รองอธิการบดี มธ.โต้นายกรัฐมนตรีสั่งตรวจสอบหลักสูตรโรงเรียนสาธิต มธ. หลังสื่อบางฉบับระบุเปลี่ยนหลักสูตรล้างสมองเด็กเล็ก บิดเบือนประวัติศาสตร์ และสถาบันพระมหากษัตริย์ ระบุที่นี่ไม่ได้สอนทำตามสั่ง แต่สอนให้คิดและรับผิดชอบ ไม่ได้สอนเชื่อฟังคนมีอำนาจ ชี้นายกฯ ไม่เข้าใจ ไม่รู้ไปฟังมาจากไหน
วันนี้ (5 ก.พ.) เฟซบุ๊ก "Prinya Thaewanarumitkul" ของ ผศ.ดร.ปริญญา เทวานฤมิตรกุล รองอธิการบดีฝ่ายความยั่งยืนและบริหารศูนย์รังสิต และอาจารย์ประจำภาควิชากฎหมายมหาชน คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ โพสต์ข้อความกรณีที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี สั่งให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดูหลักสูตรของโรงเรียนสาธิตแห่งมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ว่า "ปัญหาหลักของการศึกษาของประเทศไทยคือ การเอาแต่สอนให้ท่องจำและทำตามอาจารย์สั่ง โดยไม่ต้องใช้ความคิดอะไรมาก การศึกษาแบบนี้เป็น "การศึกษาแบบอำนาจนิยม" ซึ่งนอกจากจะไม่อาจทำให้ประเทศไทยเกิดกำลังทางความคิดและสติปัญญา ไม่อาจพาประเทศไทยไปไหนได้ แล้วก็ยังเป็นการศึกษาที่ไม่ส่งเสริมประชาธิปไตยเลยครับ เพราะเป็นการศึกษาแบบสอนให้คนเชื่อฟังผู้มีอำนาจ แม้ว่าอำนาจนั้นจะได้มาโดยมิชอบ การปฏิวัติรัฐประหารถึงยังไม่หมดไป และประชาธิปไตยที่ตั้งอยู่บนหลักการความเสมอภาคเท่าเทียม และสิทธิเสรีภาพที่รับผิดชอบต่อส่วนรวม จึงไม่ประสบความสำเร็จในประเทศไทยเสียที
โรงเรียนสาธิตธรรมศาสตร์ก่อตั้งขึ้นมาเพื่อสาธิตการศึกษาแบบให้นักเรียนคิด และมีวินัยแบบรับผิดชอบ ทั้งต่อตนเอง ต่อคนอื่น และต่อส่วนรวม เป็นการศึกษาเพื่อสร้างสติปัญญา ไม่ได้สอนให้ทำตามสั่ง จึงย่อมแตกต่างไปจากการศึกษาแบบที่ท่านนายกรัฐมนตรีเคยได้รับการศึกษามา เราจึงพอเข้าใจได้ว่าทำไมท่านนายกรัฐมนตรีจึงไม่เข้าใจ แต่ที่ไม่เข้าใจเลยคือที่ท่านนายกรัฐมนตรีไม่ทราบไปฟังมาจากไหนหรือไปอ่านเฟซบุ๊กใครมา มากล่าวหาว่าโรงเรียนสาธิตธรรมศาสตร์บิดเบือนประวัติศาสตร์และสถาบันฯ ทั้งๆ ที่เขาแค่สอนให้คิด ให้ตั้งคำถาม และให้มีวินัยแบบคิดเองและรับผิดชอบต่อส่วนรวม
