“โมโลตอฟค็อกเทล” เคยโด่งดังเมื่อราวปี พ.ศ.๒๔๘๓ ตอนนั้นสงครามโลกครั้งที่ ๒ เริ่มขึ้นแล้วในยุโรป โซเวียตได้ส่งเครื่องบินนำระเบิดมหาประลัยถล่มฟิลแลนด์ และส่งขบวนรถถังเข้าบุก ฟินแลนด์ก็รู้ตัวล่วงหน้าว่าต้องถูกโซเวียตบุกแน่ จึงสั่งซื้ออาวุธต่อสู้รถถังจำนวนมากจากสวีเดน แต่อาวุธสงครามไม่ได้ซื้อได้ที่เซเวนส์ กว่าอาวุธที่สั่งจะมาได้ก็หลังจากนั้นอีก ๖ เดือน อีกทั้งโซเวียตยังปิดเส้นทางลำเลียงจากสวีเดนกับฟินแลนด์ไว้ได้ ฉะนั้นเมื่อศึกมาประชิด ฟินแลนด์ก็ไม่มีอาวุธที่พอจะรับมือกับรถถังข้าศึก
ระเบิดที่โซเวียตนำมาถล่มฟินแลนด์ทางอากาศตอนนั้น มีชื่อว่า RRAB-3 มีลักษณะเป็นท่อใหญ่ ติดใบพัดไว้ที่หาง เมื่อถูกทิ้งจากเครื่องบินใบพัดจะหมุนทำหน้าที่เปิดฝาท่อออก ปล่อยระเบิดเพลิงลูกเล็กๆที่มีจำนวนถึง ๖๐ ลูกกระจายเป็นสายฝนลงมาสู่หลังคาบ้าน ทำให้ชาวฟินแลนด์แตกกันกระเจิง จากนั้นขบวนรถถังจำนวนมหาศาลของโซเวียตก็ยาตราเข้าสู่ฟินแลนด์
การโจมตีเป้าหมายที่เป็นพลเรือน ทำให้สหรัฐอเมริกาส่งสาส์นประณามโซเวียต แต่นายวยาเชสเลฟ โมโลตอฟ รัฐมนตรีต่างประเทศโซเวียต ปฏิเสธหน้าตาเฉยว่าไม่ได้โจมตีฟิลแลนด์ แต่ได้นำอาหารไปทิ้งให้ชาวฟินแลด์ที่กำลังหิวโหย ภาพไฟไหม้ที่เอามาแสดงนั้นก็เป็นภาพเก่าตั้งแต่สงครามโลกครั้งที่ ๑ ชาวฟิลแลนด์จึงประชดประชันเรียกระเบิด RRAB-3 ว่า “ตะกร้าขนมปังของโมโลตอฟ”
เมื่อไม่มีอาวุธจะต่อต้านรถถังรัสเซีย กองกำลังของฟินแลนด์ก็นึกถึงระเบิดขวดที่นายพลฟรานซิสโก ฟรังโก เพิ่งใช้ต่อต้านรถถังโซเวียตที่สนับสนุนฝ่ายตรงข้ามในสงครามกลางเมืองสเปน จึงทำขึ้นใช้บ้าง และตั้งชื่อให้เป็นเครื่องดื่มให้เข้ากับขนมปังของนายโมโลตอฟ ว่า “โมโลตอฟค็อกเทล”
โมโลตอฟค็อกเทล ทำด้วยขวดแก้วใส่สารไวไฟ เช่น เบนซิน แอลกอฮอล์ และใช้ไส้ตะเกียง หรือผ้าฝ้าย เป็นสายชนวนสำหรับจุดไฟใส่ไว้ที่ปากขวด เมื่อขว้างไปที่เป้าหมาย ขวดแตกออกเชื้อเพลิงไวไฟในขวดจะถูกจุดด้วยเปลวไฟที่ไส้ ทำให้โมโลตอฟค็อกเทลเป็นเสมือนระเบิดนาปาล์ม
ความจริงแล้วโมโลตอฟค็อกเทลไม่ใช่ของใหม่ที่เพิ่งเกิดขึ้นในสงครามกลางเมืองสเปน แต่เป็นระเบิดขวด อาวุธบ้านๆที่เคยใช้กันมาหลายประเทศแล้ว มีรายงานว่า ในปี พ.ศ.๒๔๐๖ บริษัทการเงินในนิวยอร์คเคยใช้โยนใส่กลุ่มผู้ประท้วงที่เคลื่อนเข้ามาใกล้สำนักงาน เอธิโอเปียก็เคยใช้ต่อต้านการคุกคามของอิตาลีในปี ๒๔๗๘ จีนเคยใช้ตอบโต้ทหารญี่ปุ่นที่บุกเข้ามาถึงเซี่ยงไฮ้
ในปี ๒๔๘๐ ในปี ๒๔๘๒ ญี่ปุ่นทำสงครามกับโซเวียตที่มองโกลเลีย ก็นำโมโลตอฟค็อกเทลไปใช้ปราบรถถังโซเวียตเหมือนกัน และคุยว่าทำลายรถถังรัสเซียได้ ๑๐๐ กว่าคัน แม้แต่ยูเครนเองก็เคยใช้โมโลตอฟค็อกเทลเมื่อปี ๒๔๕๗ มานี่เอง เมื่อผู้ประท้วงรัฐบาลได้บุกเข้าไปในสำนักงานใหญ่พรรคการเมืองของประธานาธิบดี วิกเตอร์ ยานูโควิช โดยใช้โมโลตอฟค็อกเทลนำทาง
โมโลตอฟค็อกเทลหรือระเบิดขวด ถือว่าเป็นสิ่งผิดกฎหมาย ไม่สามารถผลิตหรือมีไว้ในครอบครองได้ เมื่อปี ๒๕๖๑ รัฐเคนตักกี้ของสหรัฐอเมริกาได้ตัดสินให้เด็กหนุ่มอายุ ๒๐ คนหนึ่งที่ผลิตโมโลตอฟค็อกเทลแล้วโยนเผาโรงเรียน ถูกจำคุกถึง ๒๐ ปี
ในการที่ยูเครนถูกรัสเซียบุกครั้งนี้ เมื่อไม่มีอาวุธจะรับมือรถถังรัสเซียได้ รัฐบาลยูเครนจึงสั่งให้ประชาชนเร่งทำโมโลตอฟค็อกเทล และเปิดการฝึกสอนวิธีใช้ตามโรงงานร้างในเมืองเคียฟ ขณะที่รัสเซียใช้ขีปนาวุธยิงเข้าถล่ม
เมื่อตอนที่ชาวฟิลแลนด์ใช้โมโลตอฟค็อกเทลสู้กับรถถังรัสเซียนั้น สามารถทำลายรถถังโซเวียตได้ไม่ต่ำกว่า ๔๐ คัน แต่ขบวนรถถังของโซเวียตก็บุกเข้ามาเป็นพันคัน ซึ่งก็คงแค่คันๆเท่านั้น ครั้งนี้ก็คงเหมือนกัน
แต่อย่างไรก็ตาม บทบาทของ “โมโลตอฟค็อกเทล” ก็จะได้รับการจารึกไว้อีกครั้งในประวัติศาสตร์ของการต่อสู้