1.พปชร.มีมติขับ "ธรรมนัส-20 ส.ส." พ้นพรรค ชี้ผิดร้ายแรง-ก่อขัดแย้ง ด้าน "บิ๊กตู่" ยันไม่ปรับ ครม.-ไม่ยุบสภา ส่งสัญญาณผ่านเพลง "ไม่ยอมแพ้"!
สถานการณ์การเมืองสัปดาห์ที่ผ่านมา ทุกฝ่ายต่างจับจ้องไปที่พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) หลังเกิดกรณีพรรคมีมติขับ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ส.ส.พะเยา เลขาธิการพรรค พปชร. พร้อม ส.ส.อีก 20 คน ออกจากพรรค ซึ่งส่งผลให้รัฐบาลเสียงปริ่มน้ำ หลายฝ่ายจึงจับตาว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม จะลาออกหรือยุบสภาหรือไม่?
ทั้งนี้ การขับ ร.อ.ธรรมนัส และกลุ่ม ส.ส.ดังกล่าว มีขึ้นหลังพรรค พปชร.พ่ายศึกเลือกตั้งซ่อม ส.ส.สงขลาและชุมพรให้กับพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) เมื่อวันที่ 16 ม.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งหลายฝ่ายหรือแม้แต่ ส.ส.ในพรรคเอง ก็อดมองไม่ได้ว่า ความพ่ายแพ้ดังกล่าวเป็นเพราะวาทะหาเสียงของ ร.อ.ธรรมนัส ที่พูดเปรียบเทียบความรวย-ความจน แนะให้ประชาชนเลือกคนที่มีชาติตระกูลและมีตังค์เข้ามาเป็น ส.ส.หรือไม่ กระทั่งเกิดกรณีแชตไลน์หลุดทำนองว่า นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน และกรรมการบริหารพรรค พปชร.เสนอให้ให้ทำโพลว่า พรรค พปชร.ตกต่ำ เพราะ ร.อ.ธรรมนัสหรือไม่
ต่อมา เมื่อวันที่ 19 ม.ค. ช่วงเย็น มีรายงานว่า หลังประชุม ส.ส.ที่สภาเสร็จสิ้น ส.ส.พรรค พปชร.ได้เดินทางไปประชุมที่มูลนิธิป่ารอยต่อฯ หลัง พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ และหัวหน้าพรรค พปชร.เรียกประชุมด่วน มีรายงานด้วยว่า ร.อ.ธรรมนัสได้แจ้งต่อ พล.อ.ประวิตรว่า มี ส.ส.พร้อมจะออกจากพรรคกับตน 21 คน ถ้าจะไม่ให้กลุ่มนี้ออก ต้องมีการปรับคณะรัฐมนตรี (ครม.) และใน ส.ส.21 คน ต้องมี 1 ตำแหน่งรัฐมนตรี แต่ถ้าไม่มีการปรับ ครม.ทันที ส.ส.ทั้ง 21 คน ก็จะไม่เป็นองค์ประชุมในสภาให้แก่รัฐบาล
หลังประชุมเครียดเป็นเวลาหลายชั่วโมง มีรายงานว่า ได้มีการเรียกประชุมกรรมการบริหารพรรคและ ส.ส.พรรค ก่อนมีมติ 78 เสียง ให้ขับ ร.อ.ธรรมนัสและพวกรวมทั้งหมด 21 คนออกจากพรรค ในข้อหาสร้างความขัดแย้งในพรรคและทำความผิดวินัยร้ายแรง โดยการยื่นหนังสือถึงพรรคเพื่อให้ปรับโครงสร้าง ซึ่งทางพรรครับไม่ได้ จึงเรียกประชุมและมีมติดังกล่าว
สำหรับ ส.ส.ที่ถูกขับออก ประกอบด้วย 1.ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ส.ส.พะเยา 2.นายบุญสิงห์ วรินทร์รักษ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ 3.นายไผ่ ลิกข์ ส.ส.กำแพงเพชร 4.นายจีรเดช ศรีวิลาส ส.ส.พะเยา 5.นายปัญญา จินาคำ ส.ส.แม่ฮ่องสอน 6.นายวัฒนา สิทธิวัง ส.ส.ลำปาง 7.นายธนัสถ์ ทวีเกื้อกูลกิจ ส.ส.ตาก 8.นายภาคภูมิ บุญประมุข ส.ส.ตาก 9.นายพรชัย อินทร์สุข ส.ส.พิจิตร 10.นายเอกราช ช่างเหลาส.ส.บัญชีรายชื่อ
