแรกในชีวิตเพื่อต่อต้านความอยุติธรรมอันเป็นผลของการกู้เงินจากธนาคารเพื่อการพัฒนาเอเชีย หรือเอดีบี โดยเข้าร่วมขบวนกับสหพันธ์นิสิตนักศึกษาแห่งประเทศไทย (สนนท.) และพี่น้องชาวบ้าน องค์กรภาคประชาสังคมต่างๆ
หลังการชุมนุมจบ กานต์ได้ทำงานเป็นผู้ช่วยทำงานบ้านและงานจิปาถะต่างๆ ให้กับผู้ชายอาวุโสที่ให้การสนับสนุนขบวนการนักศึกษาประชาชนครานั้น กานต์ประทับใจ ศรัทธา ชื่นชม และไว้วางใจในตัวเขามาก วันหนึ่งเขาเชิญให้กานต์เป็นนางแบบนู้ดให้เขา แล้วเขาก็โถมตัวทับร่างกานต์ กานต์ช็อกนิ่ง ทำอะไรไม่ได้ เขาข่มขืนกานต์ กานต์ร้องไห้เสียใจอย่างหนัก ไม่รู้จะทำอย่างไรดี หลังพยายามคิดอย่างรอบด้านว่า หากบอกแฟน ครอบครัว เพื่อน อาจารย์ที่ตนเองรู้จักในมหาวิทยาลัย จะเกิดอะไรขึ้น กานต์พบว่ามีโอกาสที่ตนเองจะถูกประณาม ถูกหาว่าทำให้ครอบครัวและชุมชนแปดเปื้อน และเป็นความผิดของกานต์เองที่เปลื้องผ้าเป็นนางแบบให้เขา กานต์ได้ถามเขาด้วยว่าหากใครรู้เข้าจะทำอย่างไร เขาบอกว่า “ผมก็จะบอกว่าไม่จริง และคุณก็ไม่ต้องบอกใครนะ”
เขาเป็นคนมีชื่อเสียงระดับประเทศ มีคนนับหน้าถือตาเขามากมาย อาจมีกระทั่งบางคนไม่เชื่อกานต์แล้วว่าร้ายกานต์กลับ
กานต์เห็นว่าไม่มีทางออกอื่นใดเลย นอกจากบอกตนเองว่า ให้ลืมมันซะ ให้ทำเป็นเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น เพราะหากใครรู้เข้า ชีวิตเธอก็จะมีแต่พังทลาย
กานต์กลัวมาก แม้กระทั่งจะหายหน้าไปก็ไม่กล้า กานต์จึงบังคับให้ตนเองทำงานเป็นผู้ช่วยจิปาถะให้เขาต่อไปและยอมให้เขานอนด้วยยามที่เขาต้องการ เพราะหากจะปฏิเสธตามที่ใจตนเรียกร้อง ก็กลัวว่าหากขัดใจเขา เขาอาจทำให้กานต์ตกที่นั่งลำบาก เช่น เขาอาจจะบอกแฟนกานต์ กานต์รักแฟนคนแรกในชีวิตมาก หากแฟนรู้เข้า เขาต้องเสียใจมากๆ จนกระทั่งเลิกกับแฟนคนแรก และต่อมากานต์ได้พบกับผู้ชายอีกคนหนึ่งที่กานต์รู้สึกรักเขาอย่างท่วมท้น พร้อมจะสร้างครอบครัวกับเขา และอยากปกป้องความรักของเรา ก่อนค่ำวันหนึ่งกานต์ได้ขี่มอเตอร์ไซค์ไปหาผู้ชายคนที่ข่มขืนกานต์ บอกเขาว่า ต่อไปนี้กานต์จะไม่ยอมให้เขานอนกับกานต์อีกแล้ว เขาถามว่าเพราะอะไร กานต์ตอบไปว่า “เพราะหนูสัญญากับแม่หนูไว้” เขาทำสีหน้าตกใจและพูดออกมาทันทีว่า “ห้ะ แม่คุณรู้เรื่องนี้เหรอ” กานต์ตอบไปว่า หนูสัญญากับแม่ว่าจะเป็นคนรักที่ดีของแฟนคนปัจจุบันของหนูค่ะ ความจริงตอนนั้นกานต์ไม่ได้บอกแม่ แต่ที่ต้องเอาแม่มาเป็นข้ออ้าง เพราะกานต์มองไม่เห็นใครอื่นอีกแล้วที่จะสามารถทำให้เขายอมเลิกนอนกับกานต์ หลังจากกานต์ได้บอกออกไปด้วยเสียงชัดเจนแบบนั้น กานต์ก็รู้สึกโล่งใจมาก และเขาก็ไม่เคยขอนอนกับกานต์อีกเลย
