ส่องโซเชียลฯ ฝ่ายที่อ้างตัวเองว่าเป็นฝ่ายประชาธิปไตย ไม่สนับสนุนพฤติกรรมชายเสื้อแดงต่อยศรีสุวรรณ เอาเฉพาะแบบไม่มีข้ออ้าง ข้อแม้ หรือข้อเลือกปฏิบัติใดๆ ไม่เอาก็คือไม่เอา
จากกรณีที่นายวีรวิชญ์ รุ่งเรืองศิริผล อายุ 62 ปี เจ้าของช่องยูทูบ ศักดินาเสื้อแดง ต่อต้านเผด็จการ บุกเข้าไปตบนายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย ระหว่างเข้าร้องเรียนต่อกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง เอาผิด โน้ส อุดม-แต้พานิช นักพูดชื่อดัง กล่าวบนเวทีเดี่ยว 13 วิจารณ์รัฐบาล หนุนผู้ชุมนุมหรือไม่ พร้อมกับกล่าวว่า ตั้งใจที่จะมาตบนายศรีสุวรรณเพื่อเป็นการสั่งสอนให้หยุดร้องเรียน อ้างว่าคำว่าประชาธิปไตย ทุกคนต้องยอมรับความเห็นต่าง แต่มึงอย่าเกินเลยจนเกินไป ท้าว่าถ้าทำผิดดำเนินคดีได้ เมื่อวันที่ 18 ต.ค. ตามที่นำเสนอข่าวไปแล้วนั้น
ทวิตเตอร์ @sirotek ของนายศิโรตม์ คล้ามไพบูลย์ พิธีกรช่องวอยซ์ทีวี โพสต์ข้อความระบุว่า "ไม่เห็นด้วยกับการใช้ความรุนแรงกรณีศรีสุวรรณ ถึงศรีสุวรรณจะร้องทุกเรื่องจนน่ารำคาญ แต่ศรีไม่เคยต่อยใคร และความรำคาญไม่ใช่ข้ออ้างให้คนทำร้ายกัน #ศรีสุวรรณ"
ทวิตเตอร์ @PanusayaS ของ น.ส.ปนัสยา สิทธิจิรวัฒนกุล หรือรุ้ง แกนนำกลุ่มที่เรียกตัวเองว่ากลุ่มราษฎร โพสต์ข้อความระบุว่า "ไม่ควรมีเหตุผลใดที่จะนำมาสนับสนุนความชอบธรรมในการใช้ความรุนแรง ไม่ว่าจะในระดับใดก็ตาม กรณีคุณศรีก็เช่นกัน"
ทวิตเตอร์ @yingcheep ของนายยิ่งชีพ อัชฌานนท์ ผู้จัดการโครงการอินเทอร์เน็ตเพื่อกฎหมายประชาชน (ไอลอว์) โพสต์ข้อความระบุว่า "นักร้องชื่อดังอย่าง ศรีสุวรรณ จรรยา สมัย คสช.ครองอำนาจ เขาก็เคยร้องนั่นร้องนี่แล้วถูกทหารเอาตัวไปปรับทัศนคติเหมือนกัน เคยเจอแล้วเขาบอกว่าจะทำอะไรต้องระวังไม่ให้เข้าทางทหารสืบทอดอำนาจ เป็นคนที่จุดยืนแปลกๆ เข้าใจไม่ค่อยได้"
"การบุกไปทำร้ายร่างกายศรีสุวรรณ ไม่ทำให้การยื่นคำร้องแปลกๆ ที่เข้าทางผู้มีอำนาจของแกหยุดลง คำร้องที่ยื่นไปแล้วก็ยังเดินต่อ แต่อาจทำให้ฝ่ายที่เรียกตัวเองว่าประชาธิปไตย ถูกจำว่าเป็นผู้ใช้ความรุนแรง ปัญหาปัจจุบันคือไม่มีกลไกตามกฎหมายอื่นที่จะใช้หยุดคำร้องพวกนี้ได้"
"ไม่เห็นด้วยกับการบริจาค หรือโพสต์บัญชีบริจาคให้คนที่ใช้ความรุนแรง การใช้ความรุนแรงไม่ได้มีต้นทุนให้ต้องใช้เงินและต้องช่วยกันสนับสนุน กลายเป็นการให้รางวัลเสียอย่างนั้น"
ทวิตเตอร์ @sunaibkk ของนายสุนัย ผาสุก ที่ปรึกษาองค์กรสิทธิมนุษยชนนานาชาติฮิวแมนไรต์วอตช์ โพสต์ข้อความระบุว่า "ความน่ารำคาญจากพฤติกรรมช่างฟ้องของ #ศรีสุวรรณ ไม่ใช่เหตุผลที่ชอบธรรมในการไปทำร้ายกันแบบนี้ ถ้าประณามฝ่ายขวาที่ทำร้ายฝ่ายประชาธิปไตย ก็อย่าเชียร์ด้วยความสะใจเวลาเกิดเรื่องแบบเดียวกันกับคนที่ตัวเองหมั่นไส้ หรือเห็นต่าง อย่าสองมาตรฐาน #ส่องทวิตยามเช้า"
