xs
xsm
sm
md
lg

“พระมหาไพรวัลย์” ร่ำไห้เตรียมสึกกลับไปดูแลแม่ หาก “พระราชปัญญาสุธี” ไม่ได้เป็นเจ้าอาวาสวัดสร้อยทอง

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



“พระมหาไพรวัลย์” เผยลาสิกขาแน่ หาก “พระราชปัญญาสุธี” รักษาการเจ้าอาวาสวัดสร้อยทอง ไม่ได้ขึ้นเป็นเจ้าอาวาส ร่ำไห้เตรียมกลับไปดูแลมารดาที่ป่วยมะเร็ง ยังจำได้ดีกอดครั้งสุดท้ายก่อนบวชเณร พร้อมพูดติดตลกสึกแล้วอาจเป็นพ่อค้าไลฟ์สดขายของ

วันที่ 29 ต.ค. 2564 พระมหาไพรวัลย์ วรวณฺโณ พระลูกวัดสร้อยทองชื่อดัง ไลฟ์ผ่านเฟซบุ๊กเพจ ในหัวข้อ “ความในใจจาก พส. พว.” โดยมีใจความว่า หากพระราชปัญญาสุธี รักษาการเจ้าอาวาสวัดสร้อยทอง ไม่ได้รับการแต่งตั้งให้ขึ้นเป็นเจ้าอาวาส ตนจะลาสิกขา

อาตมาจะไม่ย้ายไปอยู่วัดอื่น เพราะปัญหาไม่ได้อยู่ที่วัด แต่อยู่ที่ตัวโครงสร้าง พ.ร.บ.คณะสงฆ์ ที่ให้อำนาจเจ้าอาวาสอย่างล้นเหลือ ออกคำสั่งคำเดียวให้ขับพระภิกษุที่เป็นลูกวัดออกจากวัด ก็ไม่มีสิทธิอุทธรณ์ ความเป็นธรรมไม่มี พ.ร.บ.คณะสงฆ์ที่เขียนมาแต่เก่าก่อน ว่า หากเห็นว่าเจ้าคณะผู้ปกครองไม่มีความเป็นธรรม ก็จงย้ายไปอยู่ที่อื่นเสีย เจ้าอาวาสจะลงโทษพระลูกวัดเกินความผิดบ้างก็ไม่เห็นเป็นอะไร

ฉะนั้น อาตมาจึงเห็นว่า เมื่อคนที่เราเห็นว่าเป็นธรรม คนที่เราสักการบูชา ไม่ได้เป็นเจ้าคณะผู้ปกครอง จึงรู้สึกไม่อยากที่จะพินอบพิเทากับระบบ อาตมาไม่ได้มีปัญหากับคน

พระมหาไพรวัลย์ กล่าวอีกว่า อาตมาไม่มีตำแหน่งใดๆ มีตำแหน่งเดียว คือ พระลูกวัด ตำแหน่งที่รักมากที่สุด ภูมิใจที่สุด 12 ปีได้อยู่ที่นี่ ผูกพัน พยายามทำหน้าที่อย่างเต็มความสามารถ เพราะรักที่นี่ ได้เป็นพระมหาไพรวัลย์ที่คนรู้จัก ก็เพราะความใจกว้างของที่นี่

ฉะนั้น คิดถี่ถ้วนดีแล้ว มีเหตุผลทุกขั้นตอนของการคิด ถ้าพระราชปัญญาสุธี ที่ตนมองว่าเป็นผู้ใหญ่มีพรหมวิหารธรรม ไม่ได้รั้งตำแหน่งอธิบดีสงฆ์ของวัดสร้อยทอง ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอะไร ซึ่งมันไม่ชอบด้วยพระธรรมวินัย อาตมาจะสละความเป็นพระ เพื่อที่จะเอาผ้าไตรจีวรที่นุ่งห่มมาสิบกว่าปี ถวายบูชาธรรมกับเจ้าคุณอาจารย์ จะเอาความเป็นพระที่มีอยู่ สละ และถวายคืน

ถ้าความเป็นพระมหาไพรวัลย์ ไม่สามารถช่วยครูบาอาจารย์ ซึ่งอาตมาเปรียบเหมือนพ่อคนที่ 2 ก็ขอบูชาความผิดอะไรก็ตามแต่ ที่นำเภทภัยครั้งนี้มาสู่เจ้าคุณอาจารย์ด้วยผ้าไตรจีวรที่ห่ม

พระมหาไพรวัลย์ กล่าวติดตลกว่า สึกไปถ้ามีคนในเพจเมตตา อาจไลฟ์ขายอะไรก็ได้ เลียนแบบพิมรี่พาย หัวเราะสนั่นหวั่นไหวก็ไม่มีใครห้ามด้วย

จากนั้น พระมหาไพรวัลย์ ได้ร่ำไห้เมื่อพูดถึงมารดา ว่า หลังสึกจะกลับไปดูแลโยมแม่ที่ทำคีโมรักษามะเร็งอยู่ เนื่องจากเป็นลูกคนเดียว

“จำได้ว่าคืนสุดท้ายก่อนบวช แม่ให้ไปนอนด้วย มานอนกอดเพราะบวชแล้วจะกอดกันไม่ได้ จำได้แม่น แม่อาจพูดผิดว่าเป็นการกอดครั้งสุดท้าย อีกไม่นานอาตมาจะได้กลับไปกอดแม่อีก”

ร้องไห้บ้างก็ได้ กระบวนการน้ำตาไหลผ่านตาทำให้เห็นอะไรชัดขึ้น ฉะนั้นไม่ผิด อาจเป็นน้ำตาของความดีใจ




กำลังโหลดความคิดเห็น