xs
xsm
sm
md
lg

ทำไมต้อง เนื้อวัว-ปลาแซลมอน ออสเตรเลีย! เชฟน้ำกลั่นเผยความลับพร้อมแนะเมนูทำเองได้ราวเชฟมืออาชีพ

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



ปฏิเสธไม่ได้ว่าการบริโภคเนื้อวัว และปลาแซลมอนในเมืองไทยติดอันดับเทรนด์นักชิมจากหลากหลายเมนูอย่างน่าสนใจ โดยเฉพาะเนื้อวัว และปลาแซลมอนที่ข้ามฟ้ามาจากประเทศออสเตรเลีย ถือได้ว่ามีคุณภาพความปลอดภัย รสชาติแตกต่างจนทำให้ผู้คนอยากลิ้มลอง 
ที่สำคัญ มีราคาเอื้อมถึงได้ ทำให้ผู้ประกอบการร้านอาหารสามารถนำไปรังสรรค์เมนูพรีเมียมในราคาที่เป็นมิตรต่อผู้บริโภค หรือแม้แต่เราๆ ท่านๆ ที่รักในการทำอาหาร วัตถุดิบจากแดนจิงโจ้ก็เข้าถึงได้ไม่ยาก ด้วยราคาที่โดนใจสุดๆ 
เชฟน้ำกลั่น-ปัญจมา ประภาพันธศักดิ์ เชฟผู้เชี่ยวชาญจากแม็คโคร โฮเรกา อะคาเดมี หรือ MHA บอกเล่าเรื่องราวของสองวัตถุดิบที่กำลังอินเทรนด์ รสชาติติดปากคนไทยว่า อาหารเป็นปัจจัยสี่ที่ขาดไม่ได้ และปัจจุบันผู้คนก็ให้ความสำคัญต่อที่มาของแหล่งผลิต เพราะมีผลกระทบต่อสุขภาพและรสชาติอาหาร ซึ่งประเทศออสเตรเลียเป็นหนึ่งในแหล่งผลิตอาหารที่ดีที่สุดแห่งหนึ่งของโลก โดยเฉพาะเนื้อวัว และ ปลาแทสมาเนียสแซลมอน วัตถุดิบระดับพรีเมียมที่มีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วโลก ด้วยคุณภาพความปลอดภัยจากแหล่งผลิตที่ได้มาตรฐาน ได้รับการยอมรับจากเชฟในร้านอาหาร ภัตตาคาร ไปจนถึงเชฟมิชลิน หรือแม้แต่เชฟมือสมัครเล่นทำอาหารรับประทานเองที่บ้าน 
ความลับที่ทำให้เนื้อวัวออสซี่โดดเด่นในเรื่องความนุ่มของเนื้อสัมผัส มีไขมันต่ำ ความชุ่มฉ่ำที่ยากจะต้านทาน รสชาติมีเอกลักษณ์ เกิดจากการเลี้ยงดูวัวในสภาพแวดล้อมธรรมชาติ อากาศบริสุทธิ์ ผสานกับมรดกทางภูมิปัญญาที่ตกทอดกันมารุ่นสู่รุ่นในกระบวนการทำฟาร์มปศุสัตว์บนแนวคิดยั่งยืน ใช้กระบวนการแปรรูปเนื้อวัวให้น้อยที่สุด ปราศจากการเติมสารปรุงแต่งใดๆ ทำให้ได้ผลิตภัณฑ์เนื้อวัวมีกลิ่นหอมเฉพาะตัวและรสเข้มข้นตามธรรมชาติ มีระดับไขมันแทรกอยู่ตามกล้ามเนื้อเหมือนลายหินอ่อน ที่เรียกกันว่า Marbling Score ในปริมาณที่ผู้เลี้ยงต้องการ จนคอเนื้อทั่วโลกรวมถึงคนไทยสายเนื้อติดอกติดใจ

