สามีของเหยื่อ "โศกนาฏกรรมหนองบัวลำภู" โพสต์ข้อความทวงความยุติธรรมให้ลูกในท้องภรรยาอายุครรภ์ 8 เดือนที่เสียชีวิตในวันเกิดเหตุ ที่ไม่ได้รับการเยียวยาเพราะรัฐไม่นับผู้ที่ยังไม่เกิดเป็นผู้เสียชีวิต ด้านชาวเน็ตเผยหากายอมรับว่าทารกในครรภ์มารดามีชีวิตในทางกฎหมาย ความวุ่นวายก็จะไปตกที่กฎหมายการทำแท้ง
จากเหตุการณ์ที่อดีตตำรวจก่อเหตุกราดยิงและไล่แทงเด็กและครูภายในศูนย์พัฒนาเด็กเล็กจังหวัดหนองบัวลำภู เมื่อวันที่ 6 ต.ค.ที่ผ่านมา ส่งผลให้เด็กเล็กเสียชีวิต 24 ราย และเมื่อรวมกับผู้เสียชีวิตจากจุดเกิดเหตุอื่นๆ ทำให้ยอดผู้เสียชีวิตอยู่ที่ 36 ราย ไม่รวมตัวผู้ก่อเหตุ
อย่างไรก็ตาม วันนี้ (7 พ.ย.) ผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่งซึ่งเป็นหนึ่งในผู้สูญเสียคนรักในวันเกิดเหตุ ซึ่งเป็นคุณครูที่กำลังตั้งครรภ์ได้ 8 เดือน ได้ออกมาโพสต์ระบายความคับข้องใจที่เกิดขึ้น หลังจากที่ทางภาครัฐไม่นับลูกที่อยู่ในครรภ์เป็นผู้เสียชีวิต จึงไม่เข้าข่ายได้รับการเยียวยา โดยผู้โพสต์ได้ระบุข้อความว่า
"ลูกผมนะถ้าพูดตามกฎหมายลูกผมไม่ได้รับการเยียวยาอยู่แล้ว เพราะลูกผมมาสิ้นใจตั้งแต่อยู่ในท้องแม่ ถ้ารัฐบาลมาถามหาเลขบัตรประชาชนใบเกิดลูกผมไม่มี เพราะลูกผมสิ้นใจก่อน จะให้เขาเอาเลขบัตรประชาชนกับใบเกิดมาแต่ไหน ขนาดผมพาภรรยาไปผ่าคลอดทั้งๆ ที่เขาเสียชีวิตไปแล้ว
นี่เหรอคือสิ่งที่รัฐเอาแต่กฎหมายมาอ้างในการเยียวยาลูกชายเหตุผลเพียงเพราะลูกผมสิ้นใจในท้อง ผมเคารพกฎหมายบ้านเมืองเสมอแต่พวกคุณเข้าใจไหมว่ามนุษยธรรมมันควรมีทุกคน สิ่งที่ผมโพสต์วันนี้ และในส่วนของราชการล่ะครับคุณเอาแต่กฎหมายว่าลูกผมไม่มีนั่นนี่สิ้นใจก่อนไม่นับลูกผมในการเสียชีวิตครั้งนี้ ผู้ใหญ่ทุกภาคส่วนรู้ไหมว่าผมต้องเจ็บช้ำแค่ไหน
ผู้ใหญ่เอาแต่หลักเกณฑ์มาพูดอันนั้นอันนี้ไม่ได้ แต่ผู้ใหญ่เข้าใจไหมว่าผมสูญเสียทั้งเมียและลูก ผมรู้ว่าทุกคนก็สูญเสียไม่แพ้กัน ผมเป็นพ่อผมต้องทวงความยุติธรรมให้ลูกผม แล้วมัวเอาแต่เอากฎหมายมาอ้าง สงสารลูกผมบ้างไหม มนุษยธรรมมีให้ลูกผมบ้างไหม
ผมว่าจะไม่โพสต์แล้ว ผมอดทนมานานแล้ว ถ้าคิดว่าผมเห็นแก่เงิน คุณก็เอาชีวิตลูกเมียผมคืนมา ต่อให้ผมมีหนี้มากแค่ไหนผมก็มีความสุข ผมได้อยู่พร้อมหน้าพร้อมตากัน นี่เหรอคือสิ่งที่ผู้ใหญ่บ้านเมืองเห็นชีวิตเด็กน้อย 8 เดือนมีค่าแค่นี้ ทั้งๆ ที่เขาจะต้องลืมตามาดูโลกแล้ว ผมอยากฝากถึงรัฐบาลพวกคุณก็มีลูกมีหลานพวกคุณก็น่าจะเข้าใจเรื่องนี้ดี"
อย่างไรก็ตาม ได้มีผู้ใช้เฟซบุ๊ก "ดำรงค์ นาวิกไพบูลย์" ได้ออกมาโพสต์ข้อความอธิบายเกี่ยวกับการไม่นับว่าทารกในท้องเป็น 1 ชีวิต จนกว่าจะคลอดได้สำเร็จ โดยได้ระบุข้อความว่า
"ตามหลักการทางกฎหมาย ไม่นับว่าทารกในท้องเป็น 1 ชีวิต จนกว่าจะคลอดได้สำเร็จ แล้วจะให้รัฐเยียวยาให้ได้ยังไง
เรื่องการนับชีวิตนี่ โดยหลักกฎหมายแล้วยังเถียงกันเลยว่าควรนับตั้งแต่ปฏิสนธิ หรือหลังคลอดออกมาได้ ขนาดโดยหลักศาสนาแต่ละศาสนายังนับไม่เหมือนกันเลย แต่ของไทย ถือว่านับว่ามีชีวิตหลังคลอด และได้รับการรับรองจากแพทย์ว่ารอด ยกเว้นกรณีสิทธิในการรับมรดกเท่านั้น ดังนั้นจะรัฐบาลไหนมาก็ให้ไม่ได้ทั้งนั้นแหละ ยกเว้นว่าจะมีการปรับแก้หลักการทางกฎหมายทั้งหมด
แน่นอนว่า ถ้ายอมรับว่าทารกในครรภ์มารดามีชีวิตในทางกฎหมาย ความวุ่นวายก็จะไปตกที่กฎหมายการทำแท้ง เพราะการทำแท้งจะกลายเป็นการฆาตกรรมในทันที ความซวยก็จะไปตกที่แพทย์-พยาบาลห้องคลอด ที่จะเพิ่มความวุ่นวายทางกฎหมายและการตัดสินใจทำแท้งฉุกเฉินเพื่อรักษาชีวิตมารดาในทันที ทำให้กรณีนี้แทบจะเป็นไปไม่ได้ และปล่อยให้แม่ต้องตายไปพร้อมเด็ก
คำถามคือ เราจะแก้กฎหมายเพื่อช่วยคนคนเดียว แต่ปล่อยให้คนอื่นอีกนับพันต้องเดือดร้อน ปล่อยให้แม่ผู้โชคร้ายต้องเสียชีวิต เพราะแพทย์ไม่สามารถทำแท้งเพื่อรักษาชีวิตแม่ได้กันรึเปล่า?"