รศ.นพ.ธีระ วรธนารัตน์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เตือนคนไทยควรตระหนักถึงสถานการณ์จริงว่าไม่ปลอดภัย ควรป้องกันตัวอย่างสม่ำเสมอ ไม่ติดเชื้อโควิดย่อมดีที่สุด เตือนสามแรงที่อาจมาพร้อมกันหากป้องกันไม่ดีพอ แรงแรกจากการระบาดต่อเนื่องจากเดิมทั้งในกลุ่มเสี่ยง คนที่ไม่ได้ฉีดวัคซีน
วันนี้ 22 เม.ย. เฟซบุ๊ก "Thira Woratanarat" หรือ รศ.นพ.ธีระ วรธนารัตน์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โพสต์ข้อความเกี่ยวกับสถานการณ์โควิด-19 โดยระบุว่า "22 เมษายน 2565
ทะลุ 507 ล้านไปแล้ว เมื่อวานทั่วโลกติดเพิ่ม 779,573 คน ตายเพิ่ม 3,207 ราย รวมแล้วติดไปรวม 507,605,202 คน เสียชีวิตรวม 6,235,307 ราย 5 อันดับแรกที่ติดเชื้อสูงสุดคือ เยอรมนี ฝรั่งเศส เกาหลีใต้ อิตาลี และออสเตรเลีย เมื่อวานนี้จำนวนติดเชื้อใหม่มีประเทศจากยุโรปและเอเชียครอง 7 ใน 10 อันดับแรก และ 14 ใน 20 อันดับแรกของโลก จำนวนติดเชื้อใหม่ในแต่ละวันของทั่วโลกตอนนี้มาจากทวีปเอเชียและยุโรป รวมกันคิดเป็นร้อยละ 79.99 ของทั้งโลก ในขณะที่จำนวนการเสียชีวิตคิดเป็นร้อยละ 78.2 การติดเชื้อใหม่ในทวีปเอเชียนั้นคิดเป็นร้อยละ 24.23 ของทั้งโลก ส่วนจำนวนเสียชีวิตเพิ่มคิดเป็นร้อยละ 17.3
สถานการณ์ระบาดของไทย เมื่อวานนี้จำนวนติดเชื้อใหม่ รวม ATK สูงเป็นอันดับ 8 ของโลก และอันดับ 3 ของเอเชีย ในขณะที่จำนวนเสียชีวิตเมื่อวานสูงเป็นอันดับ 9 ของโลก ทั้งนี้ จำนวนคนเสียชีวิตของไทยเมื่อวานนั้นคิดเป็น 23.24% ของการเสียชีวิตทั้งหมดที่รายงานของทวีปเอเชีย
อัปเดตแนวทางการรักษาโรคโควิด-19 ของ WHO ล่าสุด 22 เมษายน 2565 มีการอัปเดตแนวทางการรักษาโควิด-19 เป็นการทบทวนครั้งที่ 10 โดยอิงหลักฐานวิชาการแพทย์จากงานวิจัยต่างๆ ที่ได้รับการยอมรับ สาระสำคัญคือ การแนะนำอย่างมั่นใจ (strong recommendation) ให้ใช้ Paxlovid(Nirmatrelvir/ritonavir) ในผู้ป่วยที่มีอาการไม่รุนแรง แต่มีความเสี่ยงสูงต่อการป่วยจนต้องนอนรักษาตัวในโรงพยาบาล ยาอื่นๆ ที่มีคำแนะนำในระดับอ่อนลงมาคือ Molnupiravir, Remdesivir ฯลฯ ดังรูป
จึงเป็นข้อมูลระดับสากลที่ประเทศไทยควรนำมาใช้จัดบริการดูแลรักษาประชาชน ทั้งนี้ควรหลีกเลี่ยงการใช้ยาหรืออื่นๆ ที่ไม่มีหลักฐานเชิงประจักษ์ที่ผ่านขั้นตอนการศึกษาวิจัยตามมาตรฐานสากล หรือยังไม่เป็นที่ยอมรับในวงการแพทย์
สามแรง ที่อาจมาพร้อมกันหากป้องกันไม่ดีพอ แรงแรกจากการระบาดต่อเนื่องจากเดิมทั้งในกลุ่มเสี่ยง คนที่ไม่ได้ฉีดวัคซีน รวมถึงที่ฉีดแล้วแต่ไม่ป้องกันตัว หนุนเสริมการระบาดมากขึ้นหลังช่วงเทศกาลที่ผ่านมา น่าจะเริ่มส่งผลให้เห็นได้ราวปลายเดือนนี้แต่จะต่อเนื่องไปในพฤษภาคม
แรงที่สอง จากการติดเชื้อซ้ำในหมู่คนที่เคยติดมาก่อน ทั้งที่ได้หรือไม่ได้วัคซีน แต่ไม่ได้ป้องกันตัว
แรงที่สาม จากสายพันธุ์ย่อยใหม่ๆ ที่อาจเข้ามา เช่น BA.4 และ BA.5 ซึ่งมีคุณสมบัติหลบหลีกภูมิคุ้มกันได้เพิ่มขึ้นกว่า BA.2 เดิม และอีกสายพันธุ์ที่น่าจับตาคือ BA.2.12.1 สุดท้ายแล้วที่จะเป็นปัญหาระยะยาวคือ สึนามิจาก Long COVID ดังนั้น นโยบายและมาตรการระดับชาติจึงไม่ควรผลีผลาม ประชาชนในสังคมก็ควรตระหนักถึงสถานการณ์จริงว่าไม่ปลอดภัย ควรป้องกันตัวอย่างสม่ำเสมอ ไม่ติดเชื้อย่อมดีที่สุด อ้างอิง A living WHO guideline on drugs for covid-19. BMJ. 22 April 2022.