ขณะที่ปลาแทสมาเนียสแซลมอน เป็นหนึ่งในสายพันธุ์ “ปลา(สี)ส้ม” ที่คนไทยคลั่งไคล้ในความสด เนื้อนุ่มระดับพรีเมียม ซึ่งมาจากแหล่งผลิตที่ถูกการันตีความเป็นที่สุดในด้านของความสะอาดและบริสุทธิ์แห่งหนึ่งของโลก เนื่องจากมีแหล่งเลี้ยงอยู่ในเขตมหาสมุทรใต้ บริเวณชายฝั่งแทสมาเนียทางใต้ของออสเตรเลีย ซึ่งเป็นพื้นที่ขนาดใหญ่ ทำให้ปลามีอิสระในการแหวกว่าย ไม่อึดอัด ส่งผลให้แทสมาเนียนแซลมอนสมบูรณ์ และมีเนื้อสีส้มเข้มถึงแดงสด เพราะมีปริมาณไขมันแทรกอย่างพอดี ไม่เยอะจนเกินไป ไม่เลี่ยน มีคุณประโยชน์ในด้านสุขภาพเต็มๆ
 
ด้วยวัตถุดิบคุณภาพเช่นนี้ เชฟน้ำกลั่นอดไม่ได้ที่จะขอแนะนำการทำเมนูทำเองได้ง่ายๆ ประกอบด้วย “สเต๊กเนื้อสันสตริปลอยน์ ซอสไวน์แดงเดมิเกลซ มันบดกระเทียม แครอท ถั่วลันเตา เห็ดยัดไส้ชีส และหัวหอมทอด” และ “แซลมอนรมควันแบบร้อน” เสิร์ฟกับสลัดอารูกูลา ส้ม สตรอว์เบอร์รี น้ำสลัดกรีกโยเกิร์ต โรยหน้าด้วยถั่วพีแคน
 
เริ่มด้วย “สเต๊กเนื้อสันสตริปลอยน์ ซอสไวน์แดงเดมิเกลซ มันบดกระเทียม แครอท ถั่วลันเตา เห็ดยัดไส้ชีส และหัวหอมทอด” พระเอกก็คือ สันนอกวัวแองกัสออสเตรเลีย ใช้เวลาทำเพียง 45 นาที โดยนำเนื้อมาปรุงด้วยเกลือ พริกไทย นำกระทะตั้งไฟ ใส่น้ำมันรอให้ร้อน วางชิ้นเนื้อลงไป ทอดพร้อมใบไทม์ กระเทียมและเนยเพื่อเพิ่มความหอม จนเนื้อสุกตามที่ต้องการ ตักเนื้อใส่จาน คลุมฟอยล์หลวมๆ พักไว้อย่างน้อย 5 นาที (เก็บกระเทียมที่ทอดสุกไว้สำหรับใส่มันบด) จากนั้นนำผงเดมิเกลซมาผสมกับน้ำตั้งไฟให้เดือดใส่ใบกระวานและใบไทม์ลงไป คนจนน้ำซอสละลาย แล้วพักไว้ นำกระทะที่ใช้ทอดเนื้อเทไวน์แดงลงไป ตั้งไฟ จนกระทั่งไวน์แดงงวด จากนั้นจึงเทน้ำซอสเดมิเกลซที่ผสมไว้ ปรุงรสตามชอบ
 
ส่วนเครื่องเคียงต่างๆ ก็ไม่ยาก เริ่มจาก “มันบด” เทมันบดผงใส่อ่างผสม นำน้ำผสมกับครีม ตั้งไฟให้เดือด เทผสมลงในอ่างมันบดพร้อมกับเนย จากนั้นนำกระเทียมที่ทอดสุกมาบดให้ละเอียดใส่ลงไปผสมให้เข้ากัน ปรุงรสตามชอบ ส่วน “แครอท ถั่วลันเตา” มาลวกจนเกือบสุก จากนั้นนำไปน็อกน้ำเย็น พักไว้ ก่อนเสิร์ฟให้นำมาผัดกับเนย ปรุงรสด้วยเกลือพริกไทย ขณะที่ “เห็ด” นำมาตัดก้านออก นำก้านเห็ดมาสับและผัดกับหอมใหญ่จนเริ่มใส จากนั้นใส่โหระพา ผัดต่อจนสุก ทิ้งไว้ให้เย็นก่อนไปผสมกับมอสซาเรลลาชีส และพาร์มิซานชีส ปรุงรสตามชอบ นำมายัดใส่ในเห็ด วางเห็ดบนถาดที่รองฟอยล์ ทาน้ำมันบางๆ นำไปอบที่อุณหภูมิ 150Cº ประมาณ 15 นาที จนสุก สำหรับ “หอมหัวใหญ่” นำแช่ในนมประมาณ 10 นาที จากนั้นนำมาคลุกกับแป้งสาลีปรุงรสด้วยเกลือพริกไทย ทอดจนกระทั่งมีสีเหลืองและกรอบ เวลาจะจัดจานก็ค่อยวางมันฝรั่งบด เนื้อ ผักผัดเนย เห็ดยัดไส้ชีส และราดซอส แต่งหน้าด้วยพาร์สลีย์สับและหอมหัวใหญ่ทอด เป็นอันเสร็จสวยงาม พร้อมเสิร์ฟได้ทันที
 