11.นายวัฒนา ช่างเหลา ส.ส.ขอนแก่น 12.นายสมศักดิ์ คุณเงิน ส.ส.จ.ขอนแก่น 13.นายเกษม ศุภรานนท์ ส.ส.นครราชสีมา 14.นายสมศักด์ พันธ์เกษม ส.ส.นครราชสีมา 15.นางทัศนาพร เกษเมธีการุณ ส.ส.นครราชสีมา 16.นายสะถิระ เผือกประพันธุ์ ส.ส.ชลบุรี 17.นายณัฐพงษ์ จรัสพีพงษ์ ส.ส.สุรินทร์ 18.นางจอมขวัญ กลับบ้านเกาะ ส.ส.สมุทรสาคร 19.นายยุทธนา โพธสุธน ส.ส.บัญชีรายชื่อ 20พล.ต.ต.ยงยุทธ เทพจำนงค์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ 21.นายธนะสิทธิ์ โควสุรัตน์ ส.ส.อุบลราชธานี
วันต่อมา (20 ม.ค.) นายไพบูลย์ นิติตะวัน ส.ส.บัญชีรายชื่อ และรองหัวหน้าพรรค พปชร.แถลงกรณีพรรคมีมติให้ ร.อ.ธรรมนัส พร้อมด้วย ส.ส.รวม 21 คนออกจากพรรคว่า เกิดขึ้นเนื่องจากมีสมาชิก นำโดย ร.อ.ธรรมนัส เสนอ พล.อ.ประวิตร ในฐานะหัวหน้าพรรค ให้ปรับโครงสร้างพรรคขนานใหญ่ ถ้าไม่ปรับ จะเคลื่อนไหวให้พรรคเกิดความเสียหาย โดย พล.อ.ประวิตร เห็นว่า ข้อเรียกร้องจะสร้างปัญหาและเกรงจะเกิดความขัดแย้งครั้งใหญ่ จึงนัดประชุมกรรมการบริหารพรรคและ ส.ส.หารือข้อเรียกร้องของ ร.อ.ธรรมนัส
ที่ประชุมร่วม กก.บห.และ ส.ส.78 คน เห็นว่า ข้อเรียกร้องดังกล่าวไม่สามารถดำเนินการให้ได้ เนื่องจากจะเป็นความเสียหายทั้งระบบ ฉะนั้นเพื่อรักษาหลักการในเรื่องความมีเสถียรภาพและความเป็นเอกภาพ พรรคเห็นว่าข้อเสนอนี้เป็นเหตุที่ร้ายแรง เข้ากับข้อบังคับของพรรคข้อที่ 54(5) ประกอบวรรคท้าย มีเหตุร้ายแรง จึงมีมติขับ ร.อ.ธรรมนัสและ ส.ส.กลุ่มดังกล่าว ด้วยเสียง 63 เสียง ซึ่งถือว่าเกิน 3 ใน 4 ของที่ประชุมร่วม
นายไพบูลย์ กล่าวด้วยว่า ขั้นตอนต่อไป ทางพรรคจะมีการจัดเตรียมเอกสารเพื่อแจ้งไปยัง กกต. และว่า ขณะนี้สถานะทั้ง 21 คน ยังเป็น ส.ส. ปฏิบัติหน้าที่ได้ตามปกติ แต่จะต้องหาพรรคสังกัดใหม่ภายใน 30 วัน ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 101(9)
วันเดียวกัน (20 ม.ค.) ร.อ.ธรรมนัส ได้โพสต์เฟซบุ๊กเปิดใจหลังถูกขับออกจากพรรคบางช่วงบางตอนว่า “ต้องยอมรับอย่างหนึ่งว่า อยู่บ้านเก่านี่ หลายอย่างมันทำได้ไม่เต็มที่ ส่วนรู้สึกอย่างไรที่ได้ยินคนพูดว่า ก็แค่ละครฉากหนึ่ง เราต้องยอมรับความเป็นจริงอย่างหนึ่งว่ พี่เป็นคนตรงไปตรงมา... เคลียร์จบคือจบ ไม่เคยที่จะเอามาเป็นประเด็น อยู่ด้วยกันแล้วไม่ยอมรับความเป็นจริง เมื่อจบก็ต้องจบ เมื่อไม่จบ เราก็แยกกันเดินดีกว่า”
ร.อ.ธรรมนัส ยังโพสต์ด้วยว่า “สำหรับบ้านหลังใหม่ ไม่ใช่เป็นพรรคที่เพิ่งเกิด เป็นพรรคที่เกิดมานานพอสมควร ครั้งหนึ่งที่มีผู้หลักผู้ใหญ่ของบ้านเมืองจะใช้เป็นพรรคหลัก พรรคนี้เมื่อเปิดตัวมาแล้ว ทุกคนก็ร้องอ๋อ เป็นพรรคของใคร มีความพร้อมทุกเรื่อง มีองค์ประกอบพร้อมหมด เดี๋ยวมีเซอร์ไพรส์”
