xs
xsm
sm
md
lg

“สมศักดิ์” ย้ำพืชกระท่อมต้องต่อยอดสร้างนวัตกรรมใหม่ ส่วนแบ่งการตลาดที่สูงถึง 1.459 ล้านล้านบาท ช่วยเพิ่มรายได้ให้ประชาชน

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



วันนี้ (4 พ.ย.) ที่รัฐสภา มีการประชุมเชิงนโยบาย เรื่อง “กระท่อม” จากยาเสพติดสู่พืชถูกกฎหมาย โดยมี นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.ยุติธรรม เป็นประธานเปิดการประชุม พร้อมด้วย นางพรรณสิริ กุลนาถศิริ ส.ส.สุโขทัย พรรคพลังประชารัฐ นายวิชัย ไชยมงคล เลขาธิการ ป.ป.ส.

นายสมศักดิ์ กล่าวบรรยายหัวข้อ อนาคตพืชกระท่อม หลัง พ.ร.บ.พืชกระท่อม ตอนหนึ่งว่า การปลดล็อกพืชกระท่อมต้องทำอย่างต่อเนื่อง ไม่เช่นนั้น จะเสียโอกาส เราต้องมีแนวทาง เป้าหมายการปลูก ความเหมาะสมของปริมาณอย่างชัดเจน พืชกระท่อมมีประโยชน์ทางการแพทย์หลายอย่างมาก รวมทั้งยังเป็นอาหาร เครื่องดื่ม ซึ่งที่ผ่านมาในอดีต มีการใช้ใบกระท่อมเพื่อเคี้ยวแทนสำหรับผู้ที่ติดฝิ่น และพืชกระท่อมไม่ได้ติดสัญญาบัญชียาเสพติดระหว่างประเทศ ทำให้เราปลดล็อกได้ง่ายกว่า กัญชงและกัญชา ที่ติดอยู่ในบัญชี ถ้ามองถึงตัวเลขทางด้านเศรษฐกิจ พืชกระท่อมขณะนี้ราคากิโลกรัมละ 300-500 บาท 1 ต้นจะเก็บเกี่ยวใบได้ประมาณ 216 กิโลกรัมต่อปี หากปลูกบ้านละ 3 ต้น จะได้ปีละ 648 กิโลกรัม หากตีเป็นเงินจะได้ประมาณ 194,000 บาทต่อปี และหากปลูก 1 ไร่ จะได้ประมาณ 25 ต้น ผลผลิต 5,400 กิโลกรัม เป็นเงินประมาณ 1,620,000 บาท

นายสมศักดิ์ กล่าวว่า ตลาดโลกที่รับซื้อใบกระท่อมในขณะนี้ คือ สหรัฐอเมริกา ซึ่งมีความต้องการมากถึง 10,000 ตัน โดยเน้นการขายกันทางออนไลน์ โดยหากทำเป็นผง จะมีราคาสูงถึงกิโลกรัมละ 3,000-8,000 บาท โดยมีประเทศที่ส่งออกรายใหญ่คือ อินโดนีเซีย ที่มีส่วนแบ่งทางตลาดมากถึง 95% สำหรับประเทศไทย ขณะนี้มีการปลูกถูกกฎหมาย 135 หมู่บ้าน ถือว่าปริมาณยังน้อยมากเมื่อเทียบกับความต้องการของตลาด ดังนั้น การที่ผู้คนบอกว่าการออกกฎหมายให้ขออนุญาตการส่งออก เป็นการกีดกันการค้า ตรงนี้ไม่ใช่ เพราะเรายังปลูกได้ไม่กี่เปอร์เซ็นของความต้องการตลาด ดังนั้น เราก็ต้องมาคิดว่าเราจะแบ่งตลาดกับอินโดนีเซียได้อย่างไรบ้าง ตลาดทางยุโรปหรือที่อื่นมีที่ไหนต้องการ เราจะพัฒนาการปลูกให้เป็นการสร้างรายได้ให้เกษตรกรได้อย่างไร

“ขณะนี้พืชกระท่อมสามารถนำไปทำผลิตภัณฑ์ได้หลากหลาย เช่น อาหาาร ยารักษาโรค อาหารเสริม เวชสำอาง ซึ่งมีมูลค่ารวมในตลาดมากถึง 1.459 ล้านล้านบาท ดังนั้น การปลูกพืชกระท่อม หากไม่มีการสร้างนวัตกรรม แห่กันปลูกเหมือนพืชอื่นๆ จะทำให้ราคาตกต่ำ จากราคากิโลกรัมละ 300 บาท อาจจะเหลือแค่ 20-30 บาทเท่านั้น เราไม่อยากให้กระท่อมออกมารูปแบบนี้ แต่หากเรามีนวัตกรรมใหม่ๆ มีการสร้างงานวิจัย จะเพิ่มมูลค่าของพืชได้ ดังนั้น หน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องเร่งสร้างงานวิจัยต่างๆออกมาอย่างเร่งด่วน” นายสมศักดิ์ กล่าว








กำลังโหลดความคิดเห็น