แต่กานต์ก็ยังทำงานต่อไป ไม่กล้าแม้จะหายหน้าไป เพราะกลัวใครจะสงสัยและอาจรู้ว่ากานต์เคยนอนกับเขา บวกกับความจำเป็นที่จะต้องหารายได้เพิ่ม และเขาก็จ่ายค่าจ้างให้กานต์ในอัตราที่สูงกว่าที่อื่น กานต์จึงทำงานให้เขาต่อมา จนกานต์ขับรถได้ ก็ได้เป็นคนขับรถให้เขาด้วย
กานต์กับเขาจึงสนิทสนมกันระดับหนึ่ง เพื่อนๆ ที่อยู่แถวชุมชนหน้าวัดอุโมงค์ไล่ไปจนถึงชุมชนวัดโป่งน้อยจะเห็นกานต์กับเขาไปไหนด้วยกันเป็นประจำ บางคนเข้าใจผิดว่ากานต์เป็นลูกของเขาก็มี ในช่วงที่กานต์มีปัญหาหนักบางเรื่องจนร้องไห้ กานต์ก็ปรึกษาเขา เขาเองก็เคยเล่าเรื่องที่ติดค้างในใจให้กานต์ฟัง ระหว่างเดินเล่นวันหนึ่งในบริเวณบ้านเขา เขาชี้ให้กานต์ดูตำแหน่งที่เคยเป็นกระท่อมหลังหนึ่งแล้วบอกประมาณว่า “หากคนนั้นรู้ว่าเตียงมันสูงแบบนั้น เขาจะรู้ว่าไม่ใช่การข่มขืน” กานต์กับเขาสนิทกัน ในระดับที่เราเป็นห่วงเป็นใยกัน มาจนถึงวันนี้ กานต์ก็ยังรู้สึกว่าเขาคือเพื่อนคนสำคัญคนหนึ่งของชีวิตกานต์ และกานต์ก็รับความช่วยเหลือภายใต้ระบบอุปถัมภ์จากเขาด้วย
เขาได้รับรางวัลศิลปินแห่งชาติ แต่หลังจากเขาได้รับรางวัลศิลปินแห่งชาติในปี 25.. กานต์ก็รู้สึกกลัวขึ้นมาจับใจว่าใครๆ อาจรู้ว่าเขาเคยนอนกับกานต์ กานต์รู้สึกกลัวจนตัวสั่น กานต์เล่าแผนที่ตนจะไปเยี่ยมเขาให้เพื่อนคนที่กานต์ไว้ใจฟัง ว่ากานต์จะไปเยี่ยมเขา เพื่อนคนนี้พอจะทราบเรื่องระหว่างกานต์กับเขาบ้างแต่ไม่รู้รายละเอียด เพื่อนได้บอกกานต์ว่า “เขาทำร้ายเธอแล้วเธอยังจะไปหาเขาอีกเหรอ” นั่นเป็นครั้งแรกที่กานต์ยอมรับเต็มๆ ว่า เขาคือคนที่ทำร้ายกานต์ แล้วทำไมกานต์จะต้องบังคับตนเองให้ดูแลเขาอย่างเดียว ทำไมกานต์ไม่ดูแลความรู้สึกของตนเองด้วย แต่กานต์ก็ยังไม่รู้จะดูแล เยียวยาความป่วยไข้ของตนเองอย่างไร กานต์พอจะทราบขึ้นมาแล้วว่า อาการซึมเศร้า ไบโพลาร์ ที่กานต์เป็นมาโดยตลอดนั้น สาเหตุสำคัญหนึ่งคือการข่มขืนครั้งนั้นที่เขาทำต่อกานต์
วันหนึ่ง กาต์เห็นภาพในจินตนาการของตนเองว่า กานต์ไปเยี่ยมเขาที่จังหวัดน่าน บ้านเกิดกานต์ ที่เขาย้ายไปพักถาวรจนถึงปัจจุบัน ภาพผุดขึ้นมาในหัวกานต์คือ กานต์เดินเล่นกับเขาแล้วกานต์ผลักเขาตกบ่อน้ำตาย กานต์ตกใจมาก และรู้ว่าตนเองจะต้องทำอะไรสักอย่าง เพราะในความรู้เนื้อรู้ตัว กานต์ไม่ได้คิดจะฆ่าเขาเลย กานต์ไม่ได้อยากทำร้ายใครเลย เพราะกานต์รู้ว่า คนที่ถูกทำร้ายมันเจ็บปวดเพียงใด จนวันนี้ กานต์เห็นว่าความจริงจะเยียวยาเราทุกคน ทั้งกานต์ เขา และสังคมที่ป่วยไข้ ที่ยังมีการข่มขืนอยู่ทุกวันนี้ กานต์พยายามคิดหาคำตอบ พอจะได้ใจความสำคัญว่า