ด้านนายไผ่ ลิกค์ ส.ส.กำแพงเพชร 1 ใน 21 ส.ส.ที่ถูกขับออกพร้อม ร.อ.ธรรมนัส เผย (21 ม.ค.) ว่า พรรคที่ 21 ส.ส.ที่ถูกขับจะย้ายไปอยู่คือ พรรคเศรษฐกิจไทย เพราะแนวทางที่พูดคุยเข้ากันได้ดี พร้อมยืนยันว่า เลือกอยู่พรรคที่ทำประโยชน์ให้พี่น้องประชาชนได้มากที่สุด
มีรายงานว่า พรรคเศรษฐกิจไทย จะมีชื่อ พล.อ.วิชญ์ เทพหัสดิน ณ อยุธยา หรือบิ๊กน้อย อดีตประธานกรรมการยุทธศาสตร์พรรค พปชร.เป็นหัวหน้าพรรค รวมทั้งจะมีชื่อ พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ น้องชาย พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ มาเป็นที่ปรึกษาพรรคด้วย
หลังพรรค พปชร.มีมติขับ ร.อ.ธรรมนัส และ ส.ส.ในกลุ่มรวม 21 คนออก หลายฝ่ายมองว่า พล.อ.ประยุทธ์ และรัฐบาลจะอยู่ยาก เพราะเสียงรัฐบาลจะปริ่มน้ำ ดังนั้นจะมีการปรับ ครม.-ยุบสภา หรือลาออกหรือไม่ ซึ่ง พล.อ.ประยุทธ์ ได้ออกมายืนยัน (20 ม.ค.) ว่า “ยืนยันว่าผมยังไม่ได้มีการคิดจะดำเนินการในเรื่องการปรับ ครม.หรือยุบสภาอะไรต่างๆ โดยเฉพาะขณะนี้กฎหมายก็ยังไม่เรียบร้อย อย่าเอาทุกอย่างมาตีทั้งหมด... ขอบคุณประชาชนส่วนใหญ่ที่ให้ความเชื่อมั่นและเชื่อถือผมในการทำงานที่ผ่านมา ผมก็ได้วางอนาคตไว้มากพอสมควรในการทำงานหลายเรื่องที่เป็นปัญหายาวนานและหมักหมมต้องมาแก้”
พล.อ.ประยุทธ์ ยังกล่าวถึงกรณีพรรค พปชร.มีมติขับ 21 ส.ส.ด้วยว่า ในฐานะนายกฯ ไม่ได้เข้าไปเกี่ยวข้อง เป็นเรื่องของ กก.บห. หัวหน้าพรรค ดำเนินการ เชื่อว่า ทุกคนได้พยายามทำให้สถานการณ์เป็นปกติให้ได้โดยเร็วมากที่สุด โดยทุกอย่างต้องขึ้นอยู่กับประชาชน สิ่งสำคัญที่สุดทุกคนต้องมองใครเป็นอย่างไร เพราะโอกาสในการเลือกตั้งข้างหน้ายังมีอยู่ ดังนั้นขอให้ทุกคนช่วยกันติดตามพฤติกรรมของแต่ละคนด้วย
มีรายงานว่า ช่วงเย็นวันเดียวกัน (20 ม.ค.) พล.อ.ประยุทธ์ ได้เดินทางเข้าพบ พล.อ.ประวิตร ที่มูลนิธิป่ารอยต่อฯ เป็นการส่วนตัว คาดว่าเป็นการให้กำลังใจและหารือถึงปัญหาความขัดแย้งต่างๆ ภายในพรรค พปชร.
เป็นที่น่าสังเกตว่า เมื่อวันที่ 21 ม.ค. พล.อ.ประยุทธ์ได้เป็นประธานการประชุม ศบค.เกี่ยวกับสถานการณ์โควิด-19 ผ่านระบบวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ ซึ่งในช่วงท้าย ก่อนจบการประชุม พล.อ.ประยุทธ์ ได้เปิดเพลงจากโทรศัพท์มือถือ เพลง “อย่ายอมแพ้” ของ อ้อม สุนิสา สุขบุญสังข์ นักร้องชื่อดังในอดีต พร้อมบอกกับที่ประชุมว่า “ผมไม่ยอมแพ้อยู่แล้ว เพลงเป็นเรื่องการให้กำลังใจทุกคนที่ร่วมทำงาน ไม่แพ้ต่อปัญหาอุปสรรค เช่นเดียวกับนายกฯไม่เคยยอมแพ้ ทำงานเพื่อชาติและประชาชน”
2.“อุตตม-สนธิรัตน์” เปิดตัวพรรค “สร้างอนาคตไทย” ลั่นไม่ใช่พรรคอะไหล่ใคร ไม่เสนอชื่อ “บิ๊กตู่” เป็นนายกฯ!
