ผู้ก่อตั้งนิตยสารทีวีพูลเผยหลังอดีตพระมหาสมปองเลิกทำรายการทีวี แฉขนของออกจากบ้านเกลี้ยง ทั้งที่ช่วยเหลือปรับโครงสร้างหนี้สิน ซื้อเสื้อผ้าเป็นแสน รีโนเวตบ้านให้อยู่เกือบล้าน แถมป้อนงานให้กลับทำแบบนี้ ชี้เจ้าตัวทะเยอทะยานอยากรวยเร็ว อยากเป็นนักร้องลูกทุ่งดัง ฝากเรื่องไวน์อย่าดื่มมากทำลายเสียง เรื่องผู้หญิงอย่าเที่ยวกอดคนโน้นคนนี้ และเรื่องคบเพื่อนระวังธุรกิจสีเทา ขอให้โชคดี จากนี้ขออโหสิไม่ต้องเจอกันอีก
วันนี้ (4 ก.พ.) รายงานข่าวแจ้งว่า นางพันธุ์ทิพา ศกุณต์ไชย ผู้ก่อตั้งนิตยสารทีวีพูล แถลงข่าวกรณีที่นายสมปอง นครไธสง หรืออดีตพระมหาสมปอง ตาลปุตฺโต ประกาศถอนตัวจากรายการ ถึงไหนถึงกัน ทางช่อง 5, รายการมาหาพาสนุก ทางช่อง 9 และรายการ โทรติดทิดตอบ ทางทีวีพูลออนไลน์ ทั้งที่นายสมปองติดสัญญากับทีวีพูลกรุ๊ป 2 ปี นางพันธุ์ทิพากล่าวว่า นายสมปองติดต่อเข้ามาหาตนโดยที่ไม่ได้เรียกเข้ามาเอง ตนเห็นว่าเคยทำกุศลมา 30 ปี พูดธรรมะแล้วสนุก มีคนติดตาม ตอนแรกไม่ได้หวังว่าจะให้มาช่วยอะไร แต่เนื่องจากบ้านร้างมานาน และตนได้เดินสายธรรมะหลังผ่านวิกฤตทีวีดิจิทัลมานานกว่า 6 ปี เลยให้มาอยู่บ้านหลังนี้ คิดว่าจะได้เดินสายธรรมะร่วมกัน ที่ผ่านมามีอดีตเพื่อนร่วมงานหลายคนเป็นห่วง กลัวว่าจะถูกหลอก แต่ก็บอกว่าไม่เป็นไร จะได้รีโนเวตบ้าน ที่ผ่านมานายสมปองพยายามคิดธุรกิจเยอะแยะ ตนบอกว่าเอาทีละเรื่อง เป็นพระยังไม่ทันผู้อื่นเขา เดี๋ยวจะมีปัญหาการเงิน ให้ศึกษาความเป็นไปได้ทั้งรายรับรายจ่าย ซึ่งเขาไม่รู้เรื่องอะไรนอกจากพูดธรรมะ
ต่อมานายสมปองกล่าวว่ายังไม่มีเสื้อผ้า ตนได้โทรศัพท์ไปหานายบุญเกียรติ โชควัฒนา ประธานกรรมการ บริษัท ไอ.ซี.ซี.อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด ให้นายสมปองเลือกเสื้อผ้า ก็ได้ซื้อเสื้อผ้ายี่ห้อลาคอสต์ (Lacoste) 3 ชุดใหญ่ๆ รวมทั้งหมด 8 หมื่นบาท ไม่นับรวมซื้อเสื้อผ้ายูนิโคล่ (Uniqlo) ทั้งหมด 3 หมื่นบาท โดยตนออกค่าใช้จ่ายทั้งหมด และรีโนเวตบ้านอีก 7 แสนบาท แต่เรื่องใจทำให้ตนรู้สึกเสียใจ ทำไมเรื่องราวถึงเกิดแบบนี้ เชื่อว่าสิ่งที่เขาไม่พอใจมากก็คือ เขามีความทะเยอทะยาน อยากจะรวยเร็วๆ แต่ตนได้กล่าวว่าเป็นไปไม่ได้ เพราะจะปลูกต้นไม้ต้องเริ่มจากเมล็ด นอกจากเป็นเงินสีเทา เงินหลอกลวง คนทำธุรกิจจะรู้ว่าต้องค่อยๆ เติบโต แต่เขาอาจจะมีคนถวายตลอดเวลาเลยไม่เข้าใจตรงนี้
