คลิปว่อนโซเชียลฯ "บอล เชิญยิ้ม" พาไปหา "องค์ดำ โสฬส" อาจารย์สำนักสักยันต์ชื่อดังนครปฐม เผยภรรยา 8 คน อยู่กันแบบครอบครัว ยอมรับแม้ไม่ใช่เรื่องที่ดี แต่เตือนถ้าบริหารไม่ได้ ไม่มีศักยภาพพออย่าทำ ย้ำหัวใจต้องยุติธรรม
วันนี้ (13 ม.ค.) ในโลกโซเชียลฯ กำลังให้ความสนใจรายการบนยูทูบที่ชื่อว่า "ชำแหละโซเชียล" ดำเนินรายการโดย บอล เชิญยิ้ม หรือนายชัชชัย จำเนียรกุล ซึ่งในตอนที่ 4 (EP 4) มีการเปิดตัว "องค์ดำ โสฬส" หรือนายนัฐพงษ์ เฉียบแหลม อาจารย์สำนักสักยันต์ อ.มอลท์ นครปฐม โพรงมะเดื่อ ที่เคยสร้างชื่อเสียงจากคลิปยิ้มละ 500 ช่วยเหลือผู้ที่ตกทุกข์ได้ยาก คนยากจน คนไร้บ้าน แต่ในตอนดังกล่าวระบุว่าเปิดตัวพร้อมหน้ากับบรรดามเหสี ซึ่งมีถึง 8 คน
นายนัฐพงษ์เปิดเผยว่า ชื่อของอาจารย์องค์ดำมาจากเมื่อ 11 ปีก่อนหลวงปู่คนหนึ่งบอกว่าเคยเป็นทหารของพระนเรศวร ซึ่งตนไม่เคยเรียนประวัติศาสตร์เพราะจบแค่ ม.6 จึงถามว่า ถ้าตนเป็นทหารจริงขอให้มีคนเอารูปหรือรูปปั้นเกี่ยวกับพระนเรศวรมาให้โดยไม่ร้องขอ 4 วันต่อมามีคนมาเข้าฝันแล้วเอารูปสมเด็จพระนเรศวรมาให้ จึงจุดธูปอธิษฐานขอชื่อมาทำคุณงามความดี อีกอย่างหนึ่งคือตัวดำ จึงอธิษฐานใช้คำว่าองค์ดำ และคำว่าโสฬสพ่อครูเคยพูดว่าแค่คำว่าโสฬสก็เป็นมงคลแล้ว
สำหรับชีวิตวัยเด็กเคยรับจ้างตีคน ทวงหนี้ ปล่อยเงินกู้ ทำอะไรก็ได้ที่ได้เงิน เพราะอายุ 15-16 ปีก็เกเรแล้ว แต่ตนสวดมนต์บูชาพระตลอดตั้งแต่เด็กจึงติดมา ก่อนจะออกไปเที่ยวก็ต้องสวดมนต์ เคยทวงหนี้หนักสุดคือตีลูกหนี้เพราะมีปฏิกิริยา บางครั้งเคยไปห้ามก็มี เคยถูกเพื่อนหลอกให้ไปส่งยาติดคุก 1 เดือน พ่อแม่ร้องไห้ ไม่มีเงินประกันตัว จุดเปลี่ยนมาจากได้ไปอยู่ในวัดแห่งหนึ่งที่จังหวัดกาญจนบุรี หลวงพ่อท่านพูดลอยๆ ขึ้นมาว่า ชีวิตที่มีแต่โรงพัก โรงพยาบาล โลงศพ ไม่มีความหมาย ถ้าหันกลับมาช่วยเหลือสังคม ตายไปคนก็ยังจะพูดถึง จึงพลิกชีวิตเปลี่ยน ไม่เอาอีกแล้ว คิดแค่ว่าทำดีสักครั้งก่อนตาย
จุดเริ่มต้นมาจากครูทวดที่สอนพระคาถา เสร็จแล้วไปเรียนกับอาจารย์ออม อาจารย์แก้ว และอาจารย์เจษฎ์ สามแยกกระจับ ใช้เวลาเดือนเดียวจึงสักได้ อ่านอักขระได้ จบลงที่พ่อขลุ่ย ลูกศิษย์หลวงปู่ศุข วัดปากคลองมะขามเฒ่า จ.ชัยนาท คอยสอนบ้าง สักครั้งแรกรูปจิ้งจก เพราะในประวิติเป็นเทวดาที่โดนสาปเพราะเป็นยอดเสน่ห์เจ้าชู้ ด้วยความที่ชอบเสน่ห์มหานิยมเลยขอเรียน เพื่อใช้ประโยชน์ด้านค้าขายและโชคลาภ ส่วนการสักแบบหนังเหนียวคงกระพันนั้น เห็นว่ายุคนี้ไม่ได้สู้รบปรบมือกัน