เมื่อวันที่ 19 ม.ค. นายอุตตม สาวนายน อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง และนายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ได้แถลงข่าวเปิดตัวพรรคการเมืองใหม่ ชื่อ พรรคสร้างอนาคตไทย ที่โรงแรมเซ็นทารา แกรนด์ แอท เซ็นทรัลเวิลด์
นายอุตตม กล่าวว่า พรรคสร้างอนาคตไทยไม่ได้เป็นแค่พรรคการเมือง แต่เป็นพื้นที่เปิดรวบรวมกลุ่มคนหลากหลายสาขาอาชีพในทุกภาคส่วน ทุกเพศ ทุกวัย ร่วมระดมความคิดเห็น ช่วยกันคิด ช่วยกันทำ เพื่อฟื้นเศรษฐกิจ ฟื้นฟูประเทศ เพราะสถานการณ์ประเทศมีความน่าเป็นห่วง ทั้งมิติเศรษฐกิจ สังคม และการเมือง ปัญหาปากท้อง ทำคนเดือดร้อนทุกหย่อมหญ้า รายได้คนทำงานถดถอย สวนทางค่าครองชีพที่สูงขึ้น และโรคระบาดโควิด ยังไม่เห็นจุดสิ้นสุด
หลังจากนั้นนายอุตตมได้แนะนำสมาชิกพรรคสร้างอนาคตไทย ซึ่งประกอบด้วย นักการเมือง นักธุรกิจ และปราชญ์ชาวบ้าน เช่น นายสุพล ฟองงาม อดีต ส.ส.พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) นายสันติ กีระนันทน์ อดีต ส.ส. พปชร. นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ อดีต ส.ส.พัทลุง และอดีตรองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) นายรักษ์พงษ์ เซ่งเจริญ อดีตผู้อำนวยการ สทบ.ซึ่งเป็นเลขาฯ ส่วนตัวนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ อดีตรองนายกรัฐมนตรี นายพงศ์พรหม ยามะรัต อดีตรองหัวหน้าพรรคกล้า นายมนต์ชีพ ศิวสินางกูร หรือครูเป็ด นักร้องชื่อดัง นายวัชระ กรรณิการ์ อดีตรองโฆษกรัฐบาล ฯลฯ
มีรายงานว่า ก่อนงานแถลงข่าวจะเริ่มขึ้น นายสุรนันทน์ เวชชาชีวะ อดีตเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ยุครัฐบาลยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ได้เดินทางมาร่วมสังเกตการณ์ด้วย โดยกล่าวว่า แค่เดินทางมาร่วมงานตามคำเชิญ แต่ยังไม่ได้ตัดสินใจเข้าร่วมงานกับพรรคสร้างอนาคตไทย
ด้านนายอุตตม ตอบคำถามผู้สื่อข่าวที่ถามว่า ทิศทางของพรรคสร้างอนาคตไทยจะสนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์เป็นนายกฯ หลังการเลือกตั้งครั้งหน้าหรือไม่ ว่า วันนี้เราทำพรรคสร้างอนาคตไทย ทำให้ประชาชน ไม่ได้ทำให้บุคคลใดบุคคลหนึ่ง “พวกผมเดินออกมาแล้ว จะไม่หันหลังกลับ”
ด้านนายสนธิรัตน์ กล่าวว่า “ท่าน พล.อ.ประยุทธ์ เป็นผู้บังคับบัญชาเรา และนายกฯ ได้พูดผ่านโฆษกประจำสำนักนายกฯว่า ไม่ได้เกี่ยวข้องกับพรรคสร้างอนาคตไทย และเป็นเรื่องจริง ที่ท่านไม่เกี่ยวข้องกับการสร้างพรรคในครั้งนี้ และชัดเจนว่าเราไม่ได้ทำพรรคเพื่อสืบทอดอำนาจให้คนกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง เราทำพรรคเพื่อเป็นตัวแทนของประชาชนในการแก้ปัญหา เราไม่เสนอชื่อ พล.อ.ประยุทธ์ เป็นแคนดิเดตนายกฯ ในบัญชีของพรรค เพราะเราต้องเสนอแคนดิเดตนายกฯ ในพรรคของเรา ซึ่งพรรคมีจุดยืนสรรหานายกฯ ที่สามารถแก้ปัญหาประเทศได้ ที่จะสามารถเป็นที่ยอมรับจากประชาชนและนานาประเทศ”
นายสนธิรัตน์ กล่าวด้วยว่า “เรายืนยันว่าไม่ใช่พรรคเฉพาะกิจ ไม่ได้ตั้งมาเพื่อรองรับกับผู้ใดผู้หนึ่ง และเราไม่ได้ตั้งพรรคเป็นอะไหล่ให้ใคร แต่ในทางตรงกันข้าม เราตั้งพรรคและเลือกที่จะทำงานกับใคร ซึ่งพรรคที่เราจะทำงานด้วย ต้องมีอุดมการณ์สอดรับกับพรรคของเรา”
เมื่อถามว่า นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ อดีตรองนายกฯ จะเป็นหนึ่งในแคนดิเดตนายกฯ ของพรรคหรือไม่ นายอุตตม กล่าวว่า ถามว่าท่านเหมาะสมหรือไม่ คิดและเชื่อว่าท่านเหมาะสม แต่พวกเราจะช่วยกันพิจารณาว่าใครบ้าง และจะเสนอทั้ง 3 ตำแหน่ง ซึ่งต้องดูว่าใครเป็นหัวหน้าพรรคและใครที่เหมาะสม
3. ป.ป.ช.ชี้มูลความผิด "ดำรงค์ พิเดช" ทุจริตอนุมัติงบอบรมขน จนท.อุทยานฯ 2,500 คน พักวัดพระธรรมกาย ก่อนร่วมม็อบ นปช.ปี 55!