ปัญหาอีกอย่างหนึ่งก็คือ นายสมปองมีหนี้สิน 10.9 ล้านบาท อยากจะไปทำสวนยางพาราให้ครอบครัว เพราะครอบครัวได้เงินจากเขามาตลอด และมีค่าใช้จ่ายเดือนละนับแสนบาท ตนตกใจว่าเป็นพระทำไมมีหนี้สินนับสิบล้านบาท เขาก็คิดดีอยากกตัญญูต่อครอบครัว จึงไล่ซื้อที่ดิน ส.ป.ก. กว่า 300 ไร่ ทั้งที่การปลูกยางพาราไม่ใช่เรื่องง่าย กระทั่งทำไม่ได้ พยายามขายที่ดิน ขายเท่าไหร่ยังขายไม่ได้ ตอนที่ซื้อที่ดินใช้เงินนอกระบบซึ่งมีดอกเบี้ยตามมา เดือนละ 3 แสนบาท ซึ่งหนักมาก บอกกับตนว่าเป็นลูกศิษย์ของเจ้าคุณอลงกต วัดพระบาทน้ำพุ จ.ลพบุรี ซึ่งตนเคารพนับถือ จึงสงสารให้ลูกศิษย์คนสนิทปิดหนี้ให้ และผ่อนส่งกับลูกศิษย์ ปรากฏว่าส่งบ้างไม่ส่งบ้าง แต่ตนมองนายสมปองเหมือนลูกคนสุดท้องที่ทำให้ลูก
นางพันธุ์ทิพากล่าวว่า จุดแตกหักกับนายสมปองคือเรื่องเงิน ที่ผ่านมาเขาอยากได้อะไรก็ให้คำแนะนำ แต่เขาไม่อยากฟัง เหมือนเด็กคนหนึ่งที่ออกมา ทุกอย่างตนอโหสิ ไม่เสียใจ นายสมปองให้คนขนของออกจากบ้านโดยไม่บอกกล่าวและไม่ลาด้วย ยืนยันว่าไม่ได้ทะเลาะกัน แต่รู้ว่านายสมปองอยากจะรวย ซึ่งอาจจะเกี่ยวข้องกับเงินสีเทา ตนบอกว่าให้ระวัง ไม่รู้ว่าทำไมอยากรวยมากเลย เขาจะดิ้นไปเรื่อยๆ ตนบอกว่า แม่ค้าออนไลน์บางคนอาจจะเกี่ยวกับแชร์ลูกโซ่ อ้างว่าเป็นอาชีพสร้างแบรนด์ ส่วนใหญ่ไม่รอด พยายามจะบอกว่าคนที่อยู่รอบตัว ให้เลือกคบคนที่มีต้นทุนชีวิตเหมือนกัน เวลาเกิดเรื่องเราก็เสียเขาก็เสีย ไม่ใช่เสียไม่เหมือนกัน แต่เขาไม่ฟัง มองว่าเรื่องเงินคือเรื่องใหญ่ ทำให้ความคิดของเขาหน้ามืด ปิดบังจิตใจหมดเลย
ตนได้บอกกับนายสมปองว่าไม่ต้องกังวล พี่เป็นเจ้าของทีวีพูลเก่า จึงเรียกประชุมเออี วางแผนว่าจะหาเงิน 10.9 ล้านบาทให้นายสมปองอย่างไรภายใน 1 ปี ทำรายการอะไรก็ได้ไม่หลุดคำว่าธรรมะ นายกันต์พงษ์ ศกุณต์ไชย ลูกชายคนเล็ก จึงเสนอทำรายการโทรทัศน์ 3 รายการ เช่น รายการตอบปัญหา ละครซิตคอมตลกซึ่งเขาชอบ บันทึกเทปแล้ว 8 ตอน และรายการช่วยเกษตรกร คิดว่าทำอะไรเพื่อซีเอสอาร์ตัวเอง ไม่ใช่ไลฟ์ขายคอลลาเจน อาหารเสริม กาแฟ เรตรีวิวสินค้า 30 นาที 150,000 บาท 1 ชั่วโมง 300,000 บาท แต่เป็นการกรีดเลือดตัวเองตลอดเวลา ไม่ได้ให้อะไรกับสังคม และการพูดเกินจริง ผิดกฎหมาย เขาคิดว่าได้เงินดี แต่ไม่รู้ว่าจะผิดกฎหมาย ถูก อยมาจัดการ