เฟซบุ๊ก Pravit Rojanaphruk ของนายประวิตร โรจนพฤกษ์ ผู้สื่อข่าวอาวุโส ข่าวสดอิงลิช โพสต์ข้อความระบุว่า "มันไม่ยากที่จะเห็นทุกฝ่ายใช้ความรุนแรงต่อกัน ขอเพียงมีคนโพสต์สะใจให้ท้ายกันเยอะๆ ปราศจากเสียงปรามจากหัวแถว แถมโอนเงินให้รัวๆ ก็ไม่มีอะไรรั้งได้ ฝ่ายที่เรียกว่าประชาธิปไตยควรถามตนเองว่าจุดยืนเรื่องความรุนแรงคืออะไร สันติยังเป็นหลักการสำคัญของสังคมประชาธิปไตยที่ประชาชนแสดงออกได้โดยปราศจากความกลัวหรือไม่? แบบนี้คือสังคมในอุดมคติที่อยากได้? และถ้าบอกว่าอย่ามาอุดมคติโลกสวยทุ่งลาเวนเดอร์เลย ก็ต้องถามต่อไปว่าคุณไม่ตระหนักหรือว่าสังคมประชาธิปไตยแท้จริงที่คนเท่าเทียม ที่ยึดหลักกฎหมาย มันโคตรอุดมคติเลย! เมล็ดพันธุ์แห่งความรุนแรงมันไม่ได้มีอยู่แต่กับฝ่ายกดขี่เผด็จการหรอก"
ส่วนเฟซบุ๊ก "แนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุม - United Front of Thammasat and Demonstration" โพสต์ข้อความระบุว่า "เมื่อพวกเรากล่าวว่า “เราปรารถนาสังคมที่ปราศจากความรุนแรง” เราไม่ได้หมายถึงเพียงการใช้ความรุนแรงในรูปแบบใดรูปแบบหนึ่ง จากฝ่ายใดหรือจากกรณีใด แต่พวกเรากำลังยืนยันหลักการ ถึงการไม่ใช้ความรุนแรงในทุกระดับ ทุกรูปแบบ และจากทุกฝ่าย
ความรุนแรงมีหลายระดับ ทั้งที่มาในรูปของกำลังกายภาพ ผ่านโครงสร้างและสอดแทรกอยู่ในวัฒนธรรม เป็นที่ชัดเจนว่าสิ่งที่ศรีสุวรรณได้กระทำ อย่างการฟ้องร้องผู้เห็นต่างคือความรุนแรงในรูปแบบหนึ่ง ผ่านระบบโครงสร้างกฎหมายที่โดยสภาพแล้ว อยุติธรรม และการกระทำดังกล่าวไม่ได้เลวร้ายยิ่งหย่อนไปกว่าการใช้ความรุนแรงประเภทอื่นๆ แต่อย่างใด
หากแต่บนเส้นทางการต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยนี้ สิ่งที่พวกเราพยายามสร้างคือสังคมที่ความขัดแย้งถูกจัดการให้สามารถอยู่ร่วมกันได้โดยไม่ทำลายกันและกัน เพราะสิ่งหนึ่งที่พวกเราตระหนักคือ การใช้ความรุนแรงเพื่อตอบโต้เอาคืนความรุนแรงอีกประเภทหนึ่ง อาจไม่ใช่หนทางการแก้ปัญหาความขัดแย้งที่ส่งผลดีในสังคมการเมือง โดยเฉพาะเมื่อเราวาดหวังจะมุ่งสร้างสังคมที่ธำรงคุณค่าในระบอบประชาธิปไตย คำนึงถึงสิทธิ เสรีภาพ และศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ เพราะมันอาจสร้างระดับความเกลียดชัง และเพิ่มแนวโน้มการใช้ความรุนแรงจากทุกฝ่ายให้สูงขึ้นได้
สิ่งที่พวกเราแสดงออก อาจดูเหมือนว่าพวกเรากำลังเอาเรือไปขวางน้ำ แต่นั่นก็เพราะพวกเราเชื่อและมุ่งมั่นอย่างสุดหัวใจที่อยากจะให้เราทุกคนในประเทศนี้ได้ร่วมสร้างและอยู่ในสังคมใหม่ที่เราทุกคนปรารถนาไปด้วยกัน"