เมื่อวันที่ 19 ม.ค. รายงานข่าวจากสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) แจ้งว่า เมื่อเร็วๆ นี้ คณะกรรมการ ป.ป.ช. ได้มีมติชี้มูลความผิดทางอาญาและวินัยกับนายดำรงค์ พิเดช ส.ส.บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรครักษ์ผืนป่าประเทศไทย เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช กับพวก กรณีถูกกล่าวหาว่า กระทำความผิดฐานทุจริตต่อหน้าที่ หรือกระทำความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการ จากกรณีอนุมัติค่าใช้จ่ายโครงการฝึกอบรมจริยธรรมสำหรับเจ้าหน้าที่กรมอุทยานแห่งชาติฯ จำนวน 2,500 คน เมื่อวันที่ 7-16 มิ.ย. 2555 ที่วัดพระธรรมกาย อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี และมีการศึกษาดูงานเกี่ยวกับการบริหารและจัดการสัตว์ป่า ที่สวนสัตว์ดุสิต โดยเป็นช่วงเวลาเดียวกันกับการชุมนุมทางการเมืองของกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) ซึ่งพบว่า มีการนำเจ้าหน้าที่ของกรมอุทยานแห่งชาติฯ เข้าร่วมในการชุมนุมของ นปช. ด้วย
รายงานข่าวแจ้งว่า ป.ป.ช. ได้มีมติดังกล่าวมาระยะหนึ่งแล้ว และมีการลงนามยืนยันมติครบถ้วนแล้ว ขั้นตอนหลังจากนี้ คือ ส่งสำนวนไปยังอัยการสูงสุด (อสส.) เพื่อพิจารณาส่งฟ้องต่อศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองต่อไป โดยในสำนวนการไต่สวนระบุว่า ที่ประชุม ป.ป.ช. มีมติเห็นชอบให้ดำเนินการไต่สวนข้อเท็จจริงตามที่เลขานุการนำเสนอ และให้เพิ่มเติมการไต่สวน โดยมีการสอบปากคำอดีต ส.ว. ทั้งหมด 3 คน และอดีตข้าราชการระดับสูงอีก 1 คน รวมไปถึงสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) และข้าราชการอื่นๆ ประกอบด้วย
1.นายวันชัย สอนศิริ เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งประธานคณะกรรมาธิการสิทธิมนุษยชน สิทธิเสรีภาพ และการคุ้มครองผู้บริโภค วุฒิสภา ส่งมาให้ ป.ป.ช. (ปัจจุบันเป็นสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) 2.นายตวง อันทะไชย อดีตประธานคณะกรรมาธิการสิทธิมนุษยชน สิทธิเสรีภาพ และการคุ้มครองผู้บริโภค วุฒิสภา และฝ่ายเลขานุการ ในประเด็นที่เกี่ยวข้องกับการสืบสวนข้อเท็จจริงของคณะกรรมาธิการสิทธิมนุษยชนฯ (ปัจจุบันเป็นสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) 3.นายนริศ ขำนุรักษ์ ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการ การที่ดิน ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม วุฒิสภา และฝ่ายเลขานุการ ในประเด็นที่เกี่ยวข้องกับการตรวจสอบ และรับรองเอกสารที่คณะกรรมาธิการการที่ดินฯ ส่งมาให้ ป.ป.ช.
