คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ประธานพรรคไทยสร้างไทย รับปากชาวนาอีสานขอรับความทุกข์ไปแก้ปัญหา ชี้ภารกิจสุดท้ายต้องทำทุกทางให้พี่น้องหายจน หมดหนี้ มีรายได้
จากกระแสสถานการณ์ราคาข้าวเปลือกตกต่ำถูกกว่าบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป ชาวนาที่มีอาชีพปลูกข้าวหล่อเลี้ยงเศรษฐกิจมายาวนาน ปัจจุบันนี้เกิดผลกระทบไปทั่วประเทศ
ทั้งนี้ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีเผยว่า มาตรการดูแลพี่น้องชาวนามีทั้งโครงการประกันรายได้ปี 2564/2565 โดยกำหนดราคาข้าวเปลือกที่ความชื้นไม่เกิน 15% เช่น ข้าวเปลือกหอมมะลิ ตันละ 15,000 บาท ข้าวเปลือกเจ้า ตันละ 10,000 บาท ข้าวเปลือกเหนียว ตันละ 12,000 บาท รวมทั้งยังมีมาตรการให้เกษตรกรรวบรวมจัดเก็บข้าวไว้ในยุ้งฉาง ซึ่งจะได้รับค่าฝากเก็บตันละ 1,500 บาท และรับซื้อข้าวเปลือกกับสหกรณ์และโรงสีเพื่อเพิ่มสภาพคล่อง โดยชดเชยดอกเบี้ย 3% ระยะเวลา 2-6 เดือนสำหรับโรงสี และ 1 ปีสำหรับสหกรณ์อีกด้วย ซึ่งจะเห็นได้ว่าตลอดระยะเวลา 7 ปีที่ผ่านมาของรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ มีนโยบายที่ชัดเจนในการแก้ไขปัญหาราคาข้าวตกต่ำ เพราะท่านนายกฯ คิดเสมอว่า ชาวนาคือกระดูกสันหลังของชาติ ทั้งนี้ โครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าวนั้นเป็นการสร้างความแน่นอนในเรื่องรายได้ เพื่อดูแลเกษตรกรผู้ปลูกข้าวครอบคลุมกว่า 4.68 ล้านครัวเรือน โดยล่าสุดทาง ธ.ก.ส.แจ้งว่าระบบจะสามารถโอนเงินให้เกษตรกรผู้ปลูกข้าวในโครงการประกันรายได้ งวดแรกในวันที่ 9 พ.ย.ที่ผ่านมา
อย่างไรก็ตาม เมื่อวันที่ 14 พ.ย. คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ประธานพรรคไทยสร้างไทย ได้ออกมาโพสต์ข้อความลงในเฟซบุ๊ก “คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ Sudarat Keyuraphan” เกี่ยวกับทุกข์ของชาวนารอไม่ได้ โดยได้ระบุข้อความว่า
“เมื่อวานนี้ตลอดทั้งวัน หน่อยได้สัมผัสกับชีวิตและความทุกข์ของพี่น้องชาวนาอีสานอย่างใกล้ชิด เป็นความทุกข์ที่สาหัสกว่าหลายครั้งที่ได้เคยไปเยี่ยมเยียน เมื่อไปถึงพี่น้องมอบตะกร้าบรรจุข้าวเปลือก และรวงข้าวที่เก็บเกี่ยวแล้วให้กับมือ
แม่ใหญ่บอกว่า “ช่วยหน่อยเด้อ ช่วยให้ชาวนารอดด้วยเด้อ” ตะกร้าใบนี้จึงบรรจุทั้งความทุกข์ ความหวัง ไว้ให้กับหน่อย
หน่อยบอกแม่ๆ ว่า “ขอรับความทุกข์ของพี่น้องไปแก้ปัญหาให้ ขอรับภาระนี้ไว้บนบ่าทั้งสองข้าง จะทำทุกทางให้พี่น้องหายจน หมดหนี้ มีรายได้ตลอดทั้งปี”
หลังจากนั้น เราร่วมกันเกี่ยวข้าว และขึ้นรถอีแต๋นไปขายข้าวถึงโรงสี ข้าวในที่นา 7 ไร่ ซึ่งมีต้นทุนไร่ละ 3,500 บาท รวมต้นทุนทั้งหมด 24,500 บาท เมื่อไปขายข้าวที่โรงสี ด้วยจำนวนข้าว 1,920 กก. ในราคา กก.ละ 8.7 บาท ได้เงินทั้งสิ้น 16,704 บาท ขาดทุนทันที 7,796 บาท ความจริงนี้ทำให้หน่อยเข้าใจหัวอกชาวนาทั้งประเทศในเวลานี้ มันเหมือนทุกข์ที่ไม่มีทางออก กลายเป็นว่า “ยิ่งทำยิ่งเจ๊ง ยิ่งทำยิ่งจน ยิ่งทำยิ่งเป็นหนี้" ตกค่ำได้รับเมตตา และความเอ็นดูจากพ่อใหญ่แม่ใหญ่จัดพิธีบายศรีสู่ขวัญ รับหน่อยเป็นลูกเป็นหลานของชาวกู่กาสิงห์ พิธีอันเป็นมงคลของชาวอีสานนี้ช่วยเติมกำลังใจให้หน่อยและทีมไทยสร้างไทย พี่น้องทั้งหมู่บ้านหมุนเวียนกันเข้ามาผูกข้อมือ พร้อมมอบคำอวยพรให้ แต่ที่ได้ยินเป็นส่วนใหญ่คือพวกเขาฝากความหวัง
พวกเราขอรับเอาความทุกข์ และความหวังทั้งหมดนี้ไปเป็นแรงใจในการทำงาน และถือเอาว่า “ทุกข์ของชาวนา คือทุกข์ของพรรคไทยสร้างไทย” และ “ถ้าพี่น้องเกษตรกรยังเป็นทุกข์ พรรคไทยสร้างไทยจะไม่หยุดทำงานเพื่อพี่น้อง” ภารกิจสุดท้ายของหน่อยคือ ต้องทำให้ “พี่น้องหายจน หมดหนี้ มีรายได้ทั้งปี” ให้ได้ค่ะ”
อ่านโพสต์ต้นฉบับ