ที่กานต์ไม่กล้าเล่าความจริงให้ใครฟัง เพราะกานต์ยอมรับเอาการโทษเหยื่อ ว่าผู้หญิงที่ถูกข่มขืนคือผู้หญิงที่แปดเปื้อน ทำให้กานต์รู้สึกว่าตนเองไม่ดีพอ ไม่มีค่าที่จะเป็นที่รักอย่างแท้จริงของใคร กานต์จึงพยายามทำงานอย่างหนัก จนหนักเกินไปและป่วยมาหลายรอบ เพื่อที่ตนเองจะเป็น ลูกสาวที่ดี แม่ที่ดี คนทำงานที่ดี เป็นคนดีของสังคม แต่กานต์ไม่ได้เป็นคนดีของตนเองเลย อาการป่วยต่างๆ ของกานต์ส่งผลกระทบทำให้กานต์ทำงานได้ไม่ดีเท่าที่ควร จนถึงขั้นถูกให้ออกจากงานโดยไม่มีความผิด แต่เพราะความป่วย ช่วงที่ต้องพักปรับตัวรับยาลิเทียมถึงสามเดือน กานต์ดูแลลูกเองไม่ได้ ต้องเอาลูกไปฝากบ้านญาติ ลูกร้องไห้เพราะไม่อยากจากแม่ แต่กานต์ก็ทำอะไรไม่ได้เลย ร่างกายกานต์ทนไม่ได้กับอาการข้างเคียงต่างๆ ของยาทุกชนิด ยาชนิดหนึ่งทำให้กานต์สวิงไปเป็นขั้วเฟื่อง ช่วงอาการหนักๆ กานต์ออกจากบ้านเวลากลางคืน อยู่ในสภาพเสียสติ และนอนกับผู้ชายไปหลายคนอย่างไม่สนใจอะไรเลย และมันก็ทำให้กานต์เสียใจและเกลียดตนเองมากขึ้นเรื่อยๆ เป็นต้น
กานต์เคยคิดฆ่าตัวตายมาแล้วหลายครั้ง
ล่าสุด ในระหว่างร่าง เรียบเรียง สิ่งที่จะพูดนี้ ระหว่างขับรถ กานต์คิดถึงเรื่องนี้อย่างควบคุมตนเองไม่ได้ ขาดสติ เกิดอุบัติเหตุรถชนกำแพงกั้นกลางถนน ตอนนี้รถยนต์ก็ยังจอดรอซ่อมอยู่ที่อู่
แล้วอะไรล่ะที่ทำให้เขาข่มขืน
จากที่เขาเล่าให้ฟัง เช่น เขาถูกล้อว่าหน้าตาไม่หล่อเลย จนกระทั่งเขารู้สึกว่าสิ่งที่ดูดีที่สุดในร่างกายเขาคือเท้าของเขาเท่านั้น ที่ดูดีจนเป็นแบบให้ปั้นเท้าได้ เขาไม่มั่นใจในตนเองและไม่รู้วิธีแสดงความรักอย่างถูกต้อง เขาเคยถูกบูลลี่มาก่อน ดังนั้นการจะมีสัมพันธ์กับผู้หญิง เขาต้องใช้ความกล้า และ
ในยุคที่เขาเติบโตมา พระเอกหนังก็ใช้วิธีบอกรักนางเอกด้วยการโถมตัวใส่นางเอก ใช้การข่มขืนนางเอกเป็นการบอกรัก เขาเคยบอกว่ารักกานต์ด้วย และกานต์เข้าใจว่าเขาเลียนแบบพระเอกหนังในยุคเขา เพราะสื่อเหล่านั้นบอกว่าทำได้ พระเอกใจกล้าต้องกล้าโถมตัวเข้าหาผู้หญิง
นอกจากนั้น ความมีชื่อเสียง การมีคนนับหน้าถือตาเขา ความเป็นนักเขียนและศิลปินวาดภาพที่โด่งดังระดับประเทศ การเป็นผู้ร่วมก่อตั้งมูลนิธิเด็ก และเขาก็มีเพื่อนที่อยู่ในตำแหน่งมีอำนาจมากมาย อำนาจและบารมีที่เขามีก็ทำให้เขารู้ว่า ใครๆ จะฟังเขา เชื่อเขา มากว่าจะฟังหรือจะเชื่อผู้หญิงที่เขาตัดสินใจโถมตัวใส่