4.นายมโนพัศ หัวเมืองแก้ว อดีตอธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติฯ ในประเด็นการตรวจสอบข้อเท็จจริงตามข้อกล่าวหาของกรมอุทยานแห่งชาติฯ 5.ขอทราบข้อเท็จจริงและเอกสารที่เกี่ยวข้องจากสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน ว่าเคยได้รับเรื่องร้องเรียน และมีการตรวจสอบเรื่องดังกล่าวหรือไม่ และผลการตรวจสอบเป็นประการใด 6.ไต่สวนข้อเท็จจริง โดยสอบปากคำเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องของกรมอุทยานแห่งชาติฯ และ 7.ขอเอกสารประวัติการรับราชการ (ก.พ.7) ของผู้ถูกกล่าวหาทั้ง 3 จากกรมอุทยานแห่งชาติฯ
4. ศบค.ต่อ พ.ร.ก.ฉุกเฉินอีก 2 เดือน ลดพื้นที่สีส้ม ไฟเขียวพื้นที่สีเหลือง-สีฟ้าดื่มในร้านได้ถึง 5 ทุ่ม!
สถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ในไทย ตัวเลขผู้ติดเชื้อรายใหม่ยังทรงๆ อยู่ประมาณ 7,000-8,000 กว่า ยังไม่แตะหลักหมื่น ขณะที่โควิดสายพันธุ์โอมิครอนเริ่มแทนที่สายพันธุ์เดลต้ามากขึ้นเรื่อยๆ โดย นพ.ศุภกิจ ศิริลักษณ์ อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ เผย (21 ม.ค.) ว่า จากการสุ่มตรวจระหว่างวันที่ 11-17 ม.ค.ที่ผ่านมา ในกลุ่มผู้ติดเชื้อจากต่างประเทศ พบผู้ติดเชื้อเป็นสายพันธุ์โอมิครอนแล้วกว่า 90% ในขณะที่กลุ่มคนทั่วไป พบเป็นสายพันธุ์โอมิครอน 80% เป็นสายพันธุ์เดลตาอีก 20%
และที่น่าสังเกต คือ ในกลุ่มของผู้ป่วยหนักและเสียชีวิต ยังพบสัดส่วนของสายพันธุ์เดลตากว่า 30% ซึ่งสูงกว่าค่าเฉลี่ยในกลุ่มทั่วไปถึง 2 เท่า จึงเป็นการพิสูจน์ว่า สายพันธุ์เดลตาทำให้เกิดอาการที่รุนแรงและชีวิตมากกว่าสายพันธุ์โอมิครอน
นอกจากนี้ ในกลุ่มของผู้ที่ติดเชื้อซ้ำ จากการตรวจทั้ง 8 ราย พบว่า เป็นสายพันธุ์โอมิครอนทั้งหมด ซึ่งหมายความว่า ภูมิคุ้มกันจากสายพันธุ์อื่นๆ ไม่สามารถป้องกันสายพันธุ์โอมิครอนได้ ต่างจากสายพันธุ์เดลตาที่มักจะไม่ติดเชื้อซ้ำ
ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 20 ม.ค. ได้มีการประชุม ศบค.ชุดใหญ่ โดยมี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ในฐานะผู้อำนวยการ ศบค.เป็นประธาน หลังประชุม นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษก ศบค.แถลงว่า ที่ประชุมเห็นชอบให้ขยายเวลาประกาศใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉินต่อไปอีก 2 เดือน ตั้งแต่วันที่ 1 ก.พ.-31 มี.ค.เพื่อควบคุมโรค
นอกจากนี้ที่ประชุมยังมีมติปรับระดับพื้นที่สถานการณ์ทั่วประเทศ โดยยังคงไม่มีพื้นที่สีแดงเข้มและสีแดง ส่วนพื้นที่สีส้ม จากเดิม 69 จังหวัด ลดเหลือ 44 จังหวัด ประกอบด้วย กาฬสินธุ์ ขอนแก่น จันทบุรี ฉะเชิงเทรา ชุมพร เชียงราย เชียงใหม่ ตรัง ตราด ตาก นครนายก นครปฐม นครราชสีมา นครศรีธรรมราช น่าน บุรีรัมย์ ประจวบคีรีขันธ์ ปราจีนบุรี พระนครศรีอยุธยา พะเยา พัทลุง เพชรบุรี มหาสารคาม มุกดาหาร แม่ฮ่องสอน ยโสธร ร้อยเอ็ด ระนอง ระยอง ราชบุรี ลพบุรี ศรีสะเกษ สงขลา สตูล สมุทรปราการ สมุทรสงคราม สมุทรสาคร สระแก้ว สระบุรี สุราษฎร์ธานี สุรินทร์ หนองคาย อุดรธานี และอุบลราชธานี