ที่ผ่านมาตนให้ลูกชายทำรายการให้นายสมปองด้วยค่าตัวที่แพงกว่าดาราทั่วไป แต่นายสมปองไม่เข้าใจ เปรียบเทียบกับคนรีวิวสินค้าซึ่งกรีดเลือดตัวเอง ตนให้คิวถ่ายทำรายการ 2 คิว เป็นเงิน 100,000 บาท แต่ทำไม่ไหว จึงขยับเป็น 3 คิว รายการถามตอบปัญหา สัปดาห์ละครั้ง และรายการไลฟ์สดขายของ 3 ครั้งต่อสัปดาห์ ซึ่งจะมีรายได้ประจำ 250,000 บาทต่อเดือน นายสมปองไม่รู้ว่ากระแสไม่ได้อยู่ตลอดไป แต่เซ็นสัญญา 2 ปีเพื่อให้มีรายได้มั่นคง วางแผนให้เหมือนกับลูก ให้นำเงินตัวนี้ไปจ่ายหนี้เพราะเป็นเรื่องสำคัญมาก หลวงพ่ออลงกตก็เมตตา ให้นำเงิน 1 ล้านบาทจ่ายล่วงหน้า ซึ่งตนก็จ่ายไปแล้ว
ขณะที่เพื่อนตนเป็นเจ้าของบริษัท ก็โทร.ไปค่ายรถยนต์และค่ายมือถือเพื่อขอให้นายสมปองเป็นพรีเซ็นเตอร์ แต่นายสมปองไม่ใช่คนที่มีภาพลักษณ์ดี จึงต่อรองว่าให้พรีเซ็นต์โปรโมชันช่วงสั้นๆ ก็ได้ แต่ได้รับคำตอบว่า หากส่งไปเสนอบริษัทแม่ที่ญี่ปุ่นจะถูกตีกลับเพราะนายสมปองอ้วนมาก จึงติดต่อคลินิกศัลยกรรมชื่อดังแห่งหนึ่งเพื่อดูดไขมันจะได้หุ่นดี เสนอว่าเป็นพรีเซ็นเตอร์คลินิกในลักษณะ Before and After นายสมปองจะได้ดูดไขมันฟรีและได้เงินอีก 1 แสนบาท คุยกันเรียบร้อย นัดเวลาเรียบร้อย แต่นายสมปองไปไลฟ์ให้กับเจ้าอื่น จึงไม่รู้ทำอย่างไร ยืนยันว่าทีวีพูลไม่กระทบ แต่ลูกชายกระทบเพราะต้องปรับเปลี่ยนรายการใหม่หมดเลย ส่วนเรื่องสัญญา 2 ปี และเงินที่จ่าย 1 ล้านบาทต้องให้ฝ่ายกฎหมายดูความเสียหาย ตนไม่อยากให้ฟ้องร้อง แต่ถ้าจำเป็นก็ต้องฟ้องร้องเพื่อให้เป็นกรณีศึกษาคนทั่วไปว่าทำแบบนี้ไม่ได้ วันหนึ่งบอกว่าไม่ทำแล้วนั้นทำไม่ได้
นางพันธุ์ทิพากล่าวว่า ตนไม่ต้องการสิ่งของคืน รักแล้วรักเลย ตอนนี้ขออโหสิดีกว่า ไม่ต้องมาเจอกัน ต่างคนต่างจากไป อวยพรให้เขาโชคดี ความฝันของเขาอยากเป็นนักร้องลูกทุ่งที่โด่งดัง ตนสร้างเขาให้เป็นนักพูดธรรมะที่ยิ่งใหญ่ แต่เขาไม่ต้องการ ก็เป็นทางเลือกของเขา ซึ่งถ้าคิดไม่ตรงกันก็คุยกันยาก เขามองเรื่องเงินเรื่องใหญ่ แต่ตนมองภาพลักษณ์เป็นเรื่องใหญ่เพราะหากินได้นาน และมีคนกราบไหว้ตลอด แต่เขาบอกว่าไม่ต้องการให้ใครมากราบไหว้ แต่ต้องการให้กอด เคยเตือนว่าอย่าไปเป็นดอกไม้ริมทางให้เขากอด ไม่ได้ ผู้หญิงไทยเขาถือ เขาอาจจะขาด กอดคนโน้นหอมคนนี้ทำไม่ได้ และขอเตือนเรื่องคบคน ถ้าเขาอยากจะเดินสายนี้ ต้องรู้จักคบคนที่มีต้นทุนชีวิตเท่ากัน ไม่รู้ว่าใครเข้ามาให้ตั้งการ์ดไว้ก่อน ให้ระวังคนที่จะให้มากกว่า เป็นไปไม่ได้ มันไม่ใช่ตรรกะของการทำธุรกิจ อาจมีอะไรเคลือบแฝง