และเขาก็ใช้เงินและทรัพย์ต่างๆ ที่เขามี อันได้มาจากการเขียนและการวาดภาพของเขา เพื่อมาจ่ายค่าตอบแทนให้กานต์ในอัตราสูงกว่างานที่กานต์ทำที่อื่นๆ ความสัมพันธ์เชิงอุปถัมภ์ได้ช่วยปิดปากคนที่รับการอุปถัมภ์จากเขาเช่นกานต์มาโดยตลอด เพราะหากกานต์พูดไป กานต์จะถูกใครๆ หาว่าอกตัญญูได้ แต่ ณ วันนี้ กานต์เห็นแล้วว่าสภาพแบบนี้ ยิ่งทำให้เราพากันรักษาไว้ซึ่งความรุนแรงต่อผู้หญิง กานต์ไม่อยากเป็นส่วนหนึ่งในการสืบทอดอำนาจนิยมปิตาธิปไตยอีกต่อไปแล้ว กานต์ไม่อยากให้ใครถูกข่มขืนหรือถูกละเมิดทางเพศอีกแล้ว และเชื่อว่าความรุนแรงทุกรูปแบบควรยุติลง
กานต์จึงพร้อมแล้วที่จะพูดความจริง เพื่อเยียวยาทุกคน ทั้งตัวกานต์เอง เขา และสังคมที่ใช้ความรุนแรง เพื่อร่วมกันสร้างการเปลี่ยนแปลงเพื่อสังคมที่ทุกคนมีศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์เท่ากัน ผู้ชายคนที่ข่มขืนกานต์คือ เทพศิริ สุขโสภา ที่ปัจจุบันคือศิลปินแห่งชาติ สาขาวรรณศิลป์ ประจำปี พ.ศ. 2560 ของประเทศไทย ทางออกของปัญหาการทำความรุนแรงทางเพศต่อผู้หญิงนั้น ต้องมุ่งยุติที่สาเหตุระดับโครงสร้างและความเชื่อ กานต์เห็นว่าเทพศิริก็คือผู้ที่ถูกระบบสังคมชายเป็นใหญ่และอำนาจนิยม สร้างให้เป็นคนที่ข่มขืนผู้อื่น ดังนั้นเทพศิริ และทุกคนที่ข่มขืนผู้อื่น รวมทั้งคนที่ปกป้องคนที่กระทำการข่มขืน ควรได้รับการแก้ไขความเข้าใจเสียใหม่ กานต์เชื่อว่ามนุษย์เปลี่ยนแปลงได้ กานต์จึงมุ่งให้เราเข้าใจความเป็นมาเป็นไปในภาพรวมทั้งหมด เพื่อจะป้องกันไม่ให้ใครกลายเป็นนักข่มขืนอีก และสมาชิกครอบครัวของเทพศิริควรได้รับความเห็นอกเห็นใจ ไม่ควรถูกมุ่งร้าย เพราะสิ่งที่เทพศิริทำ ไม่ควรให้คนอื่นมารับผิดชอบแทนเขา แม้แต่เทพศิริเอง เขาก็ควรได้รับความยุติธรรมด้วยในฐานะที่สังคมปิตาธิปไตยและอำนาจนิยมได้ทำลายความเป็นมนุษย์ในด้านนี้ของเขาลง
หากเทพศิริยังพอมีสติระลึกรู้ได้ และสามารถเรียนรู้ว่าการมีเพศสัมพันธ์โดยไม่ได้รับความยินยอม คือการละเมิดทางเพศ คือการข่มขืน คือความรุนแรง หากเทพศิริยอมรับว่าทำผิด กานต์ก็พร้อมจะรับฟังคำขอโทษ ถึงแม้การข่มขืนจะเป็นสิ่งที่ยอมรับไม่ได้ก็ตาม แต่กานต์จะไม่ปล่อยให้ความโกรธครอบงำจิตใจกานต์เพราะมันจะทำลายตัวกานต์เอง กานต์อยากใช้พลังชีวิตที่เหลืออยู่และความรักในความเป็นมนุษย์เพื่อร่วมกันกับทุกคนสร้างสรรค์สังคมให้น่าอยู่ขึ้นค่ะ