ส่วนพื้นที่สีฟ้า จังหวัดนำร่องท่องเที่ยว 8 จังหวัดคงเดิม ได้แก่ กรุงเทพมหานคร กาญจนบุรี กระบี่ ชลบุรี นนทบุรี ปทุมธานี พังงา ภูเก็ต และจังหวัดอื่นดำเนินการบางพื้นที่
สำหรับพื้นที่สีเหลือง พื้นที่เฝ้าระวังสูง จากเดิม 0 จังหวัด เพิ่มเป็น 25 จังหวัด ได้แก่ กำแพงเพชร ชัยนาท ชัยภูมิ นครพนม นครสวรรค์ นราธิวาส บึงกาฬ ปัตตานี พิจิตร พิษณุโลก เพชรบูรณ์ แพร่ ยะลา ลำปาง ลำพูน เลย สกลนคร สิงห์บุรี สุโขทัย สุพรรณบุรี หนองบัวลำภู อ่างทอง อำนาจเจริญ อุตรดิตถ์ และอุทัยธานี
สำหรับมาตรการหลังปรับพื้นที่สี มีดังนี้ สีเหลือง สามารถรวมกลุ่มทำกิจกรรมได้ถึง 1,000 คน สีส้ม ทำกิจกรรมได้ไม่เกิน 500 คน ส่วนสถานศึกษา อนุญาตให้ใช้อาหารสถานที่ได้ทั้ง 2 สี โดยทางกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) เสนอให้เปิดเรียนออนไซต์ ซึ่งที่ผ่านมามีการเปิดเรียนออนไซต์ไปแล้วกว่า 1.7 หมื่นโรงเรียน และยังเหลืออีกหลายหมื่นโรงเรียนไม่สามารถเปิดเรียนได้ โดยข้อจำกัดหนึ่งคือ การเว้นระยะห่างในชั้นเรียน พล.อ.ประยุทธ์ได้มอบให้ที่ประชุมไปหารือ เพราะนอกจากเปิดกิจการกิจกรรมแล้ว เด็กควรได้กลับไปโรงเรียน เพราะฉะนั้นต้องมาคุยรายละเอียด ทั้งการเปิดหน้ากากอนามันและการตรวจ ATK เพื่อไม่ให้เป็นภาระมากเกินไป
ส่วนร้านอาหารในจังหวัดที่ปรับมาเป็นพื้นที่สีเหลือง 25 จังหวัด และพื้นที่สีฟ้า จังหวัดนำร่องท่องเที่ยว 8 จังหวัด และจังหวัดอื่นดำเนินการบางพื้นที่ สามารถดื่มสุราในร้านได้ถึงเวลา 23.00 น. จากเดิม 21.00 น. แต่ต้องเป็นร้านอาหารที่ผ่านมาตรฐาน SHA Plus หรือ Thai Stop COVID 2Plus และต้องดำเนินมาตรการ Covid Free Setting อย่างเคร่งครัด ขณะที่มาตรการเวิร์กฟรอมโฮม ที่กำหนดถึงวันที่ 31 ม.ค. ที่ประชุมเห็นว่า สถานการณ์ขณะนี้เป็นไปในทิศทางที่ดีขึ้น จึงมีมติไม่ขยายเวลาเวิร์กฟรอมโฮมต่อ แต่ให้เป็นไปตามความเหมาะสม โดยให้แต่ละหน่วยงานสามารถพิจารณาได้เอง
นอกจากนี้ที่ประชุมยังเห็นชอบปรับแผนการเปิดรับผู้เดินทางเข้าประเทศในรูปแบบ Test&Go ให้ลงทะเบียนได้ตั้งแต่วันที่ 1 ก.พ.ในทุกประเทศ ปรับการตรวจหาเชื้อโดยวิธี RT-PCR 2 ครั้ง แบ่งเป็น มีหลักฐานการจองโรงแรมที่พักในวันแรก และในวันที่ 5 โดยเป็นโรงแรมที่มีโรงพยาบาลคู่ปฏิบัติการ (AHQ) และมีหลักฐานชำระเงินการตรวจหาเชื้อ 2 ครั้ง มีการจัดระบบการตรวจสอบและกำกับการเข้าที่พักและตรวจหาเชื้อให้ครบ 2 ครั้ง โดยต้องอยู่รอในที่พักหรือสถานที่ที่กำหนด จนได้รับผลการตรวจ กำหนดระบบประกันให้ชัดเจน กรณีประกันไม่ครอบคลุม ผู้เดินทางต้องรับผิดชอบค่าใช้จ่ายของ Hospital/Hotel Isolation และกรณี HRC เอง และกรณีเกิดการระบาดมากขึ้น หรือสถานการณ์เปลี่ยนแปลง พิจารณาการรับผู้เดินทางแล้วปรับมาใช้ระบบพื้นที่นำร่องท่องเที่ยว (Sandbox)
5. ศาลอาญา สั่งถอนประกัน 6 แกนนำกลุ่มทะลุฟ้า เหตุผิดเงื่อนไขศาล ขีดเขียนข้อความในห้องเวรชี้!