เมื่อถามว่า เคยมีผู้หญิงมาขอสักแบบลองของบ้างไหม นายนัฐพงษ์เปิดเผยว่า เคยมีผู้หญิงลองของ มาขอสักตรงร่องอกแต่ได้ปฏิเสธ ซึ่งตามปกติผู้หญิงสักให้ได้แค่ด้านหลัง ส่วนหน้าขาน้อยคนนักที่จะสักให้ เพราะไม่รู้ว่าคนจะมองยังไง นอกจากสนิทจริงๆ บางคนมาหาเพื่อหวังจะมีอะไรกัน ซึ่งภรรยาดูออกตลอด ในอดีตเคยถูกผู้หญิงทิ้งไปหาผู้ชายคนใหม่ ไม่ให้เจอหน้าลูก เคยเกือบผูกคอตาย เคยบอกแม่ว่าไม่เหลือใครแล้ว แต่แม่ปลอบพักหนึ่งก่อนจะหนีเข้าไปในถ้ำ ปรารถนาว่าไม่เชื่อใครแล้ว
ในตอนหนึ่ง นายนัฐพงษ์เปิดเผยภรรยา 8 คน ได้แก่ ภรรยาคนแรก คือ น้องสไปร์ท ชาว จ.ศรีสะเกษ เจอกันครั้งแรกที่งานแต่ง คนที่สองน้องแอล ชาว อ.กำแพงแสน จ.นครปฐม พบกันครั้งแรกขายของที่ตลาด คนที่สามน้องแนน ชาว จ.นครปฐม พบกันครั้งแรกที่โรงพยาบาล เป็นพนักงานคอมพิวเตอร์ คนที่สี่น้องมะปราง ชาว จ.สงขลา พบรักกันในไอจี คนที่ห้าน้องแพรี่ ชาว จ.ร้อยเอ็ด เจอกันทางเฟซบุ๊ก คนที่หกน้องหมวย เจอกันในติ๊กต็อก คนที่เจ็ดน้องฟิล์ม เจอกันที่วัดพระปฐมเจดีย์ มาทำบุญกับแม่ คนที่แปดน้องมาย เจอกันที่พัทยาตอนไปเที่ยวทะเลกัน 4 คน เขาไม่รู้ว่ามีเมียไปด้วย โดยให้คนใกล้ชิดขอเบอร์
เมื่อถามภรรยาคนแรกว่า พูดยังไงให้เขายอมมีภรรยาคนที่สองที่สาม น้องสไปร์ทตอบว่า ฝ่ายชายก็พูดตรงๆ ว่าพี่คุยกับคนนี้อยู่นะ เราก็จะแค่ถามไปว่า เขาโอเคกับเรา ครอบครัวเราไหม เราแค่เป็นห่วงว่าจะเจอคนที่ไม่จริงใจ หลอกเขาหรือเปล่า แต่ไม่ได้คิดอะไรเพราะอยู่กันด้วยความเข้าใจมากกว่า ก็เรียกมาคุยกัน ส่วนน้องแอลกล่าวว่า คุยกันเขาก็ถามชื่ออะไร อยู่ที่ไหน แน่ใจไหม อยู่ได้หรือเปล่า ซึ่งชอบฝ่ายชายมีเสน่ห์ แพ้สายตาที่มอง ขณะที่น้องแนน ภรรยาคนที่สามกล่าวว่า ครั้งแรกก็กลัว เข้ามาก็สวัสดี แนะนำตัว ถามว่ามีอะไรมาก่อนไหมก็ตอบว่ามี ก่อนที่จะพาเข้ามา
