“ดร.ปิยศักดิ์” คาดโอกาสรัสเซียบุกยูเครน แค่ 20-30% เป้าหมายหลักต้องการทำสงครามเย็นมากกว่า ชี้ ราคาน้ำมันโลกพุ่งแตะ 120 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล เป็นไปได้ยาก เหตุเศรษฐกิจแย่ ดีมานด์เริ่มแผ่ว
วันที่ 14 ก.พ. 2565 ดร.ปิยศักดิ์ มานะสันต์ ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายวิจัยการลงทุน บล.ไทยพาณิชย์ ให้สัมภาษณ์ในรายการ “คนเคาะข่าว” ออกอากาศทางสถานีโทรทัศน์ผ่านดาวเทียม ช่อง “นิวส์วัน” ในหัวข้อ “วิกฤตน้ำมัน จะแพงไปถึงไหน?”
โดย ดร.ปิยศักดิ์ กล่าวในช่วงนึงว่า ราคาน้ำมันหากดูตามปัจจัยพื้นฐานเรื่องซัปพลาย ดีมานด์ ตัวเลขล่าสุดประมาณไตรมาสที่ 4 ของปีที่แล้ว ดีมานด์อยู่แถว 100 ล้านบาร์เรลต่อวันของน้ำมันทั่วโลก ในขณะที่ซัปพลาย อยู่ประมาณ 98 ล้านบาร์เรลต่อวัน ตัวเลขของความต้องการที่มากกว่าทำให้ราคาเพิ่มขึ้น เทียบกับไตรมาสที่ 3 ของปีที่แล้ว ดีมานด์อยู่ที่ 98 ล้านบาร์เรลต่อวัน ซัพพลาย 96 ล้านบาร์เรลต่อวัน ห่างกันประมาณ 2 ล้านบาร์เรลต่อวัน ตอนนี้ก็ห่างประมาณ 2 ล้านบาร์เรลต่อวัน ฉะนั้นตามปัจจัยพื้นฐานไม่ได้ต่างกันมาก ตนมองจากโมเดลที่คำนวณ ราคาควรอยู่แถว 75ดอลลาร์ต่อบาร์เรล แต่ล่าสุดตอนนี้ขึ้นมาที่ประมาณ 95 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล มันเป็นเรื่องปัจจัยความเสี่ยง ด้านสงครามยูเครน-รัสเซีย และกระแสการเก็งกำไร
ดร.ปิยศักดิ์ กล่าวอีกว่า ตนมองว่าโอกาสที่รัสเซียจะบุกยึดยูเครนจริงๆ ประมาณ 20-30% หลักๆ 60-80 เปอร์เซ็นต์ เป็นการเกิดสงครามเย็นมากกว่า
ราคาน้ำมันหลายฝ่ายมองว่าหากเกิดสงครามขึ้นจริง อาจขึ้นเป็น 120 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล แต่ถ้าไม่บุกก็ยากที่จะถึง 120 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล เพราะดีมานด์เริ่มแผ่วลงแล้วในระดับหนึ่ง ภาพของเศรษฐกิจโลก ดัชนีต่างๆ ส่งสัญญาณชะลอลงแล้ว จากเรื่องโอมิครอนส่วนหนึ่ง อีกส่วนภาพของต้นทุนที่เพิ่มมากขึ้น ทั้งต้นทุนทางการเงินจากการที่เฟดรวมไปถึงธนาคารกลางต่าง ๆ ส่งสัญญาณจะขึ้นดอกเบี้ย และต้นทุนการผลิตจากราคาสินค้าโภคภันฑ์ต่างๆ ที่เพิ่มมากขึ้น ภาพเหล่านี้มันก็เลยทำให้กดดันเศรษฐกิจโลกในระดับหนึ่งแล้ว ต่อให้น้ำมันราคาขึ้นได้ถึง 120 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล แม้ไม่มีสงคราม แต่ว่าสักพักก็คงต้องลงมา เพราะว่าเศรษฐกิจเริ่มแย่ลง เสี่ยงเงินเฟ้อสูง เฟดก็จะต้องส่งสัญญาณที่จะขึ้นดอกเบี้ยแรง ซึ่งก็จะกดดันเศรษฐกิจอีก ฉะนั้น ราคาน้ำมันจะขึ้นไปยืนเหนือ 120 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลค่อนข้างยาก