ท่านยังไม่ได้ตรวจสอบอะไรเลยก็พูดผิดๆ ไปแล้ว เป็นตัวอย่างที่ไม่ดีอย่างยิ่งต่อเยาวชน จะว่ารู้เท่าไม่ถึงการณ์ก็ไม่ได้เพราะท่านเป็นถึงนายกรัฐมนตรีนะครับ หน่วยงานที่ท่านสั่งให้จับตาก็คงลำบากใจเพราะรู้ว่าเรื่องจริงไม่ได้เป็นอย่างที่ท่านนายกรัฐมนตรีพูด ทั้งหมดนี้ผมกล่าวในนามอาจารย์ธรรมศาสตร์คนหนึ่ง เพราะไม่ได้เป็นผู้บริหารมหาวิทยาลัย ก็ขอให้หน่วยงานที่จะมาจับตาก็ช่วยจับตาและกลับไปบอกท่านนายกฯ ว่าท่านพูดผิด และโปรดตรวจสอบข้อมูลก่อนจะพูดอะไรนะครับ"
อ่านโพสต์ต้นฉบับ คลิกที่นี่
กรณีดังกล่าว สืบเนื่องจากเฟซบุ๊กเพจ Mappa โพสต์ข้อความเมื่อวันที่ 31 ม.ค.ที่ผ่านมา อ้างคำพูดของ รศ.ดร.อนุชาติ พวงสำลี ประธานบริหาร โรงเรียนสาธิตแห่งมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ระบุว่า "หลายวิชาเราสลัดทิ้ง เช่น วิชาลูกเสือเนตรนารี ก็เปลี่ยนเป็นวิชาอยู่รอดปลอดภัย รื้อเนื้อหาใหม่หมด เรียนทำไมเงื่อน ปม หรือแบกธง ก็เปลี่ยนเป็นซ้อมหนีไฟให้เป็นเวลาไฟไหม้ ดับไฟเป็นมั้ย ปฐมพยาบาลให้เป็น ว่ายน้ำก็ไม่มุ่งกีฬาเพื่อความเป็นเลิศ แต่เอาพัฒนาการด้านร่างกายก่อน ครูพละต้องตอบโจทย์ว่าถ้าเด็กตกน้ำ ต้องรอด เอาแค่นี้ ไม่ต้องมาผีเสื้อกับผม"
นอกจากนี้ รศ.ดร.อนุชาติยังระบุอีกด้วยว่า “เราไม่ใส่เครื่องแบบ ไม่เคร่งครัดเรื่องทรงผม ไม่มีวิชาลูกเสือเนตรนารี ไม่สอนวิชาพระพุทธศาสนา ไม่ให้เด็กมายืนเคารพธงชาติตอนเช้า ไม่มีสวดมนต์ตอนเช้า แต่เรามีคำตอบในการอธิบายสิ่งเหล่านี้ว่าเราจะใช้อะไรมาเป็นกติกาในการสร้างความเป็นระเบียบวินัยของเด็ก” และว่า “โรงเรียนไม่ได้มีไว้เพื่อสอนเด็ก แต่เป็นการสร้างระบบนิเวศการเรียนรู้ให้เกิดขึ้น” โพสต์ดังกล่าวถูกแชร์มากกว่า 1.3 หมื่นครั้ง และความเห็นคนรุ่นใหม่ชื่นชมทัศนคติดังกล่าว
อ่านโพสต์ต้นฉบับ คลิกที่นี่
ต่อมาได้มีสำนักข่าวแห่งหนึ่งเปิดเผยภาพที่ รศ.ดร.อนุชาติได้พบกับ ศ.ดร.ธงชัย วินิจจะกูล ศาสตราจารย์ประจำคณะประวัติศาสตร์ มหาวิทยาลัยวิสคอนซิน-เมดิสัน สหรัฐอเมริกา ซึ่งที่ผ่านมามีทัศนคติตรงกันข้ามกับสถาบันพระมหากษัตริย์ และกล่าวว่า ขอขอบคุณ ศ.ดร.ธงชัยที่มาเยี่ยมชมห้องเรียน ดูการสอน และเล่าสรุปรายงานการศึกษา “แนวทางการจัดการเรียนการสอนประวัติศาสตร์” ให้กับทีมครูโรงเรียนสาธิตธรรมศาสตร์ ระยะต่อไป เราวางแผนจัดทำเอกสารคู่มือ/แนวทาง พร้อมกับการออกแบบการเรียนการสอนจริง เพื่อเผยแพร่ จัดอบรมให้แก่คุณครูในระดับมัธยมทั่วประเทศต่อไป กลายเป็นประเด็นที่ทำให้สำนักข่าวดังกล่าวระบุว่า เป็นการล้างสมองเด็กเล็ก มีการบิดเบือนประวัติศาสตร์และสถาบันพระมหากษัตริย์ และเรียกร้องให้รัฐบาลตรวจสอบ