นายนัฐพงษ์กล่าวว่า ตนเน้นคู่ชีวิต ไม่เน้นชีวิตคู่ เข้ามาต้องเป็นครอบครัวจริงๆ อายใครไหมถ้าเป็นเมียเราแล้วหลบซ่อนไม่ได้ พ่อแม่ต้องรับรู้ พอโอเคพร้อมก็คบหากัน พอได้คบหากันจริงจังก็บอก ซึ่งบางทีก็รู้มาก่อน บางคนไม่รู้ พอถึงเวลาจะบอกกับภรรยาก่อนหน้านี้ว่าคบหากับอีกคนหนึ่ง อีกสักวันสองวันจะพาเข้ามาบ้าน ด้านน้องแนนกล่าวว่า ฝ่ายชายเป็นคนที่อบอุ่น เป็นผู้นำครอบครัวได้ และดูแลเราได้ เติมเต็มเราให้เป็นคนที่ดีขึ้น ส่วนน้องมะปรางกล่าวว่า แรกๆ ก็กลัว สังเกตและเรียนรู้ว่าเขาอยู่กันยังไง ไม่รู้อะไรก็ปรึกษา ฝ่ายชายต้องขับรถไปกราบพ่อแแม่และสู่ขอที่สงขลา
น้องแพรี่กล่าวว่า ตอนแรกไม่ได้ตั้งใจ ฝ่ายชายเสริมว่า ตอนนั้นฝ่ายหญิงมาหาเพื่อนที่ศาลายา ก็มารับไปที่บ้าน ส่วนที่ตัดสินใจอยู่ด้วยกันมาจากคำพูดและการกระทำทำให้มั่นใจ สามารถฝากชีวิตไว้กับเขาได้เพราะเคยเกเรมาก่อน ขณะที่น้องหมวยกล่าวว่า ไม่กลัวที่จะต้องเข้ากับผู้อื่น เข้ามาครั้งแรกก็กลัวและเกรงใจ แต่เคารพก็เข้าไปถามว่าต้องทำยังไง อันไหนที่ผิดก็สอนหนูได้ แต่เมื่อถามว่าอึดอัดไหมก็ตอบว่า เหมือนอยู่กับพี่ตัวเอง รู้สึกสนุก
ส่วนน้องฟิล์มกล่าวว่า ฝ่ายชายถามว่าพร้อมไหมที่จะไปเจอกับพี่ๆ แต่พวกพี่รู้แล้ว โดยภรรยาคนก่อนโทร.มาบอกว่า พี่อยู่กันแบบครอบครัวนะ อยู่กันแบบพี่น้อง ส่วนน้องมาย คนสุดท้าย กล่าวว่า ที่ยอมเพราะชอบการอยู่กับเพื่อน ไปอยู่ด้วยกันเป็นครอบครัว อยู่กับเพื่อน อยู่กับพี่น่าจะสนุก
เมื่อถามว่า อยู่ด้วยกันมีกฎหรือไม่ นายนัฐพงษ์กล่าวว่า มีกฎกติกาข้อแรก ไม่เคยห้ามอย่ามีแฟนใหม่ แต่ไม่ได้หมายความว่ามีแฟนขณะที่มีเรา ตนพูดเสมอว่าถ้าวันหนึ่งตนไม่ดี ไม่สมควรจะเป็นพ่อของลูก ไม่สมควรจะเป็นผู้นำ เป็นผัว อย่าสวมเขา อย่าคุยกับใครหรือเล่นชู้เด็ดขาด ขอให้บอกเลิกแทน ตนจะถามสามครั้งว่า เลิกแน่นะ คิดดีแล้วใช่ไหม ชัวร์นะ ถ้าสามคำตอบตรงกันเลิกให้ เริ่มใหม่ได้เลย แต่ตอนอยู่ด้วยกันขอเลยว่าอย่าทำแบบนี้ สอง บ้านนี้ไม่มีหน้ากากใส่เข้าหากัน เป็นยังไงก็เป็น แต่ทุกคนจะเท่ากันหมด
