อธิบดีกรมอุทยานฯ เตือนยูทูบเบอร์ปมท้าใช้ชีวิตในป่า ชี้อันตรายรอบด้าน ระบุจับแน่หากเข้าแบบไม่ได้รับอนุญาต

"นายธัญญา เนติธรรมกุล" อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ออกมาห้ามศึกยูทูบเบอร์กับนักเขียนดัง ปมท้ากันใช้ชีวิตในป่า ระบุ อยู่ในป่าไม่ใช่เรื่องสนุกอันตรายรอบด้าน ยันจะจับทั้งคู่หากเข้าไปในป่าโดยไม่ได้รับอนุญาต

จากกรณี โจโฉ ยูทูบเบอร์ชื่อดังสายเดินป่า ถูกชาวเน็ตตั้งคำถามทำคลิปหลอกตาคนดู ยันเจตนาชัดเจนว่าตนต้องการสื่อสารอะไร ไม่ว่าจะสัตว์และไม่ได้บังคับใครให้เชื่อ พร้อมท้ากลับวางเงิน 10 ล้าน โชว์อยู่ป่า 10 วันให้ดู

ต่อมานักเขียนดัง "คมฉาน ตะวันฉาย" รับคำท้า บอกคนเที่ยวป่าก็ทำได้หมด ขอวันละ 5 พันกับมีด 1 เล่ม จะให้นอนป่ากี่คืนว่ามา ก่อนที่โจโฉจะรับคำท้า บอกหากใช้ชีวิตอยู่ในป่ากี่คืนก็ได้ แต่ต้องอยู่เพียงมีดเล่มเดียวเช่นเดียวกัน ตามที่ได้เสนอข่าวไปก่อนหน้านี้

ล่าสุดเมื่อวันที่ 18 พ.ย. อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม "นายธัญญา เนติธรรมกุล" ได้ออกมากล่าวถึงประเด็นดังกล่าวว่า

การเข้าไปอยู่ในป่าต้องมีเป้าหมาย เช่น การลาดตระเวนพื้นที่ป่า โดยเจ้าหน้าที่เข้าไป 5-10 วัน แล้วแต่พื้นที่ แล้วแต่ภารกิจ พร้อมกับเสบียงอาหาร ไม่มีการไปเอาอาหารในป่าเด็ดขาด ยกเว้นพืชผัก เล็กๆน้อยๆ

แม้กระทั่ง ปลาในลำธาร เจ้าหน้าที่ก็หลีกเลี่ยงที่จะจับมากิน หรือวิถีชาวบ้านที่เข้าไปเก็บเห็ด เก็บผัก ซึ่งใช้เวลาไม่น่าจะเกิน 3 วัน

"แต่นี่เป็นการท้าทายกันว่าใครจะเข้าไปอยู่ในป่า นาน 5 วัน 10 วัน ผมมองว่า มันไม่ใช่เรื่อง ในป่าเต็มไปด้วยอันตรายสารพัด ทั้งจากสัตว์ป่าหรือเข้าไปแล้วหลงป่า แม้กระทั่งเจ้าหน้าที่ของเรา ที่ถือว่ามีความชำนาญในการใช้ชีวิตในป่าเคยถูกช้างทำร้าย ถูกกระทิงทำร้าย ถูกงูกัด หรือการเข้าไปในป่าโดยไม่บอกเจ้าหน้าที่ แล้วหลงทาง ซึ่งเจ้าหน้าที่ต้องจัดกำลัง กู้ภัย ออกตามหาแถมยังถูกต่อว่าปล่อยให้เข้าไปได้อย่างไร

เอาเป็นว่าผมบอกเลยว่า ไม่ควรมาท้าทายอะไรแบบนี้ และหากใครเข้าไปในป่าโดยไม่ได้รับอนุญาต ผมจะจับทั้งคู่เลย เพราะไม่รู้ว่า มีดเล่มเดียว หรืออาวุธอื่นๆ ที่อาจจะนำเข้าไปในป่านั้น จะเอาเข้าไปทำอะไร อาจจะล่าสัตว์ หรือตัดไม้ก็ได้"

การเข้าไปเที่ยวป่า ไม่ใช่ว่าจะทำไม่ได้ เพราะพื้นที่อุทยานแห่งชาติเกือบทุกที่ เจ้าหน้าที่จัดเส้นทางศึกษาธรรมชาติเอาไว้ ส่วนเข้าไปจุดอื่นๆ ต้องแจ้งวัตถุประสงค์ที่ชัดเจน เช่น ศึกษา วิจัย สำรวจเส้นทาง ซึ่งจะมีเจ้าหน้าที่ดูแลอย่างใกล้ชิด