ศูนย์ข่าวศรีราชา - สุดสลด! หนุ่มใหญ่เมืองชลบุรีใช้อาวุธปืนยิงเมีย-ลูกเขยดับคาบ้านขณะจัดงานวันเกิดให้ลูกสาวซึ่งถูกยิงที่ขาได้รับบาดเจ็บ แต่โชคหนีตายออกจากบ้านพร้อมหลานวัย 8 ขวบได้ทัน หลังก่อเหตุชิงผูกคอตายที่ราวบันไดหนีความผิด คาดเหตุจูงใจจากปัญหาทางการเงิน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ช่วงกลางดึกคืนวานนี้ (12 ม.ค.) ได้เกิดเหตุยิงกันตายภายในบ้านเลขที่ 24/2 68 ม.1 ต.หนองรี อ.เมือง จ.ชลบุรี จนเป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิต 3 ราย และได้รับบาดเจ็บอีก 1 ราย หลังเกิดเหตุ พ.ต.อ.นิทัศน์ แหวนประดับ ผู้กำกับการ สภ.เมืองชลบุรี ได้นำกำลังลงพื้นที่ตรวจสอบ พร้อมเจ้าหน้าที่กู้ภัยมูลนิธิไตรคุณธรรมชลบุรี
ในที่เกิดเหตุพบไทยมุงจำนวนมากพากันยืนดูเหตุการณ์ ภายในบ้านพบ น.ส.มาลี แสงกระจุย อายุ 46 ปี ถูกยิงที่ศีรษะเสียชีวิตในสภาพนอนคว่ำหน้า ห่างออกไปเล็กน้อยพบผู้เสียชีวิตอีก 1 ราย คือ นายเอกชัย พฤธิไพทูล อายุ 31 ปี สภาพถูกยิงที่ศีรษะ
นอกจากนั้น ยังพบศพ นายวินัย ภู่ภักดี อายุ 52 ปี ผู้ก่อเหตุที่ได้ผูกคอตายบริเวณบันไดบ้านเพื่อหนีความผิด พบอาวุธปืนขนาด 9 มม.ตกอยู่บนชั้นที่ 2 ของบ้าน และยังพบที่เกิดเหตุมีลักษณะคล้ายการจัดเลี้ยงเนื่องจากมีอาหารอยู่บนโต๊ะจำนวนมาก
สอบถาม น.ส.ศศินภา ภู่ภักดี อายุ 26 ปี ซึ่งเป็นลูกสาวของผู้เสียชีวิตและผู้ก่อเหตุทราบว่า พ่อและแม่มีปัญหาทะเลาะกันเรื่องเงิน ซึ่งก่อนหน้านี้ ได้มีการแบ่งเงินกันไปแล้ว โดยพ่อซึ่งเป็นผู้ก่อเหตุสัญญาว่าจะออกจากบ้าน แต่สุดท้ายผู้ก่อเหตุไม่ออกจากบ้านและได้นั่งดื่มเหล้าอยู่ภายในบ้านเนื่องจากมีการจัดเลี้ยงวันเกิด
กระทั่ง นายเอกชัย เป็นสามีของตนเองได้เดินเข้ามาได้บ้าน พ่อจึงได้ถามว่าอยากอยู่เป็นครอบครัวหรือไม่ ซึ่งตนเองได้ตอบกลับไปว่าอยากอยู่เป็นครอบครัว แต่ผู้เป็นพ่อได้ควักปืนออกมายิงถูกแม่ และสามีจนเสียชีวิตในทันที
และยังมีผู้บาดเจ็บอีกรายคือ น.ส.ศศิณา ภู่ภักดี อายุ 23 ปี ซึ่งเป็นน้องสาวโดยถูกยิงที่ขาและสามารถวิ่งหนีออกจากบ้านพร้อมกับหลานวัย 8 ขวบ เพื่อขอความช่วยเหลือจากเพื่อนบ้าน
ขณะที่ นายวัชรากร โพธิ์เจริญ อายุ 36 ปี เพื่อนบ้านกล่าวว่า ขณะกำลังนั่งรับประทานอาหารอยู่ภายในบ้านได้ยินเสียงคนร้องให้ช่วยจึงวิ่งออกมาดู พบผู้ได้รับบาดเจ็บบอกว่า พ่อได้ก่อเหตุยิงแม่ และคนในบ้านจนเสียชีวิต ตนเองจึงรีบนำผู้ได้รับบาดเจ็บและหลานเข้ามาในบ้าน และรีบล็อกประตูเพื่อความปลอดภัยก่อนโทรศัพท์แจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจ
เบื้องต้น เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ทำการบันทึกภาพไว้เป็นหลักฐาน ก่อนจะให้เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนสอบสวนเชิญตัวผู้เกี่ยวข้องทั้งหมดเข้าสอบปากคำเพื่อหาแรงจูงใจในการก่อเหตุที่แท้จริงอีกครั้ง