เมนูที่สองเอาใจสายสุขภาพที่เป็นสาวกปลา(สี)ส้ม นั่นคือ “แซลมอนรมควันแบบร้อน” เสิร์ฟกับสลัดอารูกูลา ส้ม สตรอว์เบอร์รี น้ำสลัดกรีกโยเกิร์ต โรยหน้าด้วยถั่วพีแคน ใช้เวลาทำเพียง 45 นาที
 
เริ่มจากฝานเปลือกส้มเมอร์คอต (เอาเฉพาะส่วนผิวสีส้ม เพื่อนำไปผสมส่วนที่จะรมควัน) จากนั้นเอาแต่เนื้อส้มออกมา เศษส้มที่เหลือบีบน้ำเก็บไว้เพื่อหมักปลาแซลมอน จากนั้นผสมเกลือ และน้ำตาล 50 กรัม นำมาคลุกเคล้ากับแซลมอนให้ทั่ว ราดด้วยน้ำส้มที่เหลือ และผักชีลาว หมักทิ้งไว้ในตู้เย็น เมื่อครบ 20 นาทีนำมาล้างให้สะอาด ซับให้แห้ง ผึ่งไว้ในตู้เย็น จนกว่าจะนำมารมควัน
 
เวลาจะรมควันก็เตรียมหม้อรมควัน ใช้อะลูมิเนียมฟอยล์รองที่ก้นหม้อ จากนั้นเทข้าวสาร เปลือกส้ม และน้ำตาล 50 กรัม ปิดฝาหม้อไว้ ตั้งไฟ รอจนเกิดควัน แล้วนำตะแกรงมาทาน้ำมันให้ทั่ว วางแซลมอนที่ล้างสะอาดแล้วลงไป เมื่อเริ่มเกิดควันให้รีบเปิดฝาและวางตะแกรงที่มีปลาลงไป และปิดฝาอย่างรวดเร็ว หรี่ไฟไม่ให้แรงเกินไป รมควันประมาณ 4-5 นาที หรือจนกระทั่งปลาสุก ส่วนความสุกเลือกได้ตามชอบ นำออกจากหม้อวางพักไว้ประมาณ 5 นาที ขณะที่น้ำสลัด เริ่มจากผสมกรีกโยเกิร์ต น้ำมันมะกอก กระเทียมสับ ผักชีลาวสับ น้ำมะนาว ปรุงรสด้วยเกลือพริกไทยตามชอบ นำทุกอย่างจัดจานให้สวยงาม
 
มาร่วมปลุกวิญญาณ “เชฟ” ในตัวคุณด้วยวัตถุดิบคุณภาพหลากหลาย ในราคาที่เอื้อมถึงจากประเทศออสเตรเลีย ในงานเทศกาล Taste of Australia” ระหว่างวันที่ 20 ตุลาคม-2 พฤศจิกายนนี้ ณ แม็คโคร ทุกสาขาทั่วประเทศ ซึ่งนอกจากเนื้อวัว และปลาแทสมาเนียนแซลมอนแล้ว ยังมีอาหารทะเล หอยนางรม หอยเป๋าฮื้อ สตรอว์เบอร์รี แครอท ผักสลัด ส้มฮันนีเมอร์คอต องุ่นแดงไร้เมล็ด เซอเลอรี มอซซาเรลลาชีส เชดดาร์ชีส ครีมชีส โยเกิร์ต และอื่นๆ อีกมากมายไว้รอบริการทุกท่าน


















กำลังโหลดความคิดเห็น