กานต์เชื่อในข้อความว่า “เกลียดกลัวบาป แต่ไม่เกลียดกลัวคนที่ทำบาป” เหมือนที่กานต์ไม่เห็นด้วยกับโทษประหารค่ะ เพราะลำพังการมุ่งเอาผิดระดับบุคคลที่กระทำการข่มขืนไม่สามารถแก้ปัญหาได้อย่างแท้จริงแบบถอนรากถอนโคน กานต์จึงมุ่งแก้ที่สาเหตุคือระบบปิตาธิปไตยที่ผู้ชายกดขี่ผู้หญิงและเพศสภาพอื่น หรือ lgbtiqp+
เราสามารถเสริมอำนาจให้ผู้ที่ผ่านการละเมิดและความรุนแรงทางเพศได้เยียวยาตนเองได้ เช่น ให้มีกลไกการร้องเรียนที่ปลอดภัยและการบริการที่อ่อนไหวต่อความรู้สึกและสถานการณ์ของผู้ได้รับความรุนแรงทางเพศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกรณีที่เป็นเด็ก นักเรียน นักศึกษา แรงงาน ที่ผู้ชายผู้กระทำอยู่ในตำแหน่งที่มีอำนาจมากกว่า
ตราบใดที่ผู้หญิงไม่ปลอดภัย ทุกคนก็ยังไม่ปลอดภัยจากความรุนแรง เพราะอำนาจนิยมกับปิตาธิปไตยและความเป็นชายที่เป็นพิษนั้นคือการใช้ความรุนแรงต่อทุกคนที่มีอำนาจน้อยกว่า
ยุติวัฒนธรรมลอยนวลพ้นผิด เริ่มได้ด้วยพื้นที่ปลอดภัย ให้ทุกคนที่เคยได้รับความรุนแรง ได้ออกมาพูด เพื่อเรียกศักดิ์ศรีของตนคืนมา และการแก้ไขไปสู่สังคมที่ปราศจากความรุนแรงของเราทุกคนร่วมกันค่ะ
ความหวัง
กานต์มีความหวังอย่างเต็มเปี่ยม และอยากชวนทุกคนมาร่วมกันสร้างสังคมปลอดภัยปราศจากความรุนแรงต่อผู้หญิงและทุกคนค่ะ ขอเชิญทุกคนมาช่วยกันระดมความเห็นและลงมือด้วยกัน ที่กานต์คิดออกบางข้อ เช่น
สร้างพื้นที่ปลอดภัย ให้ทุกคนที่เคยได้รับความรุนแรงทางเพศสามารถพูดออกมาได้ เพื่อความยุติธรรมสำหรับทุกคน ซึ่งต้องจัดให้มีการเยียวยาบาดแผลร้ายแรงหรือทรอมาที่เกิดจากความรุนแรงด้วย
ทบทวน ปรับปรุง และขยายกลไกการให้บริการ โดยให้ผู้เคยได้รับความรุนแรงมีส่วนร่วม เพื่อให้มีกลไกการร้องเรียนที่ปลอดภัย และให้บริการอย่างอ่อนไหวต่อความรู้สึกและสถานการณ์ของผู้ได้รับความรุนแรง
สร้างความเข้าใจใหม่ เปลี่ยนปิตาธิปไตยและอำนาจนิยมเป็นประชาธิปไตย เคารพศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ของทุกคนเท่ากัน ยกเลิกการโทษเหยื่อ
เสริมอำนาจให้ผู้หญิง เด็กผู้หญิง กลุ่มผู้มีความหลากหลายทางเพศ lgbtiqp นอนไบนารี่ และกลุ่มผู้มีอำนาจน้อยหรือกลุ่มชายขอบทุกกลุ่ม เชิญทุกคนระดมความเห็นและร่วมกันลงมือปฏิบัติ หากเราร่วมกัน เราสามารถยุติความรุนแรงต่อผู้หญิงและทุกคนได้ ขอให้ความจริง ปลดปล่อย และเยียวยาเราทุกคน ชวนทุกคนเอาความรักและความหวัง มาสร้างสังคมปลอดภัย ปราศจากความรุนแรงทางเพศและความรุนแรงทุกรูปแบบร่วมกันค่ะ ขอบคุณทุกคนที่อ่านและรับฟังกานต์นะคะ"