เมื่อถามว่า ก่อนหน้านี้มีเหตุการณ์อะไรก่อนที่เขาจะออกมา นางพันธุ์ทิพากล่าวว่า เขาคุยเรื่องเงินเยอะ และคุยกับเพื่อนที่ทำออนไลน์และทำแบรนด์ ซึ่งตนแนะว่าต้องดูให้ดี ไม่รู้ว่าดีหรือไม่ดี แต่ตั้งการ์ดไว้ก่อน ซึ่งอาจจะฟังแล้วไม่สบายหูสำหรับเขา แต่มหาสมพงษ์กับมหาณภัทรยังอยู่กับเรา คงจะมีพระสงฆ์เข้ามาเพิ่มเติมเพราะยังมีพระสงฆ์ที่มีจิตใจดีอีกเยอะ ส่วนบ้านหลังนี้คงไม่ให้ใครเข้ามาอยู่อีกแล้ว เพราะบ้านนี้สำหรับตระกูลสกุลไชยและทีวีพูล ไม่มีนครไธสงแน่นอน แต่ตนไม่ได้โกรธ เพราะหนึ่งคืนผ่านไปทำให้เราได้คิด มีสติ ถ้าโกรธก็ทำร้ายเผาผลาญตัวเอง ตอนเข้าไปเห็นก็ช็อก เขาไม่ลาอะไรเราเลย เขากล้าทำอย่างนี้ได้ยังไง เขาคงคิดว่าจะหาปีกอินทรีที่มันใหญ่กว่านี้ได้ ตามความฝันของเขาว่าจะมีเงิน 100 ล้านบาทภายใน 2 เดือน ซึ่งตนเห็นว่าในแง่ธุรกิจเป็นไปไม่ได้ คงไม่ใช่ธุรกิจปกติ และตนไม่ให้ใครไปยุ่งกับธุรกิจสีเทา คนมีแสงมีทางเลือกเยอะแยะ แต่เผอิญตนไม่ได้เรียกเขามา เขาเป็นคนเดินเข้ามาเอง เขาขอเองว่าจะมาอยู่บ้านหลังนี้ ตนคิดแต่เรื่องกุศลอย่างเดียว
ในตอนท้ายๆ ผู้ก่อตั้งทีวีพูลฝากถึงนายสมปองว่า ข้อแรก เรื่องไวน์ แอลกอฮอล์ อย่าดื่มหนักเพราะเสียสุขภาพ และทำลายเสียง เรื่องผู้หญิง คนเป็นพระมา 30 ปีอยากให้เกียรติผู้หญิง เขาชอบกอดผู้หญิงคนโน้นคนนี้ ซึ่งผู้หญิงบางคนเขาถือจะเป็นข่าวใหญ่ และเรื่องคบเพื่อน คบคน ถ้ามีกลิ่นสีเทาไม่ต้องไปรีบรวยเดี๋ยวจะพลาดตกบันได ไม่ได้รวยแถมมีคดีแทน ให้เลือกคบคนและอย่าวังวนธุรกิจสีเทา นอกจากนี้ ให้ดูแลสุขภาพ อย่าตะโกนจนเสียงแหบ ถนอมตัวเอง ดื่มน้ำมะนาวผสมน้ำเกลืออุ่น เขาประกาศแล้วว่าเขาจะไป แต่ติดสัญญาทีวีพูล 2 ปี เราลงทุนเป็นล้านบาท เสนอกับทางช่องทีวี แล้วเทแบบนี้เสียหายแน่นอน เขาเป็นคนฉลาดและวาทศิลป์ให้คนเชื่อ ขอให้เป็นนักร้องลูกทุ่งโด่งดังตามที่ฝัน เรื่องจิตใจจบกันไปแต่เรื่องกฎหมายว่ากันต่อ เงินไม่สำคัญเท่ากับเสียความรู้สึก
ชมคลิป คลิกที่นี่