น.ส.ปนัสยา สิทธิจิรวัฒนกุล หรือ รุ้ง โพสต์เฟซบุ๊กเผยสาเหตุไม่สามารถร่วมม็อบ 14 พฤศจิกา อ้างติดงานวิจัย พร้อมฝากให้กำลังใจคนที่อยู่ข้างนอก ยังคงเพ้อวันหนึ่งจะชนะ ย้ำอยากออกไปสู้กับทุกคน
จากกรณีเมื่อวันที่ 14 พ.ย.มีการชุมนุมของม็อบ 5 กลุ่ม เพื่อต่อต้านระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์ ได้แก่ 1. กลุ่มศิลปินเพลงเพื่อราษฎร 2. กลุ่มพลเมืองโต้กลับ เป็นไปด้วยความสงบไม่มีเหตุวุ่นวาย 3. กลุ่มทะลุฟ้า 4. กลุ่มทะลุแก๊ส 5. กลุ่มแนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุม เวลา 13.00 น. ที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย แล้วเคลื่อนขบวนไปแยกปทุมวัน ก่อนที่โฆษกกองบัญชาการตำรวจนครบาลจะสรุปเหตุการณ์ 14 พ.ย. ผู้ชุมนุมเจ็บ 3 ราย ตำรวจเจ็บ 2 นาย
ทั้งนี้ เกิดข้อสังเกตว่าหนึ่งในแกนนำอย่าง “รุ้ง ปนัสยา” ไม่ได้เดินทางเข้าร่วมม็อบในครั้งนี้ด้วย อย่างไรก็ตาม พบว่าเมื่อวันที่ 14 พ.ย. รุ้ง ปนัสยาได้มีการโพสต์ข้อความลงในทวิตเตอร์ส่วนตัว เชื้อเชิญผู้ชุมนุมให้เดินทางไปร่วมม็อบที่แยกปทุมวัน แต่ตัวเองกลับไม่โผล่ไป
นอกจากนี้ เมื่อวันที่ 15 พ.ย. ศาลกรุงเทพใต้สอบคำให้การ “เพนกวิน-รุ้ง-เบนจา” กับพวกรวม 5 คน คดีหมิ่นเบื้องสูงกลางห้างดังย่านปทุมวัน โดยจำเลยให้การปฏิเสธ นัดตรวจหลักฐาน 24 ม.ค. ปีหน้า ขณะที่ รุ้ง-ปนัสยาวืดประกัน หวั่นกระทำผิดซ้ำ
อย่างไรก็ตาม วันนี้ (16 พ.ย.) รุ้งได้ออกมาโพสต์ข้อความลงในเฟซบุ๊กส่วนตัว “Panusaya Sithijirawattanakul” ชี้แจงถึงสาเหตุที่ไม่สามารถร่วมการชุมนุมเมื่อวันที่ 14 พ.ย.ได้ โดยเจ้าตัวได้ระบุข้อความว่า
“เรื่องเมื่อวานที่เกิดขึ้นนั้นเหนือความคาดหมายของเรามากๆ เราไม่นึกว่าเมื่อวานเป็นวันที่เรากลับเข้ามาเรือนจำอีกครั้งหนึ่ง ช่วงนี้เป็นช่วงที่เราพยายามมากๆ ในการจัดการชีวิตตัวเองให้เรียบร้อย พยายามตามเรื่องเรียนให้ทัน วันที่ 14 พฤศจิกายนที่ผ่านมาไม่ได้ไปม็อบด้วยเพราะว่าต้องทำงานวิจัย ขอโทษทุกคนด้วยที่ไม่ได้อยู่ตรงนั้น ต้นเดือนธันวาคมนี้ก็จะสอบปลายภาคแล้ว ไม่รู้จะได้ออกจากเรือนจำทันมั้ย แต่ถ้าไม่ทัน มันก็คงเป็นอีกเทอมหนึ่งที่เราต้องเสียทุกอย่างที่พยายามทำมาไป
ฝากทุกคนที่อยู่ข้างนอกว่าให้กำลังใจนะ หนทางมันดูลำบาก แต่เราก็คงจะพูดเหมือนเดิมทุกครั้ง ว่าอย่างไรวันหนึ่งประชาชนจะชนะ ขอแค่ไม่หยุดสู้ไปเสียก่อน เรายืนยันเหมือนเดิมจากคนที่เพิ่งเข้ามาในนี้อีกครั้ง ว่าคนข้างในว่าจะได้ออกไปเมื่อไหร่ จะเร็วหรือช้าแค่ไหน ขึ้นอยู่กับคนข้างนอก ฝากบอกทุกคนด้วย อยากออกไปสู้กับทุกคน”