เมื่อวันที่ 21 ม.ค. มีรายงานจากศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษกว่า นิติกรชำนาญการของศาลได้เสนอรายงานต่อศาล หลังจากได้รับรายงานจากเจ้าพนักงานตำรวจศาล (Court Marshal) ประจำศาลอาญาว่า เมื่อวันที่ 18 ม.ค.ที่ผ่านมา ระหว่างเวลา 13.00-17.37 น. ขณะที่จำเลย 6 คน ในคดีการชุมนุมและสาดสีหน้า สน.ทุ่งสองห้อง ที่พนักงานอัยการสำนักงานคดีอาญา 4 ยื่นฟ้องนายจตุภัทร์ หรือ ไผ่ ดาวดิน บุญภัทรรักษา กับพวกรวม 18 คน เป็นจำเลย โดยมีจำเลย 6 คน ประกอบด้วย นายทรงพล สนธิรักษ์ จำเลยที่ 3 นายนวพล ต้นงาม จำเลยที่ 4 น.ส.วิโรฌา ชัชวาลวงศ์ จำเลยที่ 6 นายพีรพงศ์ เพิ่มพูนจำเลยที่ 8 นายปวรวิศ แย้มยิ่ง จำเลยที่ 12 และนายวชิรวิชญ์ ลิมป์ธนวงศ์ จำเลยที่ 15 แกนนำกลุ่มทะลุฟ้า ซึ่งขณะนั้นอยู่ระหว่างถูกควบคุมตัวเพื่อรอฟังคำสั่งขอปล่อยตัวชั่วคราว ภายในห้องพิจารณา (เวรชี้) เจ้าหน้าที่ได้ตรวจพบว่า มีผู้ขีดเขียนข้อความตามบริเวณที่ต่างๆ ในห้องเวรชี้ เช่น พระบรมฉายาลักษณ์ของรัชกาลที่ 9, เก้าอี้ที่นั่ง, ฝาประตูห้องน้ำ, ตู้โทรศัพท์, ฝาปิดชักโครก และถังขยะ
นอกจากนี้ยังพบความเสียหายบริเวณพนักพิงเก้าอี้ยาวหลุด 1 ตัว ฉากกั้นมีรอยงัดแงะ และเมื่อตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิด ก็ไม่มีจำเลยในคดีอื่นถูกควบคุมตัวอยู่ในห้องเวรชี้ คงมีแต่พวกจำเลยทั้งหกในคดีนี้เท่านั้น และภาพที่ปรากฏในกล้องวงจรปิด พบจำเลยบางคนเป็นผู้ขีดเขียนข้อความต่างๆ โดยมีจำเลยคนอื่นอยู่ร่วมในเหตุการณ์นี้ด้วย ขณะที่ในวันเกิดเหตุดังกล่าวคือวันที่ 18 ม.ค.จำเลยทั้งหกได้รับการปล่อยตัวชั่วคราวในวงเงินประกันคนละ 70,000 บาท
ทั้งนี้ ศาลได้พิจารณาพฤติการณ์ข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นตามรายงานของเจ้าหน้าที่แล้ว จึงมีคำสั่งว่า กรณีตามที่ปรากฏของพวกจำเลยดังกล่าว มีพฤติการณ์ที่ถือได้ว่า จะกระทำการผิดเงื่อนไขของศาล ในชั้นนี้จึงมีคำสั่งให้เพิกถอนการปล่อยตัวชั่วคราวจำเลยทั้งหก โดยให้นายประกันนำตัวจำเลยทั้ง 6 คน ส่งศาลในวันดังกล่าว เพื่อควบคุมตัวไปยังเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ โดยสิทธิทางคดีตามกฎหมาย จำเลยยังสามารถใช้สิทธิยื่นขอประกันตัวใหม่ได้
ด้านนายกฤษฎางค์ นุตจรัส ทนายความศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน กล่าวว่า ได้ยื่นคำร้องขอให้ศาลเพิกถอนคำสั่งถอนประกันดังกล่าวเเล้ว เนื่องจากตนเห็นว่า เป็นคำร้องฝ่ายเดียวจากเจ้าหน้าที่ ยังไม่ได้มีการไต่สวน จึงขอให้ศาลมีคำสั่งให้ปล่อยตัวชั่วคราวเเละนัดไต่สวนข้อเท็จจริง ขณะนี้ยังรอฟังคำสั่งศาล หากมีความคืบหน้าจะเเจ้งทราบต่อไป
วันเดียวกัน เพจทะลุฟ้า ได้โพสต์ข้อความระบุว่า "ด่วน ศาลมีคำสั่งถอนประกันทะลุฟ้าทั้ง 6 คน ประกอบไปด้วย ยาใจ, ไดโน่, ปีก, เปา, พี และ ออ ทะลุฟ้า เพียงเพราะมีเพื่อนบางคนเขียน “ปล่อยเพื่อนเรา” “ยกเลิก112” ในห้องเวรชี้ จากเหตุการณ์ดังกล่าว ศาลจึงนำมาเป็นเหตุในการถอนประกันทั้ง 6 คน…”