ส่วนคำถามที่ว่า มีเวลาจัดสรรกับภรรยาทั้ง 8 คนอย่างไร นายนัฐพงษ์กล่าวว่า ในชีวิตส่วนใหญ่อยู่กับหน้าครู นอนหน้าหิ้ง ไม่มีห้องนอนเป็นของตัวเอง บางวันไม่ต้องอยู่กับครู ก็เคาะทีละห้อง บางครั้งไม่มีใครอยู่สักคน แต่ไม่มีห้องส่วนตัว สไปรท์จะนอนกับลูก ส่วนที่เหลือนอนห้องละ 2 คน ถามว่ามีแบ่งวันไหม ตอบว่ามี ถ้าจะนอนก็จะเรียงลำดับภรรยา มีบางจังหวะที่ภรรยาบางคนเข้าเวรก็ข้ามไป ซึ่งเข้าใจกันทุกคน เมื่อถามว่าเคยมีนอนรวมกันไหม ก็ตอบว่า มีเฉพาะไปเที่ยวต่างจังหวัด ก็เปิดห้องนอนด้วยกันทั้ง 8 คน แต่ไม่ได้หมายความว่าจะมีอะไรกัน ไม่เคยสวิงกิ้ง แม้จะเจ้าชู้แต่ก็ไม่เคยมีอะไรพร้อมกัน ครอบครัวอยู่ด้วยความเข้าใจมากกว่าความรัก
เมื่อถามว่าเคยมีครอบครัวฝ่ายหญิงไม่ยอมรับไหม นายนัฐพงษ์กล่าวว่า มีแนนกับหมวยที่เจอแรง ซึ่งตนย้ำว่าถ้าพ่อตาไม่ยกให้ตนไม่เอา น้องแนนทีแรกร้องไห้ ปู่กับย่าไม่ยอมรับ เพื่อนเลิกคบ ก็บอกว่าใจเย็นๆ ก็จะดูใจเพราะต้องการคู่ชีวิต ไม่ต้องการชีวิตคู่ ตนสนใจปู่กับย่าจะเข้าไปกราบ วัดกันว่าถ้าไม่ให้จริงๆ ให้ทำใจ ถ้าบุญวาสนามี ก็อธิบายว่าไม่ต้องการคบไปที แต่เอาหัวใจ เอาความจริงเข้าไปเลย อีกฝ่ายก็ตอบว่า "แล้วแต่พวกเอ็งก็แล้วกัน เลี้ยงได้แค่โต หัวใจเลี้ยงไม่ได้ ดูแลกันให้ดี"
เช่นเดียวกับแม่น้องหมวยด่ามาว่า มึงอย่ามา...คนอะไรมีเมียหกเจ็ดคน น้องหมวยร้องไห้ 3-4 วัน พอขอคุยกับแม่ก็ไม่คุย เลยขับรถไปกราบที่บ้าน อธิบายว่าตนเป็นอย่างนี้ มีเมียอย่างนี้ แต่วางแผนอย่างนี้ ลองให้พิจารณา ตนไม่ได้พาไปหลบตำรวจ ไปหลบซ่อนหรือทำสิ่งผิดกฎหมาย เอาความจริงมาพูด ท่านก็เลยให้ลองสักตั้ง และทำให้เห็นว่าเราทำจริง ท่านก็แฮปปี้
ส่วนคำถามที่ว่าแบ่งเงินยังไงนั้น นายนัฐพงษ์กล่าวว่า ทุกคนเข้าใจว่าตนมีเงินและเอาเงินมาเลี้ยงเมีย แต่สำหรับตนอยู่แบบบุฟเฟต์ ตนไม่มีเงิน ถ้าเป็นค่าน้ำ ค่าไฟ หรือถ้าท้องตนจะรับผิดชอบ แต่ถ้าถามหาเงินเดือนไม่ต้องถามหาที่ตน ตนสอนให้ทำกิน ทุกคนจะขายครีม ขายกลูต้า ขายขนม ขายเสื้อผ้า ชุดนอน ทุกคนมีหน้าที่ ตนมีร้านหม่าล่าจะให้เด็กมาลงขายเพื่อมาจ่ายค่าน้ำ ค่าไฟ เช่นเดียวกับร้านสักก็จะถัวเฉลี่ยกัน แต่ช่วงโควิด-19 ไม่ได้เปิดเลย
ในตอนท้าย นายนัฐพงษ์กล่าวว่า สิ่งนี้ไม่ใช่สิ่งที่ดี ถ้าบริหารไม่ได้ ไม่มีศักยภาพมากพออย่าทำ ต้องมีความมั่นคงก่อน ไม่ใช่ความมั่นคงหน้าที่การงาน แต่มั่นคงในหัวใจ หัวใจต้องมีความยุติธรรม สองต้องไม่โกหก แม้กระทั่งนิดเดียวโกหกไม่ได้ สามต้องให้หัวใจเขาเป็นคนเลือก ไม่ใช่ไปบังคับให้เขาเลือก
ชมคลิป